บทที่ 6 บทที่ 14 เสียงหัวเราะ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

คุณหนูสาวใช้ที่ไปหยิบของกินยังไม่กลับมา 

 

ลั่วเพียนเซียนนั่งลงแล้วแต่สองมือของเธอกลับเหยียดตรงจับอยู่ที่สองขาใต้กางเกงแน่น เอวตั้งตรง ไม่กล้าสบตา…อีกทั้งยังไม่กล้าพูดสักคำ  

 

อย่างน้อยก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดต่อหน้าเจ้าของสมาคมผู้นี้ก่อน 

 

 “หน้าตาของฉันดูน่ากลัวมากงั้นเหรอ” ลั่วชิวถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ฉันจำได้ว่าตอนแรกที่เราพบกัน เธอไม่ได้กลัวแบบนี้นี่” 

 

 “นั่นเพราะ…เป็นเพราะ…” ผีเสื้อน้อยเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็หดลงไปอีก พูดเบาๆ ว่า “เพราะตอนนั้นฉันไม่รู้…ไม่รู้…” 

 

 “ไม่รู้อะไร?” 

 

 “ไม่รู้ว่าพวกคุณจะร้ายกาจถึงขนาดนี้…” ลั่วเพียนเซียนพูดเบาลงอีก “ฉัน…โง่มากใช่ไหม? ถ้าหากล่วงเกินอะไรไปก็ให้อภัยฉันด้วยนะ” 

 

ดูเหมือนทำอย่างนั้นจะไม่เพียงพอแสดงความรู้สึกผิดในใจได้ ลั่วเพียนเซียนจึงรีบยืนขึ้นมา โค้งตัวลงขอโทษ “ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย ครั้งก่อนก็ให้คุณพาไปดูเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และก็ยังครั้งก่อนที่…” 

 

 “ทุกครั้งที่พบเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อารมณ์ของฉันถึงดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวตลอดเลย” ลั่วชิวส่ายหน้า โบกมือให้ผีเสื้อน้อยนั่งลงอีกครั้ง ยิ้มหวานพูดว่า “ที่นี่ไม่มีกฎให้ลูกค้าขอโทษ เธอทำตัวผ่อนคลายหน่อยก็ได้” 

 

 “เป็น เป็นอย่างนั้นเหรอ” ลั่วเพียนเซียนเบิกตากว้าง ใบหน้าฉายแววสงสัย  

 

ลั่วชิวหัวเราะและไม่พูดอะไร เพียงพลิกหนังสือพิมพ์หน้าใหม่เพื่ออ่านต่อ 

 

 “คุณกำลังอ่านอะไรอยู่?” เมื่อผีเสื้อน้อยไม่ได้รู้สึกกลัวสักเท่าไรแล้วก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ 

 

 “เรื่องน่าสนใจบางเรื่อง” ลั่วชิวมองผีเสื้อน้อยแล้วพูดว่า “เมื่อคืนมีคนบังเอิญถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตบินได้บางอย่างมา”  

 

 “สิ่งมีชีวิตบินได้?” 

 

ลั่วชิวพยักหน้า พูดว่า “ในนี้ยังมีอีกรายงานบอกอีกว่า เมื่อคืนมีคนจรจัดคนหนึ่งอ้างว่าพบกับนางฟ้า ลากเขาขึ้นไปกลางอากาศและลอยไปยังสถานที่ที่ไกลมาก” 

 

ผีเสื้อน้อยกะพริบตา “นางฟ้า?” 

 

 “อืม ใช่แล้ว” ลั่วชิวพลิกไปอีกหน้า “ในนี้บอกว่า…อืม เถ้าแก่ร้านสะดวกซื้อบอกว่า มีขโมยเข้าร้านช่วงเวลากลางคืน แต่ดูเหมือนขโมยจะไม่ได้ขโมยเงิน แต่กลับดื่มนมวัวและน้ำผึ้งในร้านจนหมด กล่องเปล่าถูกทิ้งอยู่เต็มพื้น” 

 

ลั่วเพียนเซียนสะอึกอย่างกะทันหัน จากนั้นก็รีบปิดปากเล็กๆ ของตนเองเอาไว้ 

 

 “อืม ในนี้ก็บอกว่า…” ลั่วชิวเหลือบตามองผีเสื้อน้อยที่หูเริ่มแดงแวบหนึ่งและหัวเราะพูดว่า “สัตว์เลี้ยงของสิบกว่าครอบครั้วต่างวิ่งออกไปบนถนนใหญ่กลางดึกอย่างแปลกประหลาด เมื่อตอนเช้าตื่นขึ้นมาถึงได้รับรู้กัน สุดท้ายในตอนที่หาสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเจอก็พบว่าพากันไปอยู่ในพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง ดูเหมือน…” 

 

 “ดูเหมือนอะไร…” 

 

 “เหมือนกับเมาเหล้า กองซ้อนกันอยู่เต็มพื้นและไม่รู้ว่าเจออะไรมาบ้าง” 

 

หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ ในที่สุดเจ้าของสมาคมก็อดไม่อยู่ บีบมือเป็นหมัดวางขวางริมฝีปากของตนเองเบาๆ ยากที่จะซ่อนรอยยิ้ม “ยังมี…” 

 

 “อย่า พอแล้ว!” ผีเสื้อน้อยมีสีหน้าแดงก่ำ รู้สึกร้อนเหมือนน้ำเดือด พูดอย่างไม่รู้สึกตัวว่า “คุณ คุณใจร้ายมาก!” 

 

ลั่วชิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนวางมือลง 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง 

 

ลั่วชิววางหนังสือพิมพ์ลง พูดเบาๆ ว่า “ขอโทษด้วย ผมเสียมารยาทแล้ว” 

 

 “ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ” ลั่วเพียนเซียนพึมพำออกมา 

 

ขณะที่เจ้าของสมาคมอ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์ ภาพเป็นฉากๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ “ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป…หรือหัวของฉันพังไปแล้ว?” 

 

ผีเสื้อน้อยมองมาด้วยท่าทีน่าสงสาร พูดอย่างตกใจและหวาดกลัว “ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”  

 

ลั่วชิวยื่นมือขึ้นโบกอย่างกะทันหัน ขวดที่วางบนบาร์ของสมาคมลอยเข้ามาในมือของเขา 

 

 “นี่เป็นของที่หาพบในตัวเธอเมื่อคืน เป็นของที่หวานและรสชาติดีมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อาจจะสูงไปหน่อย…เธอชอบดื่มของแบบนี้งั้นเหรอ” 

 

ลั่วเพียนเซียนเหมือนจะกลัวโดนเข้าใจผิดจึงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่ ไม่ใช่! ฉัน ฉันก็เพิ่งดื่มเป็นครั้งแรก…ฉันไม่รู้ว่าดื่มแล้วจะเป็นอย่างนี้…ต่อไปฉันไม่กล้าแล้ว” 

 

ลั่วชิวยื่นมือออกไปเคาะบนขวดและพูดว่า “นี่ดูไม่เหมือนของที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปเลย” 

 

ผีเสื้อน้อยก็ไม่คิดที่จะปิดปัง “อ้อ! ฉันเอามาจากเอลิเซียมบาร์ค่ะ เป็นของที่ลุงบาร์เทนเดอร์หมูป่าเอาให้ฉัน บอกว่ารสชาติดีมาก เหมาะสำหรับผู้หญิงดื่ม…ฉันไม่คิดว่าดื่มแล้วจะเป็นแบบนี้ ลุงบาร์เทนเดอร์หมูป่าเลวร้ายเกินไปแล้ว!” 

 

 “ลุงบาร์เทนเดอร์หมูป่า…บาร์?” ลั่วชิวถามอย่างสนใจ “เอลิเซียมบาร์คืออะไร?” 

 

 “นายท่าน ที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับให้ปีศาจได้ดื่มเหล้าและสนุกสนานกันโดยเฉพาะ” 

 

เห็นเพียงคุณหนูสาวใช้ถือถาดค่อยๆ เดินมา 

 

โยวเย่วางจานและเครื่องมือรับประทานอาหารลงตรงหน้าของผีเสื้อน้อย พร้อมทั้งอธิบายไปด้วย “เปิดอยู่เขตโรงงานเก่าทางด้านตะวันตกแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่เหล่าปีศาจที่อาศัยอยู่ในเมืองและที่อื่นๆ บ้างหาทางไป ดูท่าแล้วคงมีชื่อเสียงในแวดวงปีศาจทางตะวันออกไม่น้อย” 

 

พูดถึงตรงนี้ คุณหนูสาวใช้ก็มองผีเสื้อน้อยแวบหนึ่ง ยิ้มหวานและพูดว่า “น่าจะมีลักษณะเดียวกับโรงพยาบาลที่เพียนเซียนทำงานอยู่ เรื่องอื่นก็ไม่ค่อยเข้าใจแล้วค่ะ…โยวเย่ไม่ได้เข้าไป เพียงแต่มองอยู่ไกลๆ แวบหนึ่ง” 

 

ลั่วชิวพยักหน้า ต่อมาก็รู้จากปากของโยวเย่ว่า จริงๆ แล้วก่อนหน้าเขานั้นสมาคมมาเปิดอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน และเพราะเหตุผลของเจ้าของคนเก่า คุณหนูสาวใช้จึงไม่ได้ออกไปด้านนอก 

 

ต่อมานั้นลั่วชิวคิดว่าโยวเย่น่าจะจำแผนที่ของเมืองนี้ได้หมดแล้ว…เพราะเธอต้องออกไปซื้ออาหารทุกวันและก็เพื่อให้นายท่านของตนเองได้คุ้นเคยกับทุกเรื่องราวในเมืองแห่งนี้อีกด้วย 

 

 “ฉันไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน…เป็นบาร์สำหรับพวกปีศาจโดยเฉพาะงั้นเหรอ หาเวลาว่างไปดูสักหน่อยดีกว่า” 

 

 “ค่ะ” 

 

ลั่วชิวคิดครู่หนึ่ง มองลั่วเพียนเซียนในทันใดและถามว่า “ช่วงนี้พี่หลงสบายดีไหม?”  

 

ครั้งนี้ผีเสื้อน้อยถึงมีช่องว่างได้พูด…เธอรู้สึกแปลกๆ รู้สึกเหมือนว่าในตอนที่เจ้าของสมาคมกับพี่โยวเย่พูดกันเหมือนเป็นคนอีกโลกหนึ่ง แม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ก็ดูคล้ายกับไม่ได้อยู่ที่นี่ 

 

เธอไม่รู้จะอธิบายความขัดแย้งนี้อย่างไรดี เพียงแต่รู้สึกว่าเขากับพี่โยวเย่ห่างจากตนเองไปไกลมาก 

 

 “เอ๋? คุณรู้จักพี่หลงของฉันด้วยเหรอคะ” 

 

 “เคยพบหน้ากันหลายครั้ง” ลั่วชิวพูดเบาๆ “ถ้าเธอกลับไปพบพี่หลง ช่วยผมบอกเธอ…ว่าขอโทษเรื่องคราวก่อนด้วย เป็นเพราะผมวู่วามไป ถ้าหากเธอต้องการ ผมจะให้ส่วนลดเป็นพิเศษ” 

 

 “ค่ะ!” ผีเสื้อน้อยพยักหน้าเชื่อฟัง “รับทราบ!” 

 

ลั่วชิวหัวเราะพูดว่า “ยังกินได้ไหม” 

 

 “คะ?” ลั่วเพียนเซียนชะงัก จากนั้นก็มองของที่จัดเตรียมไว้ตรงหน้าของตนเอง กะพริบตาและถามอย่างแปลกใจว่า “นี่คืออะไร? งดงามมาก!” 

 

สีเหลืองทองชั้นหนึ่ง สีขาวนมชั้นหนึ่งซ้อนทับกันบนจานกระเบื้องเคลือบสีขาวละเอียดอ่อน ด้านข้างมีเส้นสีแดงวาดโค้งเป็นปีกดูงดงาม และประดับตกแต่งด้วยใบไม้สีเขียว 

 

“เป็นของแช่แข็งแบบฝรั่งเศสง่ายๆ” 

 

โยวเย่พูดเบาๆ ว่า “ชั้นสีทองด้านล่างทำจากน้ำผึ้งลิ้นจี่เคี่ยว มีความหวานจากน้ำดอกไม้ ดอกพุทราจีน หยางไหว* รวมไปถึงน้ำผึ้งป่า ส่วนสีขาวนั้นเป็นนมวัว นมกระบือ นมแพะและกะทิ เพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอ ฉันได้แต่ใช้แป้งที่แข็งเล็กน้อยทำเป็นเจล จากนั้นราดบนชั้นแต่ละชั้น และส่วนที่เป็นสีแดงนั้นใช้น้ำอ้อยสกัดและหญ้าฝรั่งต้มเคี่ยวกับน้ำเชื่อมเมเปิ้ล ส่วนเครื่องเคียงก็คือใบมินต์” 

 

หลังจากแนะนำเสร็จ คุณหนูสาวใช้ถึงได้ยิ้มหวานพูดว่า “คุณหนูเพียนเซียน เชิญรับประทานค่ะ” 

 

ง่ายที่ไหนกัน? ไม่เห็นเข้าใจเลย… 

 

ผีเสื้อน้อยฟังอย่างมึนงง จ้องมองของที่เปล่งประกายสดใสและนุ่มบนจานโดยไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี 

 

เธอ…เธอตัดใจกินลงไปไม่ได้! 

 

พี่โยวเย่ผู้นี้ช่างเก่งกาจจริงๆ! 

 

ร้ายกาจมาก! 

 

 “ฉัน…ฉันเอากลับไปได้ไหมคะ” 

 

ในที่สุดลั่วเพียนเซียนก็คิดถึงวิธีหนึ่งได้ 

 

… 

 

… 

 

ท้ายที่สุดลั่วเพียนเซียนก็ไม่สามารถเอาไปได้ ตัดใจกลืนลงท้องของตนเองไป เพราะคุณหนูสาวใช้บอกว่า ของสิ่งนี้เก็บเอาไว้นานไม่ได้ เพราะจะเสียหายส่งผลกระทบต่อรสชาติ 

 

ลั่วเพียนเซียนมองดูจานที่ว่างเปล่าแล้วความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาหา แต่อยู่ๆ ผีเสื้อน้อยที่กำลังครุ่นคิดว่าจะเลียน้ำเชื่อมที่วาดโค้งเป็นรูปปีกด้านข้างไหมก็ตกใจขึ้นอย่างฉับพลัน  

 

มีเสียงของนาฬิกาโบราณขนาดใหญ่ที่วางอยู่อีกด้านของสมาคมดังขึ้นมา 

 

 “อา! สิบโมงตรงแล้ว!” ลั่วเพียนเซียนชะงัก มองดูเวลาแล้วกระโดดขึ้นมา “สายขนาดนี้แล้ว!” 

 

 “เมาค้างนี่” ลั่วชิวพูดเสียงเบา “นานๆ ครั้งไม่เป็นไรหรอก” 

 

 “ไม่ใช่!” ลั่วเพียนเซียนรีบพูด “ฉันต้องไปเปิดร้าน! แย่แล้ว แย่แล้ว!” 

 

เพราะว่ารีบร้อนเกินไป ผีเสื้อน้อยจึงเตะโดนขอบโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ ล้มลงพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว 

 

ลั่วชิวชะงัก เสียกิริยาหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง และเสียงหัวเราะที่ดังออกมาก็แฝงด้วย…ความรู้สึก 

 

 

 

*หยางไหว คือต้นไม้ชนิดหนึ่งมีกิ่งก้านเป็นหนามและดอกสีขาว