ตอนที่ 671 คดีโจรกรรมสะท้านปฐพี

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 671 คดีโจรกรรมสะท้านปฐพี

“ขุมทรัพย์ของข้าอยู่ที่ใด ? ”

ฮ่องเต้ทรงแผดสุรเสียงดังลั่น เสียงของพระองค์ดังก้องภายในโถงที่ทำจากหินแห่งนี้

“ฝ่าบาทได้โปรดเย็นพระทัยก่อน กระหม่อมเจออัญมณีเรืองแสงหนึ่งเม็ดซึ่งหมายความว่าที่แห่งนี้เป็นแหล่งซุกซ่อนสมบัติอย่างมิต้องสงสัยพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่อัญมณีเรืองแสงเม็ดเดียวเองหรือ ? ”

“…อาจจะหาเพิ่มได้อีกสักเม็ดพ่ะย่ะค่ะ”

ฝ่าบาททรงรู้สึกมิชอบมาพากล “ฮั่วหวยจิ่น ! ”

ฮั่วหวยจิ่นเองก็งงงวยมิแพ้กัน พอได้ยินฝ่าบาทแผดสุรเสียงเรียกในตอนนี้ จึงทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เจ้ารีบกลับขึ้นไปแล้วเรียกทุกคนลงมาให้หมดยกเว้นพวกทหาร ! ”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮั่วหวยจิ่นยืดกายแล้วเหาะขึ้นไป เหล่าเสนาบดีที่รออยู่ด้านบนล้วนชะโงกหน้าลงไปด้านล่างพอดี เยี่ยนเป่ยซีจึงคว้าตัวเขาได้ในทันทีที่มาถึง แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฮั่วหวยจิ่น นำขุมทรัพย์ขึ้นมาได้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฮั่วหวยจิ่นรู้สึกกระอักกระอ่วน มิรู้ควรตอบว่าเยี่ยงไรดี ?

เขาได้แต่ยิ้มเจื่อนแล้วตอบว่า “เรียนท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน ณ เวลานี้ยังหาสมบัติมิเจอขอรับ ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้ท่านทั้งหลายลงไปค้นหาสมบัติด้วยกัน”

เยี่ยนเป่ยซีตื่นตกใจ ยังค้นหามิเจอเยี่ยงนั้นหรือ ? ใต้ภูเขาใหญ่โตมโหฬารถึงเพียงนั้นแต่กลับไร้ขุมทรัพย์ให้เห็น แล้วสมบัติเหล่านั้นถูกเก็บไว้ที่ใด ?

เขารู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในใจแล้วโบกมือเรียก “ท่านทั้งหลายได้โปรดตามข้าไปค้นหาสมบัติ ! ”

“ช้าก่อนใต้เท้าเยี่ยน ท่านอายุมากแล้ว…” ฮั่วหวยจิ่นยังมิทันได้ห้าม เยี่ยนเป่ยซีก็ได้ทำหน้าที่เป็นแกนนำพาทุกคนลงบันไดไปยังด้านล่างก่อนแล้ว

ต่งคังผิงเองก็ตื่นตกใจมิแพ้กัน ทรัพย์สมบัติหลายพันล้านตำลึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่ตนถวิลหา แต่มันกลับมิมีอยู่ด้านล่างนี้ !

เหตุใดจึงกลายเป็นมิมีไปได้กัน ?

อาจจะเป็นเพราะยังมิได้ค้นหาทุกซอกทุกมุม ดี ! เยี่ยงนั้นข้าจะลงไปค้นหาด้วยตนเอง !

ดังนั้นเขาจึงเป็นบุคคลที่สองที่ปีนบันไดลงไป

ตามมาด้วยเยี่ยนฮ่าวชูและเสนาบดีคนอื่น ๆ ก็ตามลงไปตามลำดับ แต่ละคนมีสีหน้าประหม่า หัวจิตหัวใจรู้สึกเต้นมิเป็นจังหวะ

บัดนี้ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่เบื้องล่างด้วยอารามดิ้นพล่านราวกับมดที่กำลังเดินบนกระทะที่ร้อนระอุ พระองค์ทรงดำเนินไปมาด้วยความเป็นกังวล พอเห็นว่ามีกำลังคนมาถึงพอประมาณจึงได้แผดสุรเสียงบัญชาการอีกครา

“พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังเอาไว้ให้ดี จงค้นหาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ! ดูสิว่ายังมีประตูใดแอบซ่อนอยู่ในเงามืดอีกหรือไม่ ! ”

“จงพลิกแผ่นดินค้นหาเสียให้สิ้น และค้นหาขุมสมบัติมาให้ข้าให้จงได้ ! ”

ดังนั้นทุกคนจึงรีบค้นหาตรงกำแพงหรือลงไปอยู่กับพื้นเพื่อค้นหารอยแตก มีบางคนเหินขึ้นไปครึ่งทางของถ้ำแล้วใช้คบไฟสำรวจอย่างละเอียด

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมพบพลอยโกเมน 1 เม็ดพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“ทูลฝ่าบาท ที่ตรงนี้มีเศษทองแหลกละเอียดอยู่พ่ะย่ะค่ะ ! ”

“ทูลฝ่าบาท ผงทอง กระหม่อมพบผงทองพ่ะย่ะค่ะ ที่แห่งนี้ต้องเคยเก็บแท่งทองคำเอาไว้เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ ! ”

“…”

สีพระพักตร์ของฝ่าบาทแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน สิ่งที่ค้นพบเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ที่แห่งนี้เคยเป็นจุดซ่อนสมบัติมาก่อนอย่างแท้จริง แต่ทว่าตอนนี้มิมีอยู่แล้ว…หรือว่าขุมทรัพย์จำนวนมากมายมหาศาลจะงอกมืองอกเท้าแล้วเดินออกไปเองได้กัน ?

วัดฟูจื่อแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจินหลิง ผู้ใดกันที่สามารถขนย้ายสมบัติกองเท่าภูเขานี้ออกไปได้อย่างไร้สุ้มเสียง ?

พวกสายลับหอซี่หยู่ตาบอดกันหมดแล้วหรือเยี่ยงไร ?

ฮ่องเต้มิทรงปักพระทัยเชื่อว่าจะมีคนมาถึงก่อนพระองค์

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็มิปักใจเชื่อเช่นกัน

ถ้าหากมีคนเปิดขุมทรัพย์นี้ได้จริง คนผู้นั้นจะขนออกไปได้สักเท่าใดกันเชียว ?

แต่ทว่าตอนนี้ที่ด้านใดก็เกลี้ยงหมดจด สะอาดเสียยิ่งกว่าตอนถูกฝูงตั๊กแตนยักษ์บุกกินเสบียงเสียอีก

เขาค่อย ๆ ย้อนรำลึกถึงความทรงจำ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหาเบาะแสได้บ้าง

ได้ยินข่าวเรื่องสมบัตินี้มาจากองค์ชายสี่ แต่องค์ชายสี่บอกว่ากุญแจที่จะเข้าถึงขุมทรัพย์อยู่ในมือของอาวุโสเช่อเหมิน ด้านขันทีเจี่ยบอกว่าอาวุโสเช่อเหมินถูกฟู่ต้ากวนสังหารมาเนิ่นนานแล้ว… ถูกฟู่ต้ากวนสังหารแล้ว… กุญแจนั้น… หรือว่ากุญแจนั้นจะตกอยู่ในมือของฟู่ต้ากวนกัน ?

ส่วนขุมทรัพย์…

หัวใจของฟู่เสี่ยวกวนเต้นรัวขึ้นมายามนึกขึ้นมาได้ว่า บิดาอ้วนได้กว้านซื้อที่ดินมูลค่ากว่าร้อยล้านของราชวงศ์อู๋… หรือว่า…เป็นฝีมือของบิดาอ้วนกัน ?

ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ราวกับได้เคลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ และรู้สึกว่ามิค่อยมีความเป็นไปได้สักเท่าใดนัก

ต่อให้บิดาอ้วนมีกุญแจอยู่จริง ก็มิมีทางขนสมบัติกองเท่าภูเขาออกไปได้ทั้งหมด

แล้วนำออกไปได้เยี่ยงไรกัน ?

ต่อให้ค่อย ๆ ทยอยเอาออกทุกวัน แต่สมบัติมากมายถึงเพียงนี้ต้องขนย้ายนานเท่าใดกัน ?

แล้วจะย้ายไปยังที่แห่งใด ?

เพราะมิว่าจะเอาไปกองไว้ที่ใด จำนวนมหาศาลก็มิอาจแปรเปลี่ยนได้ นอกเสียจากว่าบิดาอ้วนจะสร้างท้องภูเขาขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งลูก

เหตุใดทางหอซี่หยู่จึงสัมผัสมิได้ถึงความผิดปกติเหล่านี้กัน ? ฟู่เสี่ยวกวนจึงล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย เขาคิดขึ้นมาในใจว่าอาจจะมีบานประตูลับอยู่ในนี้ก็เป็นได้

ประตูลับนั้น…เขาเงยหน้าขึ้นมองทั่วทุกสารทิศ ประตูลับมิอาจอยู่บนผนังหินได้ หากขุดต่อไปอีกภูเขาลูกนี้ก็ทะลุพอดี ประตูลับต้องอยู่เบื้องล่างเป็นแน่

สมมุติว่าราชวงศ์เฉินต้องการให้ขุมทรัพย์แห่งนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก็เกรงว่าต้องขุดรูขนาดใหญ่เอาไว้ใต้พื้นเฉกเช่นเดียวกับสุสานจักรพรรดิ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มค้นหาอย่างละเอียดอีกครา

หนึ่งชั่วยามได้ผ่านพ้นไปท่ามกลางความวิตกกังวลของทุกฝ่าย ฟู่เสี่ยวกวนค้นพบมุมหนึ่งภายในท้องภูเขา และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา…

เขาเคาะพื้นหินแผ่นหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียง ‘กึกกึก’ ดังออกมา แสดงว่าพื้นเบื้องล่างนั้นกลวงโบ๋ !

เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็นำมีดสั้นที่พกติดตัวออกมาจัดการงัดพื้นหินนี้ออกด้วยความระมัดระวัง…

และแล้วปากถ้ำขนาดเล็กก็ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า !

เขายกคบไฟขึ้นแล้วสาดแสงไปยังด้านใน พบว่ามีทางเดินที่ทำจากหินทอดยาวคดเคี้ยวลงไปจากปากถ้ำ

“ฝ่าบาท… ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนแผดเสียงดังลั่น จนทำให้ฮ่องเต้ตกพระทัย พระองค์รีบดำเนินมาหาเขาด้วยความรีบร้อนทันที

“กระหม่อมคิดว่าสมบัติน่าจะอยู่เบื้องล่างนี้พ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮ่องเต้ทรงปลื้มปีติยิ่ง นอกจากด้านล่างนี้ก็ไร้ที่อื่นอีกแล้ว !

“พวกเจ้ารีบลงไปดูให้ข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

คนทั้งหมดได้มารายล้อมตรงจุดนี้ จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินนำไปเป็นคนแรก ฮั่วหวยจิ่นเดินตามลงไปอย่างใกล้ชิดแล้วก็ตามด้วยนายทหารมากกว่าหนึ่งร้อยนาย ถัดมาคือฝ่าบาทที่ทรงพระราชดำเนินตามไปโดยมีเหล่าขุนนางเดินปิดท้าย

ทางเดินนั้นมิยาวมากนัก ด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งถ้วยชาฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินมาจนสุดทางเดินนี้ และเบื้องหน้าก็ได้ปรากฏประตูบานหนึ่ง

เขาเดินเข้าไปแล้วใช้มือผลักให้ประตูเปิดออก สายลมเย็นยะเยือกได้พัดโถมเข้ามาตรงหน้า ทำให้ตัวเขาสั่นสะท้านเพราะความหนาวเย็นที่มิทันได้ตั้งรับ

เขาก้าวเข้าไปด้านในและทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังออกมา…

เขาขมวดคิ้วสดับฟังจนพบว่านั่นคือเสียงน้ำไหล !

ที่แห่งนี้เป็นแม่น้ำสายหนึ่ง !

เมื่อยกคบไฟขึ้นเพื่อมองไปโดยรอบก็ต้องเผชิญหน้ากับความตกตะลึง !

เขามิได้ก้าวเดินไปเบื้องหน้าอีก เพราะมิมีหนทางให้เดินต่อไปแล้ว

ฮ่องเต้ดำเนินมาที่ข้างกายของเขา แล้วทอดพระเนตรภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องพระพักตร์ จากนั้นก็อ้าพระโอษฐ์ค้างด้วยความตกพระทัย

พวกเขาทั้งหลายยืนอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำ !

ริมฝั่งแม่น้ำนี้ยังมีเรือลำเล็กจอดอยู่หนึ่งลำ !

หากเอ่ยตามหลักความเป็นจริงแล้ว การที่มีเรือจอดอยู่ในที่อับชื้นเช่นนี้เป็นเวลานานกว่าสองร้อยปี เรือลำนี้ควรเน่าสลายไปเนิ่นนานแล้ว แต่ทว่าเรือลำนี้มิได้เป็นเช่นนั้น

ฟู่เสี่ยวกวนลองยื่นมือไปเคาะเรือลำนี้ดู พบว่ามันยังดูเหมือนใหม่ มีเพียงรอยตำหนิเล็กน้อยเท่านั้น

เช่นนี้จึงเกิดคำถามตามมาว่า แม่น้ำแห่งนี้จะทะลุไปยังที่ใด ?

แต่ทว่าฮ่องเต้มิทรงมีพระดำริมากถึงเพียงนั้น พระองค์รู้เพียงแค่ว่าที่แห่งนี้มิสามารถมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ได้

แล้วขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ที่ใดกัน ?

“ขุมทรัพย์ของข้าอยู่ที่ใด ? ! ”

ฮ่องเต้ทรงแผดสุรเสียงดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ

มิมีผู้ใดสามารถตอบได้ว่าขุมทรัพย์อยู่ที่ใด

บัดนี้… ได้บังเกิดความเงียบสงัดไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด ๆ

ราวกับว่าหัวใจของต่งคังผิงได้ตกหล่นไปอยู่บริเวณหุบเขาที่มีน้ำแข็งเกาะ จึงหนาวเย็นขึ้นมา

เยี่ยนเป่ยซีค่อย ๆ หลับตาลง รับรู้ได้ภายในใจว่าขุมทรัพย์ต้องถูกขนย้ายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ฮั่วหวยจิ่น เจ้าขึ้นไปบนเรือลำนั้นแล้วพายให้ข้าดูว่ามันเคลื่อนไปยังทิศทางใด ! ”

“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮั่วหวยจิ่นพายเรือลำเล็กไปยังกลางแม่น้ำ เขาพายไปตามทิศทางของน้ำแล้วหายไปในที่สุด

ฟู่เสี่ยวกวนยกคบไฟขึ้นมาส่องไปยังบริเวณโดยรอบ จากนั้นสายตาก็ได้ปะทะเข้ากับผนังหินที่อยู่บริเวณแม่น้ำใต้ดินแห่งนี้…

เขาเบิกตาโตด้วยความตื่นตกใจแล้วก้าวไปเบื้องหน้าทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปจับตะไคร่ที่เกาะอยู่บนผนัง

บนผนังหินนั้นได้มีการสลักตัวอักษรไว้หลายตัว

‘ข้าจากไปอย่างเงียบ ๆ

เฉกเช่นที่ข้ามาเยือนอย่างเงียบ ๆ

ข้าโบกมืออย่างเชื่องช้า

อำลาเมฆทิศประจิม

……

ข้าย่องจากไปอย่างเงียบเชียบ

เฉกเช่นที่ข้าย่องมาอย่างเงียบเชียบ

ข้าโบกสะบัดแขนเสื้อ

สมบัติกองเท่าภูเขาหายวับไปกับตา’