พระพันปีไม่ใช่คนที่จะไม่ระมัดระวังคำพูดที่ออกจากปาก เพราะอยู่ในฐานะผู้หญิงที่มีตำแหน่งสูงสุดในพระราชวังแห่งนี้มานานหลายสิบปี ตอนนี้คนแก่ผู้ชาญฉลาดคนนี้กำลังสอนบางอย่างกับทั้งคู่ พระสนมยอน, พี่น้อง, ตำแหน่งที่มีหนึ่งเดียว, ผู้หญิง, ความโลภ ในนั้นเหมือนจะมีบางอย่างเชื่อมโยงกัน ทำให้ความคิดยุ่งเหยิงไปหมด 

 

“เพราะพระชายา คนแก่ถึงได้พลอยกินเกาลัดที่องค์รัชทายาทแกะไปด้วย” 

 

“เกาลัดกระหม่อมเป็นคนแกะ ทำไมถึงว่าเพราะพระชายาล่ะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

ถึงจะบ่นพึมพำแต่มือก็ง่วนไปกับการแกะเกาลัด และส่งต่อไปที่มือย่นของพระพันปี แล้วสิ่งนั้นก็ถูกป้อนเข้าไปในปากของฮอนที่บ่นพึมพำทั้งลูกเพื่อปิดปาก 

 

“พระชายาพาองค์รัชทายาทมาถึงได้มาแกะเกาลัดอยู่อย่างนี้ไม่ใช่หรือ ความจริงก่อนพระชายาจะถูกรับเข้ามาปีหนึ่ง กว่าย่าคนนี้จะได้เจอหน้าเจ้ายังยากเลยมิใช่หรือ” 

 

“จริงหรือเพคะ เสด็จย่า ดูท่าพระชายาคนนี้ต้องพาองค์รัชทายาทมาบ่อยๆ เสียแล้วสินะเพคะ” 

 

“กลับไปเถอะ อากาศหนาวจะเป็นหวัดเอาได้ รักษาสุขภาพจนกว่าฤดูหนาวจะผ่านพ้นไป” 

 

“เสด็จย่าก็ทรงจุดไฟเตาผิงไว้แบบนี้ก็ได้ หากเข้ามาด้านในจะได้อบอุ่นพ่ะย่ะค่ะ” 

 

รอยยิ้มของพระพันปีที่ยกยิ้มเงียบๆ เพราะคำพูดนั้นคล้ายกับนกที่อยู่ในกรงทอง รยูฮาคิดอย่างนั้น หญิงสาวที่เคยน่ารักและสดใสเหมือนดอกไม้ถูกขังอยู่ในพระราชวังแล้วอายุก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในขณะที่แก่ตัวลงดูเหมือนว่านางจะลืมแม้กระทั่งวิธีหัวเราะแบบส่งเสียงออกมา 

 

ค่าตอบแทนที่ได้คืออะไร หญิงสูงส่งที่สุดในประเทศที่ซึ่งทุกคนแหงนหน้ามอง เสด็จแม่ของพระราชา ไม่ว่าจะชื่อเรียกแบบไหนสำหรับคนแก่คนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายเลย ทั้งอำนาจในมือ ทั้งทองเต็มห้องและสิทธิพิเศษอันล้นเหลือ ทั้งหมดนั้นช่างไร้ความหมาย เพราะถ้าเทียบกับมือที่เป่าและแกะเกาลัดให้ตอนนี้ทุกอย่างก็ไม่มีค่าอะไรเลย  

 

แต่รยูฮาก็รู้ว่าภาพของพระพันปีในตอนนี้นั้นจะเป็นภาพของนางเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเช่นกัน พลอยสีแดงที่พระพันปีมอบให้กับพระราชินี และพระราชินีส่งต่อให้พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นตัวบอกให้รู้ว่าคงเป็นเช่นนั้น 

 

“กลับไปกันได้แล้ว ไหนจะเตรียมงานเลี้ยงตอนเย็นอีกคงเหนื่อยแย่” 

 

 ไฟในเตาผิงที่เคยลุกโชนค่อยๆ แผ่วลง เกาลัดที่อยู่ในนั้นก็ถูกหยิบออกมาจนเริ่มเห็นพื้น พระพันปีเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน 

 

“พอคิดว่าตอนเย็นจะได้เจอกันอีกก็ดีใจแล้วเพคะ” 

 

“พระชายาของย่าไปเรียนคำพูดน่ารักแบบนี้จากที่ไหนกันหรือ” 

 

รยูฮาจับมือเ**่ยวย่นนั้นไว้แน่นแล้วยิ้มสดใส นางเชิญให้พระพันปีกลับเข้าไปอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายตั้งใจจะออกมาข้างนอก รยูฮาเดินออกมาจากวังชังชุนได้สักพักจึงหันกลับไปมองฮอนที่เดินตามหลังมา 

 

“ตามมาทำไมเพคะ” 

 

“อืม เจ้าเหนื่อยเรื่องเตรียมงานเลี้ยงงั้นรึ” 

 

ฮอนเข้ามาตามคำสั่งก่อนหน้านี้ แต่เป็นวัฒนธรรมที่ว่าองค์รัชทายาทจะเรียนเรื่องงานราชการอยู่ข้างๆ พระราชา ดังนั้นรยูฮาจึงทำได้เพียงดันหลังให้ฮอนออกไป 

 

“ยังไม่ใช่เวลางานเลี้ยง รีบไปร่ำเรียนเถอะเพคะ” 

 

หลังของรยูฮาที่ไล่ฮอนอย่างเย็นชาแล้วหันกลับไปถูกดึงเข้ามากอด เหล่าผู้ติดตามพากันหมุนตัวและโค้งตัวลงเพราะการแสดงความรักที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายของทั้งคู่ ซึ่งในบรรดานั้นการเคลื่อนไหวของยอนฮวาเร็วที่สุด 

 

“พวกเขาจะนินทาเอาได้ ปล่อยเถอะเพคะ” 

 

“ยกเว้นเรื่องอากาศที่หนาวเหน็บแล้ว ตอนนี้ไม่สวมหมวกคงจะดีเสียกว่า” 

 

ฮอนฝังใบหน้าลงบนต้นคอเรียวขาวของรยูฮาในขณะที่กอดนางจากทางด้านหลังแล้วกระซิบ ดูแล้วแม้แต่น้ำเสียงก็ยังทำให้รู้สึกดีดูเหมือนว่าความรักจะทำให้ตาบอดเสียแล้ว 

 

“ไหนว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สวยและน่ารักไงเพคะ” 

 

“ตอนนี้ข้าอยากกัดหูเจ้า แต่หมวกบ้านี่มันบังอยู่ไม่ใช่หรือ” 

 

รยูฮายิ้มร่าแล้วหันมา ขณะนั้นแก้มของฮอนก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มที่สัมผัสลงมา จากนั้นก็ทิ้งร่องรอยเลือนรางไว้แล้วผละออกไป 

 

“เรียนเสร็จแล้วมานะเพคะ หม่อมฉันจะบอกให้พวกเขายกสำรับมาที่วังซึงกอน” 

 

“ข้าไม่รับสำรับเช่นนั้น” 

 

ฮอนงับลงบนริมฝีปากของรยูฮาที่ผละออกอย่างน่าเสียดายเมื่อครู่ 

 

“คิดเรื่องตั้งใจเรียนเถอะเพคะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” 

 

ไม่มีใครขี้เกียจแล้วได้ดี รยูฮาใช้ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากที่ทำให้รู้สึกดีแล้วเดินไปทางวังซึงกอนโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง ลมพัดมาอย่างหนาวเย็น นางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะหนาว เป็นเพราะนางใส่ใจกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของเหล่านางในที่เดินตามมาต่างหาก ฮอนเห็นแล้วเข้าใจผิดว่ารยูฮารีบเดินออกไปเพราะอยากรีบแยกจากตน เขาจึงเตะลงบนแง่งหินด้วยความเสียใจ จากนั้นจึงเดินกลับไปอีกทาง 

 

“จูฮวัน” 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” 

 

ขันทีรับรู้ได้ถึงความขุ่นข้องหมองใจของฝ่าบาทที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจึงโค้งตัวลงจนสุดแม้ไม่ได้ทำผิด 

 

“ทำอย่างไรรยูฮา ไม่สิ พระชายาถึงจะหลงเสน่ห์ข้าแล้วชวนให้อยู่ด้วยกันทุกวัน” 

 

ต่อให้ฟ้าแยกเป็นสองฝั่งก็คงไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือความคิดของจูฮวัน แน่นอนว่าออกมาเป็นน้ำเสียงไม่ได้ เขาจีบปากจีบคอแล้วพูดแปลกๆ ออกมา 

 

“ทรงทำในสิ่งที่พระชายาน่าจะชอบสิพ่ะย่ะค่ะ” 

 

“สิ่งที่น่าจะชอบ…” 

 

ฮอนครุ่นคิดและจมสู่ความคิดโดยไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจูฮวันพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะต้องการจะเป็นองค์รัชทายาทที่มีความอดกลั้นเลยกลายเป็นว่าเขาไม่พยายามหรือ ถ้าเป็นเรื่องเรียนเขาก็ตั้งใจอย่างไม่ให้มีข้อบกพร่อง เรื่องฝึกฝนการต่อสู้เขาก็ตั้งใจทำอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีคำชมเลยสักคำ 

 

มาคิดดูแล้ว รยูฮาแทบจะไม่เคยขอร้องอะไรเพื่อตัวเองเลย อย่างมากก็คือขอให้เอาของว่างเข้าไปให้หรือให้ช่วยบีบนวดตรงไหล่ เพราะอย่างนั้นการคาดหวังคำชมจากคำไหว้วานจึงเป็นเรื่องไร้เหตุผล 

 

“ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องที่ข้าเรียนแล้วก็ฝึกต่อสู้ พระชายาก็ไม่สนใจอย่างอื่น” 

 

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ลองหาสิ่งที่หากเป็นสตรีไม่ว่าใครก็ชอบดูพ่ะย่ะค่ะ” 

 

ฮอนลืมเรื่องที่เตะแง่งหินไปแล้ว เขาเดินช้าๆ และตกอยู่ในห้วงความคิด สิ่งที่หากเป็นสตรีไม่ว่าใครก็ชอบ เหมือนมีหางม้าฟาดลงในหัวตรงไหนสักแห่ง  

 

“อ๋อ!” 

 

ฮอนหยุดฝีเท้าแล้วอุทานออกมา ทำไมคิดไม่ถึงกันนะ สิ่งที่หากเป็นสตรีไม่ว่าใครก็ชอบ ไม่ใช่บ้านของพ่อแม่ตัวเองหรอกหรือ น้ำเสียงของรยูฮาที่บอกว่าส่งมินอาไปแทนตัวเองเมื่อคืนวนเวียนอยู่ข้างหู 

 

“จูฮวัน ต้องรอนานสักแค่ไหน กว่าพระชายาจะออกไปข้างนอกได้” 

 

“ถ้าว่ากันตามกฎมณเฑียรบาล หลังจากงานอภิเษกเข้าปีที่สามถึงจะออกไปได้ แต่ว่าในหนึ่งปีออกไปได้ไม่เกินสามครั้ง สองครั้งก็ถือว่าบ่อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

“ทำไมถึงได้น้อยขนาดนั้น” 

 

“เดิมทีออกไปได้ตั้งแต่ปีแรกและจะออกไปกี่ครั้งก็ย่อมได้ แต่เพราะพระราชินีและพระสนมของพระราชาก่อนหน้านี้ทรงฟุ่มเฟื่อยมาก ทุกครั้งที่เสด็จกลับบ้านก็จะทรงใช้เงินพระคลังเยอะมาก พระราชาทนดูไม่ได้จึงลดขอบเขตลง กำหนดให้หนึ่งปีออกไปได้สามครั้งพ่ะย่ะค่ะ” 

 

พระราชาองค์ก่อนหน้านี้เป็นคนกำหนดไว้หรือ กำแพงใหญ่กว่าที่คิดไว้ ทำไมใช้จ่ายกันอย่างฟุ่มเฟื่อยไร้สาระขนาดนั้น ฮอนเจ็บแค้นพวกหล่อนอยู่ในใจและคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นไปจนจบงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในตอนเย็น 

 

“ใช่! งานแข่งขันล่าสัตว์!” 

 

“พ่ะย่ะค่ะ?” 

 

“ข้าชนะการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่หรือ! พระราชาบอกว่าจะให้รางวัลใหญ่ ดูท่าต้องขอให้พระชายาได้กลับบ้านแทนรางวัลใหญ่เสียแล้ว คิดว่าอย่างไร” 

 

“เป็นความคิดที่ฉลาดเฉลียวมากพ่ะย่ะค่ะ พระชายาคงหลงเสน่ห์พระองค์เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

จูฮวันผู้ซึ่งดูแลอยู่เคียงข้างฮอนมาตั้งแต่ยังเด็ก เรื่องใช้งานคนโดยใช้คำชมและคำเตือนไม่มีใครตามเขาได้ ฮอนยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปใหญ่กับคำชมเคลือบน้ำผึ้งของจูฮวัน เขาตั้งใจว่าตอนเช้าจะจูงมือกันไปยังบริเวณป้อมปราการ ตอนนี้หาภาพที่ก่อนหน้านี้เดินตัวเบาทำหน้าสลดไม่เจอแล้ว 

 

 

 

* * *