ตอนที่ 2612 คุณสมบัติในการจะเจรจาต่อรอง

การปฎิเสธอย่างรุนแรงของทอร์เร้นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกตัวสั่น และแม้แต่พวกหน้าใหม่ที่ฝึกในห้องโถงเองก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรงจากคำพูดของทอร์เร้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งบางคนนั้นแทบจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันแบบนี้ ….

ความกลัวโดยสัญชาตญาณเกิดขึ้นภายในจิตใจของแอสซาซินขั้นสามที่มารายงานถึงการมาถึงของสภาสิบแปดปีก ถ้าเขาไม่แน่ใจว่าเขาไม่ใช่เป้าหมายของทอร์เร้น เขาคงจะเลือกที่จะหันหลังกลับและหนีไปแล้ว

นี่ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นตั้งความหวังไว้สูงมากเลยงั้นหรอกับกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ ? คริมสันสตาร์รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเย็นชาของทอร์เร้นตอนนี้

ทอร์เร้นนั้นหยุดสอนและหยุดรับศิษย์ไปเมื่อราวสิบปีก่อน เธอและผู้บัญชาการคนปัจจุบันของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ดนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของศิษย์กลุ่มสุดท้ายของเขา โดยผู้บัญชาการนั้นเป็นลูกศิษย์คนโปรดของทอร์เร้นเลย ทอร์เร้นกระทั่งพยายามออกหน้าอย่างเต็มที่เพื่อขอให้เฟรมแบร์เร่อช่วยฝึกให้ผู้บัญชาการ

ดังนั้นพวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดจึงตกตะลึงกันมากๆ เมื่อทอร์เร้นได้ตกลงที่จะฝึกให้กับกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์

ตอนแรกคริมสันสตาร์คาดเดาว่าทอร์เร้นได้ตกลงในเรื่องนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อบริษัทซีอุส แต่เมื่อเห็นปฎิกิริยาของเขาตอนนี้แล้ว คริมสันสตาร์ก็คิดว่าทอร์เร้นน่าจะอยากช่วยให้กลุ่มโซริทารี่ฟรอสต์แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ เพราะถ้าเขาไม่ได้ลงทุนและหวังเอาไว้มาก เขาก็คงไม่โกรธกับความพ่ายแพ้มากขนาดนี้

“ฉันกลัวว่าการไล่พวกเขากลับไปจะเป็นอะไรที่ไม่ฉลาดนะผู้ฝึกสอนทอร์เร้น สภาสิบแปดปีกอาจไม่ได้มีอำนาจมากในทวีปด้านตะวันตก แต่พวกเขาก็สามารถจะแข่งขันกับมหาอำนาจมากมายในทวีปด้านตะวันออกได้ แถมกิลยังควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดเอาไว้ด้วย เนื่องจากหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกมาเยี่ยมเยียนเราเป็นการส่วนตัวแบบนี้ คนอื่นๆจะวิจารณ์กิลเราได้ ถ้าเราไล่เขา …” ไวน์ไฟเตอร์พยายามเกลี้ยกล่อมทอร์เร้น

ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นเป็นซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนาน และมีประสบการณ์โชกโชน ในขณะที่สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้มีฐานปฎิบัติการหลักอยู่ในทวีปด้านตะวันตก แต่อย่างไรก็ตามเครื่องข่ายข้อมูลของไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้ทำการตรวจสอบกิลเล็กๆกิลนี้มาแล้ว และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหลีกหนีชื่อ “สภาสิบแปดปีก” ได้ เพราะกิลๆนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก และท้ายที่สุดมันก็มีมหาอำนาจมากมายที่พูดถึงกิลๆนี้

“หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกมาคนเดียวหรอ ?” คริมสันสตาร์กล่าวถามแอสซาซินขั้นสาม

“ไม่ เขามาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมากกว่าหนึ่งโหล ซึ่งนี่รวมถึงหลงหวู่ชางจากตระกูลหลงด้วย ….” แอสซาซินตอบ

“ตระกูลหลง ? แน่นอนเลยว่าพวกเขาไม่ยอมเสียเวลาเลยแม้แต่น้อย ..” ไวน์ไฟเตอร์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

หลังจากที่ได้รู้ว่าลูกสาวคนรองของตระกูลหลงชนะในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูประจำปีนี้ ไวน์ไฟเตอร์ก็รู้ดีว่าในตอนนี้การจะทำให้ตระกูลหลงเชื่อฟังนั้นก็เป็นไปได้ยากมากแล้ว เพราะตอนนี้สมาชิกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซูได้มาจากตระกูลหลง และท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าทุกคนจะพูดยังไง บริษัทซีอุสก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้ถือหุ้นของหอการค้าเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และเมื่อผู้ถือหุ้นที่เหลือได้เห็นศักยภาพของตระกูลหลงแล้ว พวกเขาก็จะให้การสนับสนุนตระกูลหลงแน่นอน ซึ่งนี่มันจะทำให้การคุกคามกับเข้าครอบงำตระกูลหลงในหอการค้าอาซูนั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ตระกูลหลงจึงมีคุณสมบัติมากพอจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ด และมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ตระกูลจะส่งตัวแทนมา

อย่างไรก็ตามไวน์ไฟเตอร์ก็ไม่คาดคิดเลยว่าตระกูลหลงจะดำเนินการทันทีที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูจบลง

“ดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะเจอกับความมั่นใจแล้วสินะ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ปรากฎตัวออกมาเร็วขนาดนี้ …” คริมสันสตาร์กล่าว

“มันอาจเป็นเพราะสภาสิบแปดปีก กิลนั้นเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิโลกใต้พิภพ นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ยังรับผิดชอบในเรื่องการที่ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ชนะการแข่งขัน เห็นได้ชัดว่าสภาสิบแปดปีกมีความสามารถสูงมากในการเลี้ยงดูผู้เล่นที่มีความสามารถ และตอนนี้มันก็น่าจะทำให้ตระกูลหลงคิดว่าตัวเองจะทำทุกอย่างในด้านนี้ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากไวโอเล็ตซอร์ดและบริษัทซีอุส” ไวน์ไฟเตอร์คาดเดา

สิ่งที่สำคัญที่สุดด้านการพัฒนาของกิลก็คือผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถและทรัพยากรที่มากเพียงพอ แม้ว่าหอการค้าอาซูจะไม่ได้ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากเท่ากับซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนานอย่างไวโอเล็ตซอร์ด และหากหอการค้าอาซูต้องการจะพัฒนาต่อไป พวกเขาก็จะต้องเป็นพันธมิตรกับซุเปอร์กิล โดยนี่คือสิ่งที่ตระกูลผู้ถือของหอการค้าอาซู และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดล้วนผลักดันอย่างหนัก

อย่างไรก็ตามหากหอการค้าอาซูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสมาชิกที่มีความสามารถอีกต่อไป ทั้งตระกูลหลง และสมาชิกหอการค้าที่เหลือก็จะไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ตซอร์ดเลย เพราะท้ายที่สุดไวโอเล็ตซอร์ดก็เรียกราคาที่สูงมากสำหรับการเป็นพันธมิตรอยู่แล้ว และความร่วมมือกับพันธมิตรนี้ก็จะเปลี่ยนหอการค้าอาซูให้เป็นเหมือนกับกึ่งกิลที่อยู่ใต้อาณัติของไวโอเล็ตซอร์ดเลย ซึ่งมันไม่มีผู้ถือหุ้นของหอการค้าอาซูรายใดต้องการสิ่งนี้ แต่พวกเขาก็เห็นด้วยเนื่องจากบริษัทซีอุสได้ทำการกดดันพวกเขาอย่างหนักจนพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

“นี่มันน่าสนใจจริงๆ พาพวกเขาไปที่ห้องรับรองและให้พวกเขารอสักครู่ ….” ทอร์เร้นตัดสินใจ “ฉันอยากจะรู้นักว่าสภาสิบแปดปีกมีความสามารถอะไรถึงทำให้หลงหวู่
ชางมั่นใจได้มากขนาดนี้ !!!”

“เข้าใจแล้ว !!”

แอสซาซินขั้นสามถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าทอร์เร้นสงบลง จากนั้นเขาก็วิ่งกลับไปที่ทางเข้าของสถานที่พักกิล

ในขณะเดียวกันฝูงชนก็ได้ก่อตัวขึ้นที่ด้านนอกสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ด โดยพวกเขามีการพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสมาชิกสภาสิบแปดปีก

เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นนี้สะดุดตามากเกินไป
อะเม้าท์ขนาดมหึมาสองตัวนั้นยืนอยู่ด้านหลังของสมาชิกสภาสิบแปดปีก โดยตัวหนึ่งเป็นอินทรีที่มีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบร่างกาย ขณะที่อีกตัวหนึ่งเป็นมังกรโครงกระดูกที่แผ่ออร่าอันเย็นยะเยือกออกมา โดยอะเม้าท์ทั้งสองนั้นมีออร่าเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน และเมื่อพวกมันมายืนเคียงข้างกัน พวกมันก็เป็นตัวตนที่ไม่อาจจะเพิกเฉยได้เลย

“อึก !!! คนเหล่านี้เป็นใครกัน ?!! พวกเขามีกระทั่งอะเม้าท์บินได้สองตัวที่สามารถเทียบกับอินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดได้เลย !!!”

“กิลนี้น่าทึ่งจริงๆ ไวโอเล็ตซอร์ดมีอะเม้าท์บินได้ที่พิเศษแบบนี้แค่สองตัวเท่านั้น แต่กิลๆนี้กับมีสองตัวด้วยเช่นกัน !!!”

ในระยะนี้ของเกม อะเม้าท์บินได้ยังจัดว่าเป็นสิ่งไม่สามารถเอื้อมถึงได้เลยสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ใน God domain และแม้แต่กิลขนาดใหญ่ต่างๆก็มีอะเม้าท์บินได้แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น แถมโดยส่วนใหญ่ยังเป็นแค่ระดับทั่วไปด้วย แต่ถึงกระนั้นนี่มันนก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาแสดงความแข็งแกร่งได้

ในขณะเดียวกันเหล่าซุเปอร์กิลนั้นก็จะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งมากๆ เมื่อได้รับอะเม้าท์บินได้ที่แข็งแกร่งเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็ยังต้องหนีจากแกรนลอร์ดที่เลเวลนี้ และมันก็มีเพียงแต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่จะฆ่าแกรนลอร์ดที่เลเวลนี้ได้

อย่างไรก็ตามหากมีอะเม้าท์บินได้ที่ระดับนี้ ไม่เพียงแต่กิลจะสามารถล่าพวกแกรนลอร์ดได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาก็ยังจะสามารถขยายขอบเขตการปฎิบัติการของตัวเองออกไปได้มากขึ้นเพื่อที่จะค้นหาและรับเอาทรัพยากรมามากขึ้นได้

ในขณะที่ผู้คนกำลังเดินผ่านไปผ่านมา และล้วนพูดคุยกันถึงอะเม้าท์บินได้สองตัวของสภาสิบแปดปีกอย่างเงียบๆ หลงหวู่ชางซึ่งรออยู่ที่ทางเข้าสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ดก็เริ่มเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะทำตามคำพูดของเขาจริงๆและเดินทางมาเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดทันทีที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูสิ้นสุดลง นักดาบไม่ได้ให้เวลาไวโอเล็ตซอร์ดในการสงบสติอารมณ์ด้วยซ้ำหลังจากทำให้ซุเปอร์กิลต้องรับรู้ถึงรสชาติของความพ่ายแพ้

ผลของการแข่งขันนี้นั้นมันสามารถบอกได้เลยว่าเป็นการทำลายแผนการของบริษัทซีอุส และไวโอเล็ตซอร์ด ในการที่จะเข้าควบคุมหอการค้าอาซู ซึ่งนี่มันจะทำให้พวกเขาโกรธมากแน่นอน และพวกเขาก็จะต้องโทษสภาสิบแปดปีกที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายแผนการของพวกเขา

แม้ว่าตระกูลหลงและสภาสิบแปดปีกจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเจรจากับบริษัทซีอุส และไวโอเล็ตซอร์ดได้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ควรผลักดันให้มีการเจรจาเกิดขึ้นเลย ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงมีอารมณ์อยู่แบบนี้ เพราะไม่เพียงแต่การเจรจาอาจจะล้มเหลว แต่เผลอๆมันยังอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วย

“วอร์นเดอร์ เธอช่วยเกลี้ยกล่อมหัวหน้ากิลของเธอหน่อยได้ไหม ? ฉันรู้ว่าเขาต้องการจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ด แต่เขาก็ไม่ควรจะรีบทำในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ …” หลงหวู่ชางกระซิบกับไซเร้นวอร์นเดอร์ “หากทำการเจรจาตอนนี้ ไม่เพียงแต่การเจรจามีสิทจะล้มเหลวสูงมาก แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็จะเกลียดเราด้วย ซึ่งมันจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ในหอการค้าอาซูได้”

เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูนั้นไม่ได้สนใจเป็นพิเศษว่าหอการค้าอาซูจะต้องร่วมมือหรือเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ตซอร์ดไหม แต่การกลายเป็นศัตรูมันก็คนละเรื่องกัน หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างมันจะจบลงแน่นอนสำหรับตระกูลหลง เพราะพื้นที่ทรัพยากรหลักของหอการค้าอาซูนั้นมีอยู่มากเกินไปในดินแดนของไวโอเล็ตซอร์ด และนี่ยังไม่นับรวมพื้นที่อื่นๆอีก หากซุเปอร์กิลตัดสินใจที่จะไม่สนใจหอการค้าอาซู และทำสงครามเพื่อแย่งชิงพื้นที่เหล่านี้ หอการค้าก็จะเดือดร้อนมากแน่นอน

“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว เธอเห็นด้วยกับความคิดของหลงหวู่ชาง

สภาสิบแปดปีกแทบจะไม่มีอำนาจใดๆอยู่ในทวีปด้านตะวันตก ในขณะที่ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นสามารถที่จะโจมตีหอการค้าอาซูได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงไวโอเล็ตซอร์ดได้ หากต้องการจะขยายอิทธิพลเข้ามายังทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการจะเห็นกิลเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของไวโอเล็ตซอร์ดเพราะเรื่องของเธอ

อย่างไรก็ตามในขณะที่ไซเร้นวอร์นเดอร์กำลังจะเดินเข้าไปใกล้ซือเฟิง แอสซาซินขั้นสามก็โผล่ออกมาจากสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ด และเดินเข้าไปหาซือเฟิง “ขอโทษที่ให้รอนานหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม โปรดตามฉันมา”

“ได้เลย …” ซือเฟิงตอบพร้อมกับทิ้งอินทรีสายฟ้าไว้ด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็เดินตามแอสซาซินเข้าไปในสถานที่พักกิลทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ไม่มีโอกาสจะเข้าไปแทรกแซงเลย

เมื่อเข้าสู่สถานที่พักกิลของซุเปอร์กิล ทั้งหลงหวู่ชาง และไซเร้นวอร์นเดอร์ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

ไม่เพียงแต่สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดในสถานที่พักกิลของพวกเขาจะมีเลเวลสูงมาก แต่มันกับมีอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามด้วย แถมหลังจากกวาดตามองคร่าวๆ พวกเขาก็พบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งมากกว่าหนึ่งร้อยคนเลยทีเดียว

เมื่อพวกเขามาถึงปราสาทที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางของสถานที่พักกิล พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึง เมื่อได้เห็นมานาที่หนาแน่นมากซะจนมันกลั่นตัวเป็นหมอกสีขาว และปราสาททั้งหลังก็ให้ความรู้สึกโบราณมากๆ

สมาชิกของซุเปอร์กิลทุกคนที่เข้าและออกจากปราสาทได้แผ่ออร่าอันทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ออกมา และมันก็มีคนจำนวนหนึ่งด้วยที่แข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซู

“ที่นี่คือไวโอเล็ตซอร์ดงั้นหรอ ?…”

ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นประหลาดใจมาก เมื่อเธอได้เห็นรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยกว่าเธอมากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเดินเข้าไปในปราสาท และแม้แต่กลุ่มผู้เล่นแบบสุ่มก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำมากมาย นอกจากนี้นี่เป็นเพียงหนึ่งในสถานที่พักกิลหลายแห่งของไวโอเล็ตซอร์ด และไวโอเล็ตซอร์ดยังมีสนามฝึกอีกมากมายหลายแห่งด้วย หากกิลระดมพลรุ่นเยาว์ทั้งหมดมารวมกัน มันก็คงจะเกิดภาพที่น่ากลัวมากแน่นอน

“โปรด เข้ามา !!” แอสซาซินขั้นสามกล่าว ขณะที่ผายมือแสดงท่าทางให้พวกเขาเดินไปยังกิลฮอล และเมื่อเขาสังเกตเห็นความประหลาดใจของหลงหวู่ชางกับไซเร้นวอร์นเดอร์ เขาก็รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจมากๆ
โดยรวมแล้วไวโอเล็ตซอร์ดอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากเท่ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ในเรื่องการดูแลผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถนั้น กิลก็ไม่ได้เป็นรองซุเปอร์กิลใดๆ แถมจริงๆแล้วต้องบอกว่ากิลยังจัดอยู่ในระดับต้นๆด้วย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แอสซาซินขั้นสามก็นำซือเฟิงและพรรคพวกของเขาเข้าไปในห้องรับรองชั้นบนสุดของกิลฮอล

โดยมันมีผู้เล่นสามคนคือ ทอร์เร้น ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครใส่ใจจะปกปิดออร่าของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจจะขู่ตัวแทนของสภาสิบแปดปีก

แน่นอนเลย … หลงหวู่ชางนั้นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเห็นทั้งสามคน เขารู้ดีว่าการเจรจาจะไม่จบลงด้วยดีแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันสามารถบอกได้จากออร่าของทั้งสามอย่างชัดเจน และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังจะต้องตัวสั่น เมื่อเผชิญหน้ากับออร่าของทั้งสามรวมกัน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นที่อ่อนแอกว่านั้นเลย

ในความเห็นของหลงหวู่ชาง นอกเหนือจากซือเฟิง ไวโอเล็ทคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์แล้ว ทีมที่เหลือของพวกเขาไม่น่าจะทนต่อออร่านี้ได้

ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นดังนี้นั้นแอสซาซินขั้นสามก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยสภาสิบแปดปีก เขาเองก็อยากให้สภาสิบแปดปีกรู้ว่าไวโอเล็ตซอร์ดนั้นไม่ใช่ซุเปอร์กิลทั่วไปที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถมายั่วยุแบบนี้ได้ถึงที่ หลังจากการแข่งขันพึ่งจะจบลง

“ห้องนี้มันอบอ้าวจริงๆ อควา แล้วก็ทุกคนทำไมไม่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองล่ะ ? มันจะเย็นกว่านะด้วยวิธีนี้ …” ซือเฟิงแนะนำอย่างสบายๆ ขณะที่จ้องมองไปยังทอร์เร้น และอีกสองคน