บทที่ 657 ข้าต้องการพาคนไปหนึ่งคน

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 657 ข้าต้องการพาคนไปหนึ่งคน
“ท่านพ่อของเจ้าคิดอยากจะคืนมุกมังกรให้เผ่าหยกมาโดยตลอด แต่เขามีปัญหาตรงที่หาที่ตั้งของเผ่าไม่เจอ ครั้งนี้……”

“พอแล้ว…..พ่อของข้ามีชีวิตอยู่ดีๆ เจ้าบอกข้าว่า เขาตายไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”

กู้ชูหน่วนถูกเขาทำให้สำลักจนพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เชื่อ

แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้……

เซียวหยู่เซวียนหัวเราะหนักอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะทั้งน้ำตา ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกออกมา คำที่พูดออกมาแต่ละคำเปรียบเสมือนมีดที่ทำให้กู้ชูหน่วนเป็นทุกข์ใจเช่นนั้น

“เจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด และเป็นคนที่ข้าใส่ใจมากที่สุด คนทั้งโลกนี้ล้วนมีความคิดอยากจะฆ่าพ่อของข้าได้ มีเพียงเจ้าที่ไม่ได้”

น้ำตาของเซียวหยู่เซวียนคลอเบ้า สายตาก็แทบจะเลือนรางแล้ว แต่เขายังคงฝืนจ้องมองกู้ชูหน่วนอีก ราวกับว่าต้องการจะหาคำโกหกออกมาจากตัวของกู้ชูหน่วนให้ได้ว่าคำที่นางพูดเมื่อครู่เป็นคำโกหกทั้งหมด

แต่ทว่ากู้ชูหน่วนโทษตัวเอง ละอายใจ ไม่มีอะไรจะพูด ทำให้จิตใจของเขาแหลกสลายไปทีละนิ้วๆ

เขากุมหัวใจอันเจ็บปวดของตัวเองไว้ เก็บสายตากลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว เดินโซซัดโซเซจากไป

“เสี่ยวเซวียนเซวียน……”

เสียงของกู้ชูหน่วนสะอึกสะอื้น

เอามุกมังกรจากหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซียว เป็นเรื่องที่นางไม่อยากทำที่สุด แต่นางไม่มีทางเลือก

คนนับพันหมื่นกับคนคนเดียว นางทำได้เพียงละทิ้งคนคนเดียวเท่านั้น

หัวใจ ทุกข์ทรมานราวกับเลือดกำลังหยด

นาทีนี้ นางรู้สึกอย่างชัดเจนถึงความเหินห่างและความผิดหวังของเซียวหยู่เซวียนที่มีต่อนาง

ทันใดนั้น เงาก็มืดครึ้มก็ปกคลุมนาง จากนั้นบนตัวของนางก็ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุม

กู้ชูหน่วนแหงนหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเย่จิ่งหานมาถึงข้างตัวของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กล่าวต่อนางอย่างอ่อนโยน “อากาศเย็นแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าตัวเองออกมาจากจวนแม่ทัพได้อย่างไร ขณะที่ยังไม่ถึงจวนอ๋องหาน ฝีเท้าของนางก็ชะงัก แววตาสะท้อนความเย็นยะเยือกที่ทำให้คนกลัวออกมา

“ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าต้องการไปที่จวนเฉิงเซี่ยงรอบหนึ่ง”

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”

“ดี”

ขบวนคนอันเอิกเกริกเปลี่ยนทิศทางไปที่จวนเฉิงเซี่ยง รวมทั้งบรรดาลูกน้องของเย่จิ่งหานด้วย จวนเฉิงเซี่ยงเคยได้เห็นขบวนที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ที่ไหนกัน ทุกคนล้วนตกใจจนเข่าอ่อนแล้ว

กู้เฉิงเซี่ยงออกมาต้องรับด้วยตัวเอง พร้อมทั้งเหล่าอนุภรรยาบรรดาคุณหนู รวมทั้งกู้ชูหยุนด้วย

กู้ชูหยุนสงบเสงี่ยมเหมือนเช่นเคย มองจากภายนอกแล้วดูอ่อนโยน มีเพียบพร้อมทั้งความสามารถและมารยาท มองความโหดเหี้ยมในจิตใจของนางไม่ออกโดยสิ้นเชิง

กู้เฉิงเซี่ยงกล่าวด้วยความกลัวว่า “ข้าน้อยคารวะท่านอ๋องหาน พระชายาหาน อายุยืนนานพันปีพันปีพันพันปี ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหานจะมาถึงจวนเฉิงเซี่ยง ไม่ทราบว่ามีธุระอันใดพ่ะย่ะค่ะ?”

ไม่ว่าคนในจวนเฉิงเซี่ยงจะโง่เพียงใดก็ดูออกว่า พวกเขาไม่ได้มาด้วยความประสงค์ดี แต่ละคนล้วนไม่กล้าหอบหายใจ เกรงว่าจะล่วงเกินพวกเขา

“พระชายาของข้ารู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมากะทันหัน ข้าจึงกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเป็นเพื่อนนาง”

กู้ชูหน่วนคิดถึงบ้าน?

ล้อเล่นอะไร?

กู้ชูหน่วนเคยคิดถึงบ้านซะเมื่อไหร่กัน?

นางตัดขาดจากจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว

เผชิญหน้ากับกู้ชูหน่วนในชั่วขณะนั้นกู้เฉิงเซี่ยงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร และไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้าอย่างไร

ลูกสาวคนนี้เป็นคนที่เขารังเกียจที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางสวยเลิศล้ำและโดดเด่นกว่าบรรดาผู้คนเหมือนท่านแม่ของนาง

กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “ไม่เจอกันนานเลยนะ ท่านพ่อ”

“พระชายาหานเกรงใจแล้ว” กู้เฉิงเซี่ยงเชิญพวกเขาเข้าห้องโถงด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ

รอให้พวกเขาพูดถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในคืนนี้

“สิ่งที่ท่านคิดมากที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นพวกเรามาทำอะไรที่นี่สินะ?”

“ไม่ทราบว่าพระชายาหานมีข้อชี้แนะอันใด?”

“พูดง่าย ข้ามาวันนี้เพราะต้องการพาคนผู้หนึ่งไป หากว่ากู้เฉิงเซี่ยงอยากจะขัดขวาง เช่นนั้นก็เป็นอริกับพวกเราสามีภรรยา หากว่าไม่ขัดขวาง นั่นก็เป็นการดีที่สุด”