กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 995

หลังจากวางสายเทรวิส ชาร์ลีบอกฮาร์วีย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาว่า “ฉันได้ทักทายประธานเลนในนามของนายแล้ว เขาบอกฉันว่า เขาจะย้ายนายไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทเพื่อเป็นผู้ช่วยของเขา”

ฮาร์วีย์และเหล่าเพื่อน ๆ ทั้งโต๊ะต่างตกตะลึง

ทุกคนเคยได้ยินชื่อเทรวิสมาก่อน เขาเป็นคนร่ำรวยที่มีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์!

ยิ่งกว่านั้นการเป็นผู้ช่วยของมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ มันไม่ใช่งานธรรมดา เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาทั่วไปจะได้รับโอกาสพิเศษนี้

อย่างน้อยที่สุด คน ๆ นั้นจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์การทำงานที่คล้ายกันในบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งจึงจะได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งโดยเศรษฐีอย่างเทรวิส

ทุกคนรู้สถานการณ์และภูมิหลังของฮาร์วีย์เป็นอย่างดี

ทั้งฮาร์วีย์และชาร์ลีเป็นเพียงผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเท่านั้น เนื่องจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดูแลพวกเขาจนถึงแค่อายุสิบแปดปีเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาต้องออกสู่สังคมและเริ่มทำงานทันทีที่จบการศึกษาระดับมัธยม

ชาร์ลีโชคดีกว่าเขานิดหน่อย เพราะนายท่านวิลสันส่งเขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโอลรัส เป็นเวลาหนึ่งปีเพราะเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์ให้ชาร์ลีกับแคลร์ในช่วงเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม ฮาร์วีย์เริ่มทำงานตั้งแต่เขาอายุสิบแปดปี เขาทำงานในสถานที่ก่อสร้างมาสองสามปี ก่อนที่เขาจะไปทำงานที่แลงคาสเตอร์สองสามปีต่อ

พูดตรง ๆ ก็คือ สถานการณ์ของฮาร์วีย์ไม่ได้แตกต่างกับคนแก่ที่ทำงานในไซต์ก่อสร้างหรือแรงงานต่างด้าวเลย ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาคือ อายุของฮาร์วีย์นั้นน้อยกว่าพวกเขา

ดังนั้น ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร มันวิเศษมากที่คนแบบนี้ ที่จะทำงานเป็นผู้ช่วยของประธานเลนที่ร่ำรวยมหาศาล

ฮาร์วีย์ก็ไม่เชื่อหูตัวเองเช่นกัน เขาไม่เพียงแต่ไม่เชื่อเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควร หรือไม่สามารถเป็นผู้ช่วยของประธานได้

คงจะคู่ควรกว่า ถ้าเขาได้เป็นหัวหน้าทีมในบริษัทที่เขาทำงานอยู่

ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของฮาร์วีย์ก็ดังขึ้น

เมื่อฮาร์วีย์เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต่อสายก่อนจะถามว่า “สวัสดีครับ นั่นใครครับ?”

อีกฝ่ายตอบทันทีว่า “สวัสดีค่ะ คุณฮาร์วีย์ คาร์เวอร์ หรือเปล่าคะ? ดิฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของเทรวิส กรุ๊ป ดิฉันโทรหาคุณ เพื่อแจ้งว่าตอนนี้คุณได้ถูกย้ายให้มาทำงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทแล้ว เพื่อเป็นผู้ช่วยประธาน ท่านประธานเลนจะให้เวลาคุณหนึ่งสัปดาห์ในการเตรียมตัว หลังจากนั้น คุณสามารถมารายงานตัวที่สำนักงานใหญ่โดยตรงได้เลยค่ะ”

ฮาร์วีย์ตกตะลึงและเขาก็โพล่งออกมา “คุณ…คุณล้อเล่นผมเหรอ? คุณกำลังขอให้ผมเป็นผู้ช่วยของประธานเลนจริง ๆ เหรอ? ผมไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ…”

อีกฝ่ายหัวเราะและพูดว่า “ท่านประธานเลนบอกดิฉันเป็นพิเศษค่ะ ว่าคุณจะต้องเป็นผู้ช่วยของเขาไม่ว่าวุฒิการศึกษาของคุณจะเป็นอย่างไร คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะพิเศษใด ๆ ตราบเท่าที่คุณสามารถขับรถได้ แต่หากคุณขับรถไม่ได้ บริษัทก็สามารถจ่ายเงินส่งคุณไปเข้ารับการฝึกอบรมค่ะ”

ฮาร์วีย์รีบตอบว่า “ผมมีใบขับขี่! ผมมีมันมานานกว่าสามปีแล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่ในแลงคาสเตอร์มาระยะหนึ่งด้วยครับ”

อีกฝ่ายหัวเราะก่อนจะพูดว่า “เยี่ยมค่ะ ถ้าอย่างนั้น คุณก็แค่คอยขับรถให้ท่านประธานเลนไปก่อนค่ะ หากประธานเลนมีงานหรือคำสั่งอะไรให้คุณ เขาจะบอกคุณเองค่ะ ว่าต้องทำอย่างไร”

หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็พูดอีกครั้งว่า “อีกประการหนึ่งนะคะ เงินเดือนของคุณคือสองล้านดอลลาร์ต่อปี นี่คือเงินเดือนพื้นฐานของคุณค่ะ ยังไม่รวมโบนัสและค่าคอมมิชชั่นสิ้นปีของคุณ”

“เท่า… เท่าไรนะ” ฮาร์วีย์ไม่เชื่อ! เขาคิดว่ามีปัญหากับการได้ยินของเขา เขาสามารถหารายได้สองล้านดอลลาร์ต่อปีได้อย่างไร?

ในตำแหน่งของเขา มันก็น่าประทับใจมากแล้ว ถ้าเขาสามารถหารายได้หนึ่งแสนดอลลาร์ต่อปี แม้แต่ในความฝัน เขาก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะได้รับเงินเดือนปีละสองล้านดอลลาร์

เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าฮาร์วีย์ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเธออย่างชัดเจน เธอจึงย้ำกับตัวเองอย่างจริงจังขณะที่เธอพูดว่า “คุณคาร์เวอร์ เงินเดือนพื้นฐานสำหรับตำแหน่งของคุณคือสองล้านดอลลาร์ต่อปีค่ะ…”

ฮาร์วีย์สั่นสะท้านด้วยความกลัวขณะที่เขาโพล่งออกมา “สองล้านดอลลร์ต่อปีมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”