ศัตรูที่มาจากขุมนรก โดย Ink Stone_Fantasy
“นี่มัน…” ไลต์นิ่งลืมตาโต แม้แต่ความเร็วในการบินก็ช้าลง
พวกสัตว์อสูรที่พากันถาโถมเข้าไปมีจำนวนนับหมื่นตัว พวกมันกลายเป็นเหมือนพรมสีดำที่ปูอยู่บนพื้นหิมะ ร่างกายที่ขยับเขยื้อนของมันทำให้เมซี่อดถึงนึกพวกมดที่รุมกินซากศพขึ้นมาไม่ได้
แต่ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกมันครั้งนี้ไม่ใช่ซากศพ หากแต่เป็นปีศาจที่ดุร้ายเช่นเดียวกัน
สัตว์ประหลาดโครงกระดูกที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าหอคอยในเมืองทาคิลาค่อยๆ ขยับเขยื้อนอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์อสูร ดูแล้วเหมือนกำลังถูกดันโดยฝูงศัตรูที่กำลังโถมโจมตีเข้ามา แต่ใต้เท้าของมันแต่ละข้างล้วนแต่มีซากศพของสัตว์อสูรที่ถูกเหยียบจนเละอยู่หลายตัว เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายอันใหญ่โตของมันแล้ว ขาที่คดงอทั้งสี่ข้างของมันนั้นเป็นเหมือนกิ่งไม้เล็กๆ แต่สาวน้อยรู้สึกถ้าเธอลงไปดูใกล้ๆ ล่ะก็ เกรงว่าขาทั้งสี่ข้างของเจ้าสัตว์ประหลาดคงจะต้องใหญ่กว่าหอนักเวทย์ของอกาธาแน่
ปีศาจคุ้มคลั่งจำนวนมากเกาะอยู่ตรงส่วนท้องของสัตว์ประหลาด แล้วก็ปาหอกลงไปใส่พวกสัตว์อสูรที่อยู่ด้านล่าง ส่วนพวกสัตว์อสูรก็ทำได้เพียงแต่บุกตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่สามารถทำอะไรพวกปีศาจได้
‘ปรสิตเวทมนตร์’
เธอนึกถึงคำเรียกนี้ขึ้นมาทันที
ปีศาจรูปร่างแปลกประหลาดที่อยู่ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต มันไม่มีรูปร่างที่แน่นอน เป็นเหมือนก้อนเนื้อที่อาศัยอยู่ระหว่างโครงกระดูกกับหินสีดำ แล้วก็อาศัยพลังเวทมนตร์ในการเคลื่อนไหวหรือโจมตี มีความเป็นไปได้สูงว่าปีศาจแมงมุมที่ปรากฏตัวตรงเนินนอร์ธบาวด์ตอนที่ทำศึกครั้งที่แล้วกับปีศาจขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้อาจจะเป็นปีศาจชนิดเดียวกัน
ไม่ว่าจะมีเขี้ยวเล็บแหลมคมแค่ไหน หากชนใส่ก้อนหินก็ล้วนแต่มีจุดจบแบบเดียวกัน สัตว์อสูรที่ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ต้องวิ่งอ้อมเจ้าสัตว์ประหลาดโครงกระดูกนั้นไป แล้วโจมตีเข้าใส่กองกำลังปีศาจที่อยู่ด้านหลังแทน
เมื่อไม่มีปีศาจยักษ์ที่เป็นเหมือนกำแพงคอยปกป้อง ตามหลักแล้วมันก็ควรจะเป็นศึกที่ยากลำบาก
บางทีถ้าอยู่ต่อหน้ามนุษย์ที่ไม่มีอาวุธตอบโต้ พวกสัตว์อสูรที่อยู่ในสภาพคุ้มคลั่งอาจจะได้เปรียบ แต่เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าปีศาจคุ้มคลั่งที่มีทั้งความเร็วและพละกำลังที่เหนือมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าพวกสัตว์อสูรไม่สามารถทำอะไรพวกปีศาจได้ ถึงแม้ในหมู่พวกมันจะมีสัตว์อสูรพันธุ์ผสมอยู่หลายตัว แต่ทางฝั่งปีศาจก็เอาผู้นำนรก อสูรแห่งสงครามกับปีศาจแมงมุมมาวางไว้ตรงแนวหน้าเหมือนกัน ความเร็วในการสังหารพวกพันธุ์ผสมของพวกมันแทบจะไม่ได้ด้อยกว่ากองทัพที่หนึ่งเท่าไรเลย เห็นๆ อยู่ว่าพวกสัตว์อสูรนั้นมีจำนวนมากกว่าพวกปีศาจอยู่หลายเท่า แต่พวกปีศาจกลับเป็นฝ่ายที่ครองความได้เปรียบ
น่าจะเป็นเพราะความเร็วในการบินที่ช้าลง เมซี่จึงโผล่หัวออกมาใหม่ เมื่อได้เห็นภาพที่น่าตกใจที่อยู่ตรงหน้า เธอจึงอดสูดปากขึ้นมาไม่ได้
“สัตว์อสูรกำลังสู้กับพวกปีศาจเหรอจิ๊บ?”
“ปีนี้ที่เนเวอร์วินเทอร์เงียบสงบก็น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้” ไลต์นิ่งทำเป็นพูดอย่างสุขุม “แต่มีจุดหนึ่งที่แปลกอย่างมาก แม่มดของทาคิลาเคยบอกเอาไว้ว่าพวกสัตว์อสูรมักจะบุกเข้ามาเพราะมรดกของพระเจ้าไม่ใช่เหรอ? ถ้าข้าเป็นราชาของพวกปีศาจ ข้าไม่มีทางเอามรดกมายังที่ๆ รกร้างว่างเปล่าแบบนี้แน่ พูดอีกอย่างก็คือพวกมันแห่มาที่ีนี่เพราะเหตุผลอื่น เสียดายที่ซิลเวียมากับพวกเราไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้ข้อมูลกลับไปเยอะแน่”
เมซี่เหลียวหน้ามาถาม “อย่างนั้นเจ้ายังจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้พวกมันอยู่หรือเปล่า?”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” ไลต์นิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “ตอนนี้พวกเราอยู่ใกล้ซากเมืองทาคิลาขนาดนี้ อสูรสยองยังไม่เข้ามาหาพวกเราเลย นี่ก็แสดงกว่าพวกมันกำลังทุ่มสมาธิอยู่กับพวกสัตว์อสูรอยู่ สำหรับพวกเราแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก”
ปีศาจกับพวกสัตว์อสูรนั้นคือศัตรูของฝ่าบาทโรแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากสามารถทำให้สัตว์ประหลาดพวกนี้เสียหายมากขึ้นได้ มันก็จะเป็นผลดีต่อแผนการรบหลังฤดูใบไม้ผลิอย่างแน่นอน
เธอค่อยๆ คำนวณพลังเวทมนตร์ภายในร่างกาย ถ้าหากบินด้วยความเร็วเหนือเสียง เธอน่าจะบินได้ประมาณ 3 – 4 นาที เพื่อความปลอดภัยแล้ว ถ้าเหลือพลังเวทมนตร์เอาไว้ครึ่งหนึ่งสำหรับหนีน่าจะเรียกได้ว่าปลอดภัยแน่นอน ส่วนพลังเวทมนตร์ที่เหลือสำหรับบินอีกสองนาทีก็ใช้สำหรับป่วนแนวป้องกันของพวกปีศาจ ดังนั้นเธอจึงต้องเลือกตำแหน่งที่จะบินลงไปดีๆ
สาวน้อยมองไปยังสัตว์ประหลาดโครงกระดูก
เจ้าตัวประหลาดขนาดยักษ์นี้มองไกลๆ แล้วเหมือนกับม้านั่งที่มีขาบิดเบี้ยว ร่างกายของมันเหมือนทำขึ้นมาจากกระดูกหินสีดำ ดูแล้วคล้ายกับเครื่องร่อนที่ฝ่าบาททรงสร้างขึ้นมาตรงชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายที่เหมาะแก่การที่เธอจะบินโฉบลงไป
จากผลการทดสอบความสามารถ ยิ่งเธออยู่ห่างจากพื้นน้อยเท่าไร ความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนที่บินก็จะยิ่งมาก ถ้าสามารถบินเฉียดศัตรูไปได้ อย่างนั้นปีศาจคุ้มคลั่งที่อยู่บนท้องของสัตว์ประหลาดโครงกระดูกจะต้องได้รับผลกระทบไม่น้อยแน่นอน
หลังจากที่ตื่นรู้เป็นแม่มดชั้นสูง เธอก็ถูกฝ่าบาทบังคับเรียนเรื่องทฤษฎีในการบินด้วยความเร็วสูงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเธอยังเข้าใจด้วยว่าในตอนที่เธอบินทะลุกำแพงเสียง พลังที่ระเบิดออกมามันมีความเกี่ยวข้องกับขนาดตัวอย่างมาก ถ้าสมมติคนที่บินด้วยความเร็วเหนือเสียงในวันที่ตื่นรู้วันนั้นคือเมซี่ เกรงว่าชาวเมืองทั้งเมืองคงได้เจอกับหายนะแน่
ด้วยเหตุนี้สาวน้อยจึงไม่ได้คิดที่จะสร้างความเสียหายให้กับปีศาจ
เธอเพียงแค่อยากให้ปีศาจมันหยุดโจมตีลงชั่วคราวก็พอ
เนื่องจากพื้นที่ด้านล่างของสัตว์ประหลาดโครงกระดูกเหมือนเป็นพื้นที่แห่งความตาย พวกสัตว์อสูรขึ้นได้แต่ต้องวิ่งอ้อมมันไป ทำให้ความเร็วของพวกมันลดลงอย่างมาก หากไม่มีเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์นี้คอยยืนขวางอยู่ พวกปีศาจที่ยืนอยู่ด้านหลังคงต้องเจอกับความกดดันอย่างหนักแน่
ต่อให้สุดท้ายแผนการไม่สำเร็จ มันก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ กับเธอ
หลังทำการตัดสินใจแล้ว ไลต์นิ่งก็จับหัวเมซี่ยัดกลับเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปหาสัตว์ประหลาดโครงกระดูกตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด!
วินาทีนั้นเอง เธอโยนสิ่งที่โรแลนด์เคยสั่งเอาไว้ทิ้งไปจนหมด
ไม่มีใครไล่ตามเสียงได้ นี่คือเวลาที่โชว์เทคนิคการบินที่แท้จริงให้อีกฝั่งได้ดูแล้ว!
ระยะห่าง 4 – 5 กิโลเมตรหดสั้นลงในพริบตา ในตอนที่เธอมาถึงด้านบนสนามรบ เธอก็ได้เข้ามาสู่ดินแดนที่ไร้ซึ่งเสียงแล้ว
แต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอคนเดียวเท่านั้น
ทว่าสำหรับพวกปีศาจ ตอนนี้จู่ๆ พวกมันก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังครืนๆ ลงมาจากบนฟ้า อีกทั้งยังลงมาใกล้พื้นเรื่อยๆ นั่นคือผลจาการปะทะกันของคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง ในตอนที่ไลต์นิ่งบินเลียดเหนือสัตว์ประหลาดโครงกระดูกขึ้นไป 5 เมตร คลื่นกระแทกที่ระเบิดออกมาทำให้หิมะที่กองอยู่บนตัวมันกลายเป็นหมอกสีขาวฟุ้งกระจายขึ้นมาทันที จนตั้งมันทั้งตัวแทบจะถูกหมอกสีขาวปกคลุมจนมิด เสียงระเบิดที่ดังสนั่นแก้วหูทำให้ปีศาจส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด!
แต่เธอไม่ได้เหลียวกลับไปมองผลงานตัวเองแม้แต่น้อย เพราะบนสนามรบยังมีเป้าหมายแบบเดียวกันรอเธออยู่อีก 5 ตัว
ในตอนที่เธอกำลังจะบินเข้าไปหาสัตว์ประหลาดโครงกระดูกตัวที่ 3 จู่ๆ สถานการณ์พลันเปลี่ยนไป!
บนแผ่นหลังอันราบเรียบของสัตว์ประหลาดพลันมีปีศาจรูปร่างเหมือนคนปรากฏขึ้นมาตัวหนึ่ง ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามันมาจากไหน แต่วินาทีที่มันยืนอยู่ตรงนั้น มันได้ดึงเอาความสนใจทั้งหมดของเธอไปที่ตัวมัน ถึงแม้ระยะห่างของเธอกับมันจะอยู่ไกลกันมาก แต่ไลต์นิ่งกลับรู้สึกตัวแข็งขึ้นมา แม้แต่นิ้วมือก็ยังสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
มันคือปีศาจตัวหนึ่ง แต่มันกลับมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนคนมาก นอกจากผิวหนังที่เป็นสีน้ำเงินแล้ว ส่วนที่เหลือของมันแทบจะไม่ต่างจากมนุษย์เลย หน้าตาของมันดูดีอย่างมาก ดวงตาสีเหลืองทองของมันก็ดูลึกกว่าความขุมนรกที่ลึกที่สุด เพียงแค่สบตากับมัน ไลต์นิ่งก็เหมือนเป็นกบที่ถูกงูพิษจ้องมองดูอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวตามสัญชาตญาณจากก้นบึ้งหัวใจ
นี่มันตัวอะไร!
เธอสามารถรับรู้ได้ถึงพลังเวทมนตร์ที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่าย ระดับความแข็งแกร่งของพลังเวทมนตร์ของมันทำให้โลกรอบๆ ตัวมันเกิดการบิดเบี้ยวขึ้นมา ความรู้สึกกดดันที่ว่ารุนแรงจนเหมือนจะจับต้องได้ เห็นๆ อยู่ว่ากำลังบินด้วยความเร็วสูง แต่เธอกลับเหมือนตกลงไปโคลนเหนียวๆ และค่อยๆ เข้าไปใกล้มันอย่างช้าๆ
หนี!
รีบหนีเร็ว!
จิตสำนึกภายในหัวกำลังเตือนเธอว่าอย่าบินเข้าไปต่อ เธอต้องรีบหนีไปตอนนี้!
แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเธอไม่สามารถควบคุมมันได้
ส่วนปีศาจตัวนั้นก็ค่อยๆ ยกแขนขวามาทางเธอ
ทันใดนั้นเอง ตรงหน้าอกของเธอพลันมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ขึ้นมา!
เหมือนกับว่ามีคนเอาตะปูทิ่มเข้าไปในร่างกายของเธอ
เมซี่เป็นคนทำ!
หลังความเจ็บปวดไหลไปทั่วทั้งร่างกาย แขนขาของเธอก็กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเธออีกครั้ง แม้แต่เวลาก็กลับมาเดินเป็นปกติด้วย
ไลต์นิ่งเชิดหน้าบินขึ้นไปด้านบนทันที จากนั้นเธอใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดบินหนีอีกฝ่ายกลับไปยังเมืองเนเวอร์วินเทอร์