ตอนที่ 581 เพื่อครอบครัว

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 581

เพื่อครอบครัว

“หลินเฟย เจ้าจะไปที่ไหนงั้นหรือ”ระหว่างกำลังเดินออกจากเขตอสูรผาไร้ก้นด้วยตัวคนเดียวอยู่นั้น หลานฮวาที่ยามนี้เป็นอดีตผู้ติดตามของหลินเฟยก็ได้เอ่ยปากถามขณะดักรอหลินเฟยอยู่ที่ทางออกพอดี

“ข้าว่าจะเดินทางไปทางใต้”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆไม่เหมือนคนพึ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลเลยแม้แต่น้อย

“ทำไมต้องทางใต้ด้วยล่ะ”หลานฮวาถามพลางจ้องมองหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย หลินเฟยถูกขับออกจากตระกูลไป๋เท่านั้นไม่ได้ถูกเนรเทศเสียหน่อย แม้ตอนนี้หลินเฟยจะโดนยึดของในมิติส่วนตัวไปจนหมดเหลือเพียงเสื้อผ้าติดตัวเท่านั้นก็ตาม แต่หากเดินทางไปอาณาจักรชิน ตัวหลินเฟยก็ยังใช้ฐานะหนึ่งในราชวงศ์ชินได้อยู่ และหลินเฟยก็จะกลับมาใช้ชีวิตสุขสบายได้อีกครั้ง

“ข้าอยากจะไปในที่ที่ไม่มีคนรู้จักดู”หลินเฟยตอบพลางหัวเราะเบาๆออกมา

“งั้นหรือ ข้านึกว่าเจ้ากลัวว่าจะเจอกับพวกสาวๆที่เจ้าไปล้อเล่นด้วยเสียอีก”หลานฮวาหัวเราะพลางแซวหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้มเพราะคนที่ทราบเรื่องของหลินเฟยดีที่สุกก็คงเป็นนางที่มักจะรับหน้าที่จัดการเบื้องหลังให้หลินเฟยเสมอ

“เรื่องนั้นก็ใช่ขอรับ แต่ข้าอยากจะลองใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีคนรู้ว่าข้าเคยเป็นคนตระกูลไป๋น่าจะดีกว่า”หลินเฟยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างประหลาด แม้จะถูกขับไล่จากตระกูลไป๋ แต่ก็แค่ 10 ปีเท่านั้น ระยะเวลาเพียง 10 ปีสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นไม่ได้มากมายอะไรเลย แม้จะโดนถอดชื่อตระกูลไปแล้วแต่หลินเฟยก็เชื่อว่าในอาณาจักรไป๋ อู๋ หรือ ชินก็ไม่มีใครกล้าขัดตนเองอยู่ดี เพราะอีกแค่ 10 ปีหลินเฟยก็จะได้ชื่อตระกูลกลับมา หากใครทำอะไรหลินเฟยในช่วงนั้นคงถูกล้างแค้นคืนเป็นแน่

“เอาเถอะ ข้าหวังว่าเจ้าจะได้เจอประสบการณ์ดีๆนะ”หลานฮวาว่าพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีเอ็นดู เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้หลินเฟยดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย ท่าทีของมันถึงได้ดูสงบขึ้นมาก น่าเสียดายที่หลังจากนี้หลานฮวาไม่อาจตามหลินเฟยไปด้วยได้ เพราะนางเป็นคนของตระกูลไป๋ การเป็นผู้ติดตามของหลินเฟยต่อนับว่าเป็นการใช้คนของตระกูลไป๋ด้วยเช่นกัน แม้นางจะบอกว่านางจะติดตามหลินเฟยไปในฐานะสหายคนในตระกูลก็คงไม่ยอมเพราะหากทำแบบนั้นคนในครอบครัวก็คงช่วยเหลือหลินเฟยเหมือนเดิม และมันก็จะทำให้บทลงโทษของหลินเฟยไร้ความหมายเป็นแน่

“แล้วข้าจะกลับมานะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางประสานมือลาหลานฮวาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความรู้สึกเศร้าๆปนอยู่ในดวงตาของหลินเฟยให้เห็นได้ไม่ยาก แน่นอนว่าฝั่งหลานฮวาเองก็เช่นกัน แม้จะบอกว่าเป็นเวลาแค่ 10 ปี แต่ถึงอย่างนั้นการจากกันนานถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะรับกันได้ง่ายๆอยู่ดี

.

.

สุดท้ายแล้วหลินเฟยก็ต้องออกมาจากเขตอสูรผาไร้ก้นตัวเปล่าโดยไม่มีเงินติดตัวมาแม้แต่เหรียญทองแดงเดียว แม้แต่เสื้อผ้าที่มักจะสวมเสื้อผ้าชั้นดีที่ทำจากวัสดุของเหล่าอสูรก็เหลือเพียงเสื้อผ้าธรรมดาที่ชาวบ้านใส่กันเท่านั้น ทำให้การเดินทางลงไปอาณาจักรทางใต้หลินเฟยไม่อาจใช้รถยนต์หรือรถไฟได้เสียด้วยซ้ำ แต่เพราะหลินเฟยเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์แค่เดินทางจากเขตอสูรลงมายังชายแดนอาณาจักรไป๋นั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก เพียงไม่กี่วันก็สามารถข้ามหุบเขาชันที่กั้นระหว่างอาณาจักรไป๋กับพื้นที่ทางใต้ได้เสียที

แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับหลินเฟยนั้นจะไม่ต้องกินไม่ต้องนอนได้เป็นเดือนๆ แต่เพราะครอบครัวของหลินเฟยฝึกให้กินอาหารตามแบบที่มนุษย์กินกัน และพักผ่อนตามที่คนธรรมดาพักผ่อนมาตลอด ทำให้หลินเฟยอดไม่ได้ที่จะหางานรับจ้างระหว่างเดินทางเพื่อหาเงินมาซื้ออาหารกินในแต่ละวัน ด้วยกำลังระดับนี้หลินเฟยย่อมหางานได้ไม่ยากและสามารถหาเงินใช้จ่ายได้ไม่ยากเช่นกัน

“น้องเฟย พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปเมืองหลวง เจ้ารีบเข้านอนด้วยล่ะ”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหาหลินเฟยที่กำลังนั่งอยู่หลังรถม้าที่กำลังทำการขนสัมภาระขึ้นไปจัดเรียงจนเต็ม หลินเฟยยามนี้นั้นแกล้งทำตัวเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณและร่วมงานขนส่งเล็กๆน้อยๆของพ่อค้ารายหนึ่งในเมืองใกล้ๆกับเมืองที่หลินเฟยมาซื้อช็อกโกแลตในคราวก่อน

“ขอรับท่านหลี่ รับรองว่าพรุ่งนี้ท่านจะได้เห็นข้าหน้าตาสดใสผุดผ่องอย่างแน่นอน”หลินเฟยพูดพลางยิ้มรับด้วยท่าทีร่าเริง หลินเฟยอาศัยเดินทางไปกับพ่อค้าคนนี้มาได้ 2 เมืองแล้วสนิทกับคนงานของที่นี่ไม่น้อยเลย

“ฮ้าๆ ตอนไหนเจ้าก็หน้าใสทั้งนั้นล่ะ ภรรยาข้ามาเห็นเจ้ารับรองว่านางต้องอิจฉาเจ้าแน่ๆ”หลี่หลินเพื่อนคนงานของหลินเฟยหัวเราะพลางตบบ่าหลินเฟยด้วยท่าทีขำขัน ตอนแรกพวกมันคิดว่าหลินเฟยเป็นหญิงเสียอีกเลยแปลกใจกันมากที่มันมาขอช่วยงานขนย้ายสินค้า แต่พอได้เห็นมันทำงานหนักแทบไม่ต่างจากผู้ชาย แถมยังได้เห็นตอนมันถอดเสื้อออกกันเต็มสองตาพวกมันก็ได้แต่ยอมรับว่าหลินเฟยเป็นผู้ชายเท่านั้น

“เรื่องพักมันก็สำคัญนะ แต่ผู้ชายอย่างเราๆก็มีเรื่องอื่นให้ทำเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”ชายหนุ่มคนหนึ่งในขบวนสินค้าพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีลามก สำหรับหลินเฟยที่เคยท่องราตรีมานักต่อนักแล้วดูเพียงครู่เดียวก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร

“ย่านโคมแดงที่เจ้าเล็งเอาไว้ตั้งแต่เดินทางมาถึงสินะ เจ้านายจ่ายเงินเดือนมาเมื่อเย็นเสียด้วยไปเที่ยวเล่นก่อนเดินทางก็ไม่เลว”ชายอีกคนพูดด้วยท่าทีสนใจ แม้จะบอกว่าเงินเดือนแต่เจ้านายของพวกมันนั้นจะจ่ายเงินให้หลังจากขายของในแต่ละเมืองเสร็จแล้ว ทำให้ในวันก่อนออกเดินทางไปขายของในเมืองถักไปเจ้านายจะมอบเงินค่าเหนื่อยให้เหล่าลูกจ้างทุกคนตามที่ตกลงกันเอาไว้ ทำให้ยามนี้ในกระเป๋าของทุกคนมีเงินค่าจ้างติดกระเป๋ากันหมด

“น้องเฟย เจ้าจะไปหรือเปล่า คนหนุ่มอย่างเจ้าน่าจะไปปลดปล่อยบ้างนะ”ดูเหมือนคนงานคนอื่นนอกจากหลินเฟยและหลี่หลินที่มีภรรยาแล้วจะตกลงเรื่องเที่ยวย่านโคมแดงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลินเฟยนั้นกลับส่ายหน้าพลางมองไปทางชายพวกนั้นด้วยท่าทีสบายๆ

“ไม่เป็นไรขอรับ พวกท่านไปเถอะ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มบางๆออกมาทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหลินเฟยไม่สนใจที่จะไปเที่ยวย่านโคมแดง สำหรับหลินเฟยนั้นเรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเสียแล้ว

“แล้วแต่เจ้าละกัน พวกข้าอัดอั้นกันไม่ไหวแล้ว”เพื่อนร่วมงานของหลินเฟยตอบพลางโบกมือลาอย่างไม่ไยดี ใครจะไม่ไปก็ช่างแต่พวกมันจะไปกันให้ได้

“ฮะๆ พวกนั้นยังไม่มีครอบครัว คงไม่เข้าใจหรอก ส่วนเจ้า…ท่าทางจะผ่านอะไรมาแล้วสินะ”หลี่หลินถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสนใจ หลายวันที่ได้อยู่ด้วยกัน ตามประสาผู้ชายย่อมมีพูดทะลึ่งตึงตังกันบ้าง หลินเฟยที่อยู่ในกลุ่มนั้นก็ตอบรับเรื่องพวกนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หลี่หลินเลยไม่คิดว่าหลินเฟยจะเป็นหนุ่มพรหมจรรย์แต่อย่างไร

“ก็นิดหน่อยขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีนอบน้อม พอได้ทราบรสชาติของความรัก การโอบกอดหญิงสาวที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยสำหรับหลินเฟยแล้วช่างไร้ความหมาย มันอยากจะโอบกอดร่างอุ่นๆของคนที่มีมันรักและโหยหามากกว่าเป็นไหนๆ

“พอกลับถึงบ้านข้าจะไปหาเมียเสียหน่อย เจ้าล่ะมีใครให้กลับไปหาหรือเปล่า”หลี่หลินถามพลางเดินมานั่งข้างๆหลินเฟยด้วยท่าทีเป็นมิตร หลินเฟยนั้นออกมาทำงานตามลำพังตั้งแต่อายุเท่านี้ กลัวว่าฐานะทางบ้านจะไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทำให้หลี่หลินเอ็นดูหลินเฟยเป็นพิเศษเลยทีเดียว

“มีขอรับ จริงๆแล้วครอบครัวของข้าเป็นครอบครัวใหญ่เลยทีเดียว”หลินเฟยยิ้มพลางจับไปที่สร้อยคอของตนเอง ก่อนออกเดินทางชิวซุยมอบสร้อยเส้นหนึ่งให้กับมัน มันเป็นสร้อยที่มีรูปของชิวซุยใส่เอาไว้ภายใน นางบอกว่านางต้องคิดถึงพี่ชายของนางแน่ๆก็เลยอยากจะเอารูปของนางติดตัวหลินเฟยเอาไว้

“สวยดีนี่นา น้องสาวงั้นหรือ”หลี่หลินถามพลางมองรูปที่หลินเฟยเอาออกมาดู มันเป็นรูปถ่ายอย่างดีที่ถ่ายชิวซุยเอาไว้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว

“ขอรับ นางเป็นน้องสาวที่น่ารักมากเลย”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีรู้สึกผิด หลินเฟยโดนขับไล่ออกจากตระกูล คนที่เสียใจที่สุดคงเป็นชิวซุยนี่ล่ะ เพราะนางจะไม่สามารถอยู่กับหลินเฟยได้อีกแถมยังตามหลินเฟยมาไม่ได้ด้วย

“น้องเฟย เมืองหลวงเป็นบ้านเกิดของนายท่าน พอไปถึงแล้วพวกเราก็คงจะแยกย้ายกันสักพัก หากเจ้ามีปัญหาอะไรก็มาบอกข้าได้”หลี่หลินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี นายท่านของหลี่หลินผู้นี้เป็นตระกูลพ่อค้าที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย การเดินทางขายของครั้งนี้ไม่ใช่เพราะนายท่านของหลี่หลินเป็นพ่อค้าเร่ แต่เพราะตัวนายท่านของหลี่หลินนั้นต้องเดินทางไปเมืองเมืองหนึ่ง แต่เพราะความขี้งกก็เลยเอาของไปขายระหว่างทางด้วย เมื่อกลับถึงบ้านนายท่านก็จะจ่ายค่าแรงงวดสุดท้ายแล้วเลิกจ้างเหล่าคนงานชั่วคราวเหล่านี้ทันที ซึ่งความจริงข้อนี้หลินเฟยก็ทราบเช่นกัน

.

.

“เจ้าคือหลินเฟยสินะ”หลังจากเดินทางมาถึงเมืองหลวง อยู่ๆนายท่านของหลี่หลินก็เดินเข้ามาหาหลินเฟยเสียอย่างนั้น แต่หลินเฟยเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะมันสังเกตมาสักพักแล้วว่าหลี่หลินเข้าไปคุยกับนายท่านเป็นระยะๆเหมือนกำลังขอร้องอะไรบางอย่าง แถมระหว่างคุยยังมองมาทางหลินเฟยอยู่ตลอดอีกด้วย

“ขอรับ ข้าน้อยคือหลินเฟยขอรับ”หลินเฟยตอบพลางประสานมืออย่างนอบน้อม ตัวมันยามนี้มีกินเพราะเงินของนายท่าน การเคารพนายท่านนั้นเป็นเรื่องสมควรแล้ว

“หลี่หลินบอกว่าเจ้าหน่วยก้านไม่เลว แถมยังออกมาทำงานเพื่อครอบครัวอีก”ได้ยินที่นายท่านพูดเช่นนั้นหลินเฟยก็ทำหน้างงมองไปทางหลี่หลินทันที มันบอกตอนไหนว่าทำงานเพื่อครอบครัวกัน อย่าบอกนะว่าหลี่หลินเข้าใจผิดคิดว่าครอบครัวของหลินเฟยยากจนถึงขนาดต้องส่งบุตรชายออกมาหางานทำกลับไปจุนเจือครอบครัว แบบนั้นมันละครเศร้าจากเมืองไหนไม่ทราบ

“แถมเมืองที่เจ้าเข้ามาช่วยก็ขายของได้ดีมากทีเดียว”นายท่านพูดชมพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีคาดหวัง พอหลินเฟยเข้ามาขอร่วมเดินทาง หลินเฟยก็ช่วยงานทั้งหมดตั้งแต่ขนของตั้งร้านรวมทั้งช่วยขายอีกด้วย และด้วยความที่ว่าหลินเฟยเป็นคนหน้าตาดีและมีฝีปากไม่เลวทำให้สามารถดึงลูกค้าเข้าร้านได้เรื่อยๆ ความจริงในข้อนี้ก็อยู่ในสายตาของนายท่านเช่นกัน

“ข้าเลยอยากจะให้เจ้ามาทำงานที่ร้านของข้า เจ้าคิดว่าอย่างไร”นายท่านถามพลางมองหลินเฟยอย่างจริงจัง งานในร้านหลักของนายท่านงั้นหรือ แบบนั้นคงได้เงินดีไม่น้อยเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ลูกจ้างชั่วคราวอย่างเพื่อนๆที่หลินเฟยทำงานด้วยอยากทำมากทีเดียว แถมหลินเฟยก็มีเวลาว่างอีกตั้ง 9 ปีกับอีก 11 เดือนอีกด้วย ทำไมจะไม่รับข้อเสนอดีๆแบบนี้เล่า