เล่มที่ 18 ตอนที่ 17

Memorize

ตอนที่ 17 โดย ProjectZyphon

ยามราตรีย่างกรายเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว

ทันทีที่ฝั่งตะวันออกมาถึงยังบาร์บาร่า ก็ได้มีการปะทะกันกับฝั่งตะวันตกและพวกเร่ร่อนเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

แม้ว่าความจริงแล้วมันจะเป็นการต่อสู้เล็กๆ ที่ค่อนข้างน่าอายเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นการปะทะก็ตาม แต่ในตอนจบของการสู้ครั้งแรกนี้ก็อาจจะพอทำนายได้ว่าฝั่งตะวันออกมีอำนาจที่เหนือกว่า เพราะ ‘สายฟ้า’ ของพี่ที่สร้างความเสียหายให้กับพวกเร่ร่อนตรงข้ามกับทางฝั่งตะวันออกที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ฝั่งตะวันออกมีขวัญและกำลังใจสูงกว่า ถ้าหากได้มาเจอกันในที่ราบนี้ก็คงเป็นไปได้ที่เราจะสู้ได้ด้วยกำลังคนทั้งหมดที่มี แต่การตัดสินใจของฝั่งตะวันออกในตอนนี้คือการถอยหลังออกมาก่อน เพราะนอกจากฝั่งใต้และฝั่งเหนือจะต้องการเวลาจนกว่าจะชิงเมืองกลับมาแล้ว ก็ยังไม่ได้สร้างฐานทัพล่วงหน้าเพื่อการซุ่มโจมตีเลย

ซึ่งแน่นอนว่าปราการเวทมนตร์ที่ถูกสร้างไว้รายล้อมเมืองก็คือเหตุผลหนึ่ง

และในตอนนี้ฝั่งตะวันออกเองก็กำลังเตรียมตัวกันทีละขั้นทีละตอนสำหรับการจู่โจม

ทัพทั้งสี่ทัพเริ่มเคลื่อนย้ายไปยังประตูใหญ่ตามทิศทางที่ได้ถูกแบ่งไว้ เพราะแบบนั้นตอนนี้ทัพที่ผมสังกัดอยู่จึงกำลังย้ายฐานไปยังประตูทางฝั่งตะวันตก

ระหว่างนั้นเหล่าผู้บัญชาการก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย

“ไม่ว่าอย่างไร จุดอ่อนที่สุดของเราก็เห็นจะเป็นการที่ทัพของเราถูกแบ่งออกเป็นสี่ทัพนะครับ เพราะพอมองจากมุมมองของแต่ละทัพแล้ว หมายถึงว่าพลังในการโจมตีหรือป้องกันก็จะอ่อนกำลังลงเพราะการแบ่งเป็น

ทัพเล็กครับ โดยเฉพาะพลังการป้องกันที่น้อยลงจะยิ่งทำให้เสี่ยงอย่างมากเลยครับ ถ้าหากพวกมันแกล้งบ้าขึ้นมาแล้วพุ่งเป้าโจมตีไปยังทัพใดทัพหนึ่งแล้วล่ะก็…”

“เห็นได้ชัดว่าแต่ละทัพจะได้รับภาระ แต่อีกฝ่ายกลับได้เปรียบกว่าในแง่ที่สามารถยิงกระหน่ำได้เท่าที่ใจต้องการ”

“ดังนั้นคุณไม่คิดว่ามันจะดีกว่าเหรอครับถ้าหากให้แต่ละทัพมุ่งให้ความสำคัญกับเวทป้องกันเพียงอย่างเดียวและให้อยู่ให้ไกลจากระยะกระสุนเข้าไว้หากสถานการณ์ไม่ปกติ และพอเห็นว่าสงบแล้วก็ค่อยเข้ามาในระยะกันอีกครั้ง…”

ห้องควบคุมการบัญชาการที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างแรก บัดนี้กำลังปรึกษาหารือกันอย่างคึกคัก มีผู้เล่นบางคนที่เคยทำท่าถือดีอวดดีเมื่อก่อนนี้ แต่ในวันนี้ผมกลับไม่เห็นพวกเขาเหล่านั้นเลยสักคนเดียว

อาจจะเพราะการปะทะของเหล่านักเวทเมื่อตอนเช้ามืดจึงทำให้พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียดกันมากเช่นนี้ ในอีกทางหนึ่งก็สามารถเห็นได้ว่าพลังของเหล่านักเวทเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางการแพ้ชนะในสงครามครั้งนี้ได้

ตอนนั้นเอง

การประชุมยังคงดำเนินต่อไป แต่ผู้ส่งสารคนหนึ่งได้ผลีผลามเข้ามาในห้องควบคุมการบัญชาการที่ไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงเลยแม้แต่น้อย

“มีสารมาครับ! ตอนนี้มีนักเวทคนหนึ่งสามารถถอนปราการเวทได้แล้วครับ!”

“หืม? ถอนปราการเวทใหญ่ขนาดนั้นได้รวดเร็วแบบนี้เลยอย่างนั้นหรือ เขาหรือเธอสังกัดอยู่ทัพไหน”

“ฝั่งประตูตะวันตกครับ! และตอนนี้ก็กำลังยืนรออยู่ที่หน้าห้องควบคุมการบัญชาการนี้เองครับ!”

“อย่างนั้นก็ทัพเราน่ะสิ…ก่อนอื่นไปพาเขาเข้ามาเถอะ”

เมื่อแคลนลอร์ดโครยอพูดขึ้นด้วยความปีติยินดี ผู้ส่งสารก็พลันวิ่งออกไปนอกห้องในทันที

หลังจากนั้นหญิงสาวคนหนึ่งได้เดินเข้ามาภายในห้อง เมื่อผมได้เห็นหน้าหล่อนแล้ว ผมก็ถึงกับอยู่ไม่สุขเลยทีเดียว

ท่าทางที่ดูงามสง่าและเฉลียวฉลาด นัยน์ตาและเส้นผมสีฟ้าอ่อน

หญิงสาวคนนั้นคือจองฮายอนนั่นเอง

จองฮายอนสบตากับผมอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ แล้วจึงหันไปโค้งคำนับให้กับทุกๆ คนภายในห้องก่อนจะพูดออกมา

“สวัสดีค่ะ จองฮายอน สมาชิกของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ค่ะ”

“โอ้โฮ ถ้าเป็นสมาชิกเมอร์เซนต์นารี่จองฮายอนล่ะก็ ผมน่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคลาสของคุณคือ…?”

“คลาสลับ จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงินค่ะ ฉันสามารถถอดรหัสปราการเวทได้เร็วกว่าที่คิดเพราะเป็นคลาสที่เกี่ยวกับเวทมนตร์โบราณน่ะค่ะ”

“อ้อ จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน หนึ่งในผู้ช่วยในการเตรียมรับมือตัวแปรสินะครับ นั่นแหละครับที่ผมได้ยินมา ท่าทางคุณดูจะชำนาญเรื่องเวทโบราณ…ตอนนี้ดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผลแล้วนะครับ ฮ่าๆ”

แม้จะไม่มีความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นมาพร้อมความวุ่นวายเหมือนเมื่อครู่ แต่ภายในห้องประชุมก็ยังร้อนอยู่ดี โดยเฉพาะเหล่าผู้เล่นชายที่ต่างแอบส่งสายตาร้อนแรงไปหาจองฮายอน ความงดงามของหล่อนยิ่งเปล่งประกายหลังจากที่ได้รับคลาสลับแล้วอย่างแน่นอน

จากนั้นแคลนลอร์ดโครยอก็เอ่ยขึ้น

“เอาเถอะ ผู้เล่นจองฮายอน ถ้าอย่างนั้นคุณพอจะบอกได้หรือไม่ครับว่าปราการเวทนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่”

“ค่ะ ฉันจะบอกท่านเดี๋ยวนี้แล้ว ปราการเวทที่ล้อมรอบบาร์บาร่าอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่าปราการขัดขวางพลังเวทคุ้มกันค่ะ”

“ปราการขัดขวางพลังเวทคุ่มกันหรือ?”

ถูกต้อง

ผมรู้อยู่ก่อนแล้ว แต่ผู้เล่นคนอื่นๆ กลับมีสีหน้างุนงงกันทุกคนราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

“ปราการขัดขวางพลังเวทคุ้มกัน…ผมไม่เคยได้ยินชื่อปราการนี้มาก่อนเลย คุณพอจะทราบผลโดยละเอียดของปราการนี้บ้างหรือไม่ครับ”

ด้วยนิสัยพิถีพิถันรอบคอบของจองฮายอน หากหล่อนไม่รู้ก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้แน่นอน

“แน่นอนค่ะ ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อปราการนี้ถูกใช้งาน พลังเวทที่อยู่ภายนอกปราการจะไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรต่อสิ่งที่อยู่ภายในปราการได้เลยค่ะ กล่าวคือมันเป็นปราการขัดขวางพลังเวทขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งนั่นเองค่ะ”

“ปราการขัดขวางพลังเวทขนาดใหญ่อย่างนั้นหรือ ไม่สิ นี่มันโกง…”

“ไม่ใช่การโกงหรอกค่ะ ถึงแม้ว่าจะดูแข็งแรงถ้ามองแบบไม่นับประโยชน์เรื่องนั้น แต่ในฮอลล์เพลนยุคโบราณก็ไม่เป็นปราการเวทที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายนะคะ ความจริงมันกำลังจะถูกปิดการใช้งานในเร็วๆ นี้แล้วด้วยค่ะ เพราะว่ามันมีผลเสียที่ร้ายแรงมากน่ะค่ะ”

“ถ้าเป็นผลเสียที่ร้ายแรง…”

จองฮายอนพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อตอบคำถามของใครสักคน

“ค่ะ ถ้าหากปราการนี้ป้องกันพลังเวทจากภายนอก พลังเวทภายในก็จะแช่แข็งทุกอย่างค่ะ”

คำอธิบายของจองฮายอนไม่ได้ต่างไปจากความคาดหวัง(?)ของทุกคนนัก

ภายในห้องควบคุมมีผู้เล่นบางคนที่ไม่ได้มีความรู้ความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวทมนตร์เท่าใดนัก เช่น อาชีอื่นๆ อยู่ด้วย และเพราะหล่อนคงใส่ใจพวกเขาเหล่านั้น ในการตีความของหล่อนจึงไม่มีความซับซ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกนักเวทอยู่เลย เป็นคำอธิบายที่ทั้งง่ายและสั้นกระชับ ไม่มีคำศัพท์เฉพาะทางเลยแม้แต่นิด

ในขณะที่อธิบายนั้นหล่อนก็ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญและความเป็นจริงที่ชัดเจนแน่นอน ดังนั้นเมื่อการอธิบายจบลงจึงได้เห็นภาพที่ทุกคนในห้องควบคุมต่างพยักหน้าขึ้นลงด้วยความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน

อย่างไรก็ตาม จากคำอธิบายของจองฮายอน สามารถแบ่งลักษณะพิเศษของปราการขัดขวางพลังเวทคุ้มกันออกได้เป็นสี่ประการด้วยกัน

ประการแรก พลังเวทจะถูกทำให้คงอยู่และปรากฏให้เห็นตามกระบวนการทำงานอย่างอิสระที่ถูกวาดไว้ในปราการเวท ไม่ได้ปรากฏตามกระแสภายในร่างกาย

ประการที่สอง พลังเวทที่ถูกสร้างขึ้นจากภายนอกในขณะที่ปราการยังคงอยู่ จะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งที่อยู่ภายในปราการได้เลย

ประการที่สาม ในระหว่างที่ปราการยังคงอยู่ พลังเวทที่เกิดขึ้นภายในปราการจะถูกแช่แข็ง

ประการที่สี่ ขนาดหรือพื้นที่ของปราการเวทสามารถปรับแก้ได้ตามแต่ใจของผู้ที่ร่ายเวทสร้างมันขึ้นมา

เงื่อนไขเหล่านี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นไปตามลักษณะพิเศษอันโดดเด่นของปราการเวทและไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากคุณสมบัติของพลังเวทนั้น เช่น ในกรณีที่ผมใช้พลังของฮวาจอง ผมมั่นใจว่ามันจะส่งผลไปถึงภายในได้แม้ว่าผมจะใช้งานมันจากภายนอกก็ตาม

ความเร่าร้อนที่เคยอบอวลอยู่เต็มห้องควบคุมการบัญชาการค่อยๆ จางหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้สึก ทุกคนในห้องต่างกำลังจมอยู่กับความคิดของตนเอง

การอธิบายจบแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องมาคิดกันแล้วว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องสร้างปราการเวทนี้ขึ้นมา

“คุณจอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน ฉันมีคำถามข้อหนึ่งค่ะ”

ผมได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นมาในห้องควบคุมนี้ และเมื่อผมหันไปมอง ผมก็ได้เห็นนักมายากลไพ่ทาโร่ต์กำลังยกมือขึ้นถามหล่อน

“ที่คุณบอกว่าในขณะที่ปราการเวทยังคงอยู่ พลังเวทที่อยู่ภายในจะถูกแช่แข็ง ถ้าฉันจะขอให้คุณช่วยอธิบายตรงส่วนนี้เพิ่มเติมจะได้หรือไม่คะ”

“ฉันอาจจะไม่ได้รู้ละเอียดนัก แต่ฉันสามารถตอบคุณได้ในขอบเขตที่ฉันรู้ค่ะ คุณสงสัยตรงไหนคะ”

“ปราการเวทนี้จะป้องกันพลังเวทที่ถูกสร้างขึ้นภายนอก และจะทำให้พลังเวทที่เกิดขึ้นภายในถูกแช่แข็ง ฉันสงสัยเรื่องข้อแตกต่างที่ชัดเจนของสองอย่างนี้น่ะค่ะ”

“ว่ากันตามตรง ผมเองก็สงสัยเหมือนกันนะครับ ว่าทำไมพวกเขาถึงสร้างปราการเวทที่ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราแต่พวกเขาเองก็ต้องถูกกำหนดด้วยเหมือนกันขึ้นมา”

ผู้เล่นหลายคนดูจะเห็นด้วยกับคำถามของซอนยูล

“เรื่องนั้น…อาจจะมองว่าเป็นข้อแตกต่างของการคงอยู่ก็ได้นะคะ เป็นไปได้ว่าภายในปราการเวทจะมีเฉพาะพลังเวทที่แสดงออกมาแล้วเท่านั้นที่จะถูกรักษาไว้น่ะค่ะ”

จองฮายอนตอบด้วยใบหน้ากังวลเล็กน้อย เพราะหล่อนไม่สามารถตอบคำถามนี้ออกมาได้ง่ายๆ ทันใดนั้นซอนยูลก็หรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว

“อย่าบอกนะ! นี่คุณกำลังจะบอกว่าพลังเวทที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนปราการป้องกันนั้นจะยังได้รับการรักษาให้คงอยู่ในระหว่างที่ยังมีปราการเวทอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือคะ เพราะแบบนั้นก็เลยใช้คำว่า ‘แช่แข็ง’ อย่างนั้นเหรอ…”

“ใช่แล้วค่ะ แต่จะมีขอบเขตอยู่เพียงแค่ในปราการเวทเท่านั้นและไม่สามารถหลุดออกจากคุณสมบัติของพลังเวทได้ค่ะ ปราการขัดขวางพลังเวทคุ้มกันเป็นปราการเวทโบราณที่สามารถวิเคราะห์เองได้มากกว่าร้อยละแปดสิบค่ะ ดังนั้นจึงมีหลายส่วนที่แตกต่างจากปราการเวทสมัยใหม่ หรือก็คือการแสดงเวทที่ไม่เข้ากันกับเวทของปราการจะไม่ได้รับการปกป้องให้คงอยู่เอาไว้ค่ะ”

“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อยนะคะ ถึงฉันจะกังวลได้กับทุกเรื่องก็เถอะนะ…”

“ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องปราการเวทสมัยใหม่นะคะ แต่ปราการเวทโบราณไม่ใช่ปราการเวทธรรมดาทั่วไปหรอกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เช่นเดียวกันกับชื่ออย่างเป็นทางการของมัน ปราการขัดขวางพลังเวทคุ้มกันนั้นเป็นปราการเวทที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นผู้ช่วยค่ะ ปราการเวทที่ถูกสร้างขึ้นให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัน ถึงแม้จะเป็นปราการเวทโบราณเช่นกันก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้ากันได้ไม่ใช่หรือคะ”

จองฮายอนจบคำตอบของหล่อนด้วยคำถาม นั่นหมายถึงว่าหล่อนเองก็ไม่ได้มั่นใจกับสิ่งที่หล่อนได้พูดถึงเช่นกัน แต่ไม่มีใครในนี้ที่อยากจะต่อว่าอะไรหล่อน เพราะการที่หล่อนสามารถตีความให้เราฟังได้ถึงขนาดนี้นั้นมันก็เหลือเชื่อมากๆ แล้ว