ตอนที่ 490 ยังสามารถบำเพ็ญเพียรได้
อีลั่วเสวี่ยพูดในใจเช่นนี้แล้วกะพริบตา ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง ถ่ายทอดพลังทิพย์เข้าสู่ร่างเฉวียนหมิงอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เข้าเริ่มสัมผัสกับไอทิพย์รอบตัว
เริ่มแรกเฉวียนหมิงยังไม่เข้าใจ แต่แล้วความคิดก็ค่อยๆ เริ่มตามทิศทางการไหลเวียนของฤทธิ์ยาไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น
เดิมร่างเฉวียนหมิงอยู่ในแนวดิ่ง แล้วถูกพลังทิพย์เปลี่ยนมาอยู่ในแนวขวางอย่างช้าๆ ถึงตอนนี้ อีลั่วเสวี่ยยื่นมือออกมาอีกข้าง พร้อมกับใช้พลังทิพย์กดลงบนตำแหน่งจุดแทงเข็มบนแขนขาของเขา
ใช้พลังทิพย์ทำการกระตุ้นจุดแทงเข็มในบริเวณที่ฤทธิ์ยาทำการซ่อมแซมเส้นประสาท คล้ายกับการเชื่อมต่อกระดูก จะทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง
“อ้า…” ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เฉวียนหมิงลืมตาขึ้นทันที แล้วร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
อีลั่วเสวี่ยเม้มริมฝีปาก แล้วพูดข้างตัวเขา “เฉวียนหมิง ทนหน่อย เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว”
เฉวียนหมิงหลับตาลง ไม่พูดอะไร ปล่อยให้อีลั่วเสวี่ยจัดการ ส่วนเขากัดฟันแน่น ไม่ส่งเสียง ความเจ็บปวดนี้เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เกิดจากการกินยาครั้งก่อน นับว่าน้อยกว่ามาก
แต่เพราะระยะนี้เขามีความสุขมาก จนทำให้ลืมไปว่าอะไรคือความเจ็บปวด
ราวหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในขณะที่เฉวียนหมิงเองนอนจนรู้สึกชาและพลังทิพย์ในตัวอีลั่วเสวี่ยแทบจะหมดแล้ว ทันใดนั้นเฉวียนหมิงก็รู้สึกตัวเบา ร่างเขาเหมือนมีความรู้สึกแปลกออกไป
เขาลืมตาขึ้น ถึงกับสามารถมองเห็นไอทิพย์เป็นสายๆ ในอากาศ คล้ายกับควันที่เกิดขึ้นเวลาจุดธูป เพียงแต่ควันนี้ไม่เป็นสายต่อเนื่อง มีขนาดเท่าเส้นผมและสว่าง
“นี่คือไอทิพย์ใช่ไหม?” เฉวียนหมิงยื่นมืออกไปอย่างไม่รู้ตัว สัมผัสถูกไอทิพย์ ส่วนไอทิพย์หมุนรอบนิ้วมือเขาอย่างซุกซน แล้วเข้าไปในร่างกายเขา
พอไอทิพย์เข้าสู่ร่าง รู้สึกเหมือนได้ดื่มน้ำร้อนขณะที่อากาศหนาวจัดในหน้าหนาว เป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก แต่บอกได้เพียงคำดีว่า สบาย!
อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้ว “เป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ ยินดีด้วยค่ะ ต่อไปนี้คุณบำเพ็ญเพียรพร้อมกับฉันได้แล้ว” จุดประสงค์ในการหลอมโอสถทิพย์นี้ข้อแรกคือรักษาเฉวียนหมิง ข้อสองแน่นอนว่าเธออยากให้เขาสามารถบำเพ็ญเพียรได้
ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ยอมสูญเสียพลังทิพย์ของตนเองจนหมด เพื่อช่วยทะลวงเส้นชีพจรให้เฉวียนหมิง ช่วยให้เขาสามารถบำเพ็ญเพียรได้
“บำเพ็ญเพียร?” เฉวียนหมิงแปลกใจมาก อาเสวี่ยไม่ได้โกหกเขาจริงๆ เธอมีความสามารถสูงถึงขั้นนี้ เวลานี้เฉวียนหมิงประหลาดใจมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจ
สำหรับเขานั้นเท่ากับได้พบสิ่งล้ำค่าแล้ว
“แน่นอน ฉันคิดว่าคุณคงมองเห็นไอทิพย์เหล่านี้แล้ว ดูดรับพวกมันเข้าสู่ร่างกาย เปลี่ยนพลังในตัวเอง นี่ก็คือการบำเพ็ญเพียร” อีลั่วเสวี่ยอธิบาย ที่เธอไม่ได้บอกเฉวียนหมิงตรงๆ เพราะเธอไม่มั่นใจว่าตนเองจะทำได้สำเร็จหรือไม่
เพราะอย่างไรเฉวียนหมิงก็อายุมากแล้ว การเริ่มบำเพ็ญเพียรในอายุขนาดนี้ เหมือนคนอายุยี่สิบกว่าไปเรียนชั้นอนุบาล ทำได้เพียงเริ่มหัดเรียนหนึ่งสองสามสี่ ทั้งยังมีความยากมากขึ้น
เฉวียนหมิงรู้สึกเหมือนได้ลาภลอย จนแทบไม่อยากเชื่อ “ผมสามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้ว จริงหรือนี่?”
“แน่นอนว่าจริง ฉันไม่อยากรอจนหลายสิบปีต่อจากนี้ คุณเปลี่ยนเป็นตาแก่ผมหงอก ส่วนฉันยังหน้าตาเหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นคุณจะรู้สึกต่ำต้อย” อีลั่วเสวี่ยอธิบาย
เฉวียนหมิงไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “งั้นคุณกลัวว่าผมแก่แล้วไม่หล่อใช่ไหม? ที่แท้คุณชอบใบหน้าผมนี่เอง” เขามีท่าทางน้อยใจ
“ไม่ใช่ ต่อให้แก่ก็ยังได้ แต่คุณต้องแก่ตัวลงช้าๆ พร้อมกับฉัน จะแก่ก่อนฉันได้ยังไง?” อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว น้ำเสียงวางอำนาจ เธอในเวลานี้จึงจะมีอำนาจอย่างที่หมอปีศาจควรจะเป็น
ตอนที่ 491 เรื่องที่โรแมนติกที่สุด
พูดกันว่าบนโลกนี้เรื่องที่โรแมนติกที่สุดคือการที่คนที่อยู่เคียงข้างค่อยๆ แก่ไปพร้อมกับคุณ อีลั่วเสวี่ยเองก็คิดเช่นนี้ ในเมื่อเธอยังไม่แก่ก็ต้องให้เฉวียนหมิงไม่แก่ด้วย ถ้าจะแก่ต้องแก่ไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นชีวิตจะมีความหายหรือ
“อาเสวี่ย ผมรักคุณ” สายตาเฉวียนหมิงเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง เขาเป็นชายอกสามศอก เมื่อได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจแต่ไม่โกรธ กลับรู้สึกมีความรักที่อบอุ่นผุดขึ้นในหัวใจ
ผู้หญิงคนนี้ เดิมเขาคิดว่าเธอคงไม่ได้รักตนเองเท่าที่เขารักเธอ แต่เวลานี้เขารู้แล้ว อีกฝ่ายรักตนเองไม่ได้น้อยกว่าเลย เฉวียนหมิง คุณได้รับความรักแล้ว เขาบอกตัวเองเช่นนี้
เฉวียนหมิงพูดจบก็กอดอีลั่วเสวี่ยไว้ในอ้อมกอด ต่อให้ตายเขาก็จะไม่ปล่อยเธอ ไม่เด็ดขาด
เฉวียนหมิงสาบานกับตัวเองในใจ ถึงตายก็ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด ยิ่งตอนนี้เขาไม่ต้องตายแล้ว เขาต้องพยายามบำเพ็ญเพียร ยืดอายุขัย ใช้ชีวิตร่วมกับเธอให้ยาวนาน
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงของเฉวียนหมิง จึงกอดเขาด้วย “ฉันก็รักคุณค่ะ” เมื่อเฉวียนหมิงกินโอสถทิพย์ที่มีผลข้างเคียงร้ายแรงเพื่อต้องการยืนขึ้นมาปกป้องเธอ เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอต้องปกป้องผู้ชายที่มีใจเดียวเพื่อเธอคนนี้
ความรักนั้นถึงตายก็ไม่เปลี่ยนแปลง มาถึงโลกนี้แม้จะขาดไอทิพย์ แต่เธอไม่นึกเสียใจ กลับโชคดีที่ค้นพบความหมายของการมีชีวิต
“อาเสวี่ย…” เฉวียนหมิงพึมพำ กอดเธอไว้ มือเขาเริ่มซุกซนแล้ว
พออีลั่วเสวี่ยรู้สึกถึงอารมณ์ของเฉวียนหมิงเวลานี้ ก็อดทำตาขวางไม่ได้ ในหัวใจรู้สึกจนใจและหวานชื่น เดิมนั้นถึงเขาจะป่วยอยู่แต่ยังคึกคักมาก
เวลานี้ร่างกายหายดีแล้ว เกรงว่าวันหน้าคงจะคอยกวนเธอไม่หยุด แล้วก็เป็นไปดังคาด หลังจากนี้อีลั่วเสวี่ยก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่กลางคืนอดนอนกลางวันลุกไม่ขึ้น
“เฉวียนหมิง คุณรู้จักระวังตัวบ้างไหม?” อีลั่วเสวี่ยกอดคอเฉวียนหมิงอย่างจนใจ ขณะนี้เธอถูกเขาอุ้มในท่าขวางแล้ว ใบหน้าแดงเรื่อ กลางวันแท้ๆ ทั้งคู่ยังเป็นเช่นนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรอยู่ ทำอย่างนี้ไม่ดีเลย
“ระวังตัว? เวลานี้ผมรู้สึกต่อคุณเท่านั้น” เฉวียนหมิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วก้มหน้าลง จุมพิตริมฝีปากแดงของเธอ พร้อมกับก้าวเร็วๆ ไปยังห้องด้านใน
เขาเองไม่รู้สึกตัวว่าเวลานี้เขาเดินเร็วกว่าคนปกติ นี่เป็นข้อดีของการบำเพ็ญเพียร
เขาวางอีลั่วเสวี่ยลงเบาๆ บนผ้าห่มที่อ่อนนุ่ม เฉวียนหมิงแทบรอไม่ไหวที่จะถอกเสื้อผ้าออกหมด
อีลั่วเสวี่ยจ้องมองร่างกายที่งดงามไม่มีที่ติของเฉวียนหมิง จนไม่รู้ตัวว่าตนเองตะลึงมองแล้ว สายตาเธอค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่าง เมื่อมองถึงตรงนั้น สายตาก็เบนออกไป
สองขาเธอกระตุกอย่างไม่รู้ตัว แย่จริง ทำไมเธอจึงไม่รู้ตัวว่าสามารถรองรับของใหญ่ขนาดนั้นได้
เธอกลืนน้ำลาย แล้วยิ้มเจื่อนๆ “เฉวียนหมิง ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำ ไม่งั้นเราเปลี่ยนเป็นวันอื่น…”
เขาไม่รอให้เธอขยับตัวมาริมเตียง โถมตัวลงไปกดมือเธอไว้
“อาเสวี่ย เรื่องอะไรที่สำคัญกว่าผมหรือ?” ลมหายใจร้อนรดลงบนหลังคอเธอ น้ำเสียงเฉวียนหมิงเต็มไปด้วยความอิจฉา มีความหมายแบบที่ไม่ชัดเจนนัก
ความรู้สึกแปลกๆ นี้ทำให้อีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เหมือนรู้สึกผิด
“คริ คริ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่ฉัน…”
เธอยังพูดไม่จบ ริมฝีปากก็ถูกปิดอีกครั้ง เมื่อเขาถอนกลับไป เธอจึงมองเห็นแววตาที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาของเฉวียนหมิง ในดวงตาทั้งเชื้อเชิญและเสน่หา เปี่ยมด้วยความรักอย่างลึกล้ำ