เสียงของยอนฮวาที่เตือนมาจากข้างนอกดูเหมือนจะเร่งด่วนเสียจริง นางหลับไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ รยูฮาเอียงคอดันร่างชของฮอนออกไปอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงรั้งใบหน้าของเขาเข้ามา จุมพิตลงตรงริมฝีปาก แล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง 

 

 

“เตรียมตัวแล้วเข้ามาได้เลย” 

 

 

“เพคะ พระชายา” 

 

 

ยอนฮวาเข้ามาแล้วก็จัดแจงเหล่าเครื่องประดับวางเรียงเป็นแถว แต่ไม่เห็นเหล่านางในคนอื่น รยูฮาที่นั่งตรงโต๊ะเครื่องแป้งแล้วจัดผมด้วยปลายนิ้วถามว่าแล้วคนอื่นล่ะ ตรงต้นคอของนางปรากฏรอยแดงที่ก่อนหน้านี้ไม่มี 

 

 

“บอกว่าจะไปจัดเตรียมเสื้อผ้ามาให้เพคะ… เดี๋ยวหม่อมฉันจะออกไปอีกครั้งเพคะ” 

 

 

รยูฮามองยอนฮวาที่หลบสายตาแล้วหายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเบนสายตากลับมาที่กระจกอีกครั้ง พอดูอย่างละเอียดจึงเห็นรอยกลีบดอกไม้ที่ฮอนทิ้งไว้เมื่อครู่ระหว่างต้นคอและไหล่มันชัดเจนมาก อ้า เห็นตรงนี้นี่เอง รยูฮาปลายตามองฮอนที่สะท้อนตรงกระจกแล้วใช้มือปิดตรงนั้นไว้ 

 

 

“อันนี้จะทำอย่างไรเพคะ” 

 

 

“เจ้าเองก็ชอบมิใช่หรือ” 

 

 

“หม่อมฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าช่วยออกไปด้วยเพคะ” 

 

 

“อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ เราเป็นสามีภรรยา… อ้า…เข้าใจแล้ว จะอายอะไรกัน” 

 

 

ฮอนเลี่ยงสายตาของรยูฮาที่ทอดมองมาผ่านกระจกไปยังห้องข้างๆ เสียดายเหลือเกินถ้ายอนฮวาไม่เรียกคงทำได้มากกว่านี้อีกนิด ห้องที่อยู่ด้านข้างมีเตียง โต๊ะและเก้าอี้วางอยู่อย่างไร้ชีวิตชีวาราวกับไม่ได้ใช้มานานแต่ก็สะอาดสะอ้าน ฮอนนอนกลิ้งไปมาตรงเตียงว่างนั้นสักพักก่อนจะหลับตาลงแล้วหลับไป 

 

 

“ไม่มีชุดที่ปกเสื้อสูงกว่านี้หรือ” 

 

 

ในขณะเดียวกันในห้องของรยูฮา นางกำลังส่ายหน้าให้กับเสื้อผ้าแต่ละชุดด้วยสีหน้าเหลืออดและกำลังทะเลาะกับเหล่านางในที่พากันยกยิ้ม 

 

 

“ชุดนี้สูงที่สุดแล้วเพคะ พระชายา ไม่มีชุดไหนที่ปิดบังได้หรอกนะเพคะ” 

 

 

“ตัวนั้นมันหรูหราเกินไป” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นก็ใส่ตัวนี้เพคะ” 

 

 

ชุดที่ยางจินยกขึ้นมาดูเรียบกว่าตัวเมื่อครู่เล็กน้อยแต่ก็เผยให้เห็นผิวมากไป รยูฮาถอนหายใจเลือกชุดหรูหราด้วยสีหน้าไม่เต็มใจเพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกปิดรอยที่ถูกประทับตรงระหว่างต้นคอและไหล่ได้ 

 

 

“หม่อมฉันจะไม่เกล้าผมขึ้นไปหมดเพคะ จะปล่อยระต้นคอเอาไว้ คงจะช่วยปกปิดได้แต่ต้องระวังลมหน่อยนะเพคะ” 

 

 

“เช่นนั้นก็ได้ เฮ้อ จริงๆ เลย” 

 

 

เหล่านางในรับคำรยูฮาอย่างสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน แล้วมือของพวกนางก็เริ่มเป็นระวิง เหล่านางในเกล้าผมครึ่งหัวและประดับด้วยปิ่นปักผมรูปดอกไม้และไข่มุกหลายอันอย่างคล่องแคล่ว ต่างหูห้อยพลอยสีแดงที่เข้ากับชุดถูกยกขึ้นข้างใบหน้า 

 

 

หลังจากทาแป้งบางเบาและเขียนคิ้วให้เข้มก่อนจะปัดขนตาให้ยกขึ้นด้วยแท่งไม้ ตาที่เด่นขึ้นรับกับผิวขาวยิ่งดูเด่นชัดขึ้นไปอีก สุดท้ายโซฮวาเติมริมฝีปากให้ด้วยสีดอกบัว ก่อนจะถอยหลังออกมามองเจ้านายของตนอย่างละเอียด 

 

 

“ว้าว!” 

 

 

ในที่สุดก็เสร็จแล้ว พอรยูฮาถอนหายใจด้วยความโล่งใจพร้อมลุกขึ้นจากที่นั่งก็มีเสียงอุทานดังมาจากเหล่านางในที่ห้อมล้อมอยู่ ช่างงดงามเสียจริง พระชายาของพวกเรา พวกนางในต่างพากันเชิดหน้าเชิดตาอย่างภาคภูมิใจ และเริ่มมองหาองค์รัชทายาทที่หายไปตั้งแต่เมื่อครู่ 

 

 

“องค์รัชทายาทอยู่ที่ไหนเพคะ” 

 

 

“ตามหาเขาทำไมกัน” 

 

 

“จะตามหาทำไมล่ะเพคะ ก็จะได้ให้พระองค์ทรงเห็นความงามนี้อย่างไรเล่าเพคะ” 

 

 

“ใช่แล้วเพคะ ต้องหลงเสน่ห์เป็นแน่เพคะ” 

 

 

“ต่อให้ไม่ทำแบบนี้ก็หลงเสน่ห์ข้าอยู่แล้ว ยอนฮวา ไปห้องข้างๆ แล้วพาฝ่าบาทมา” 

 

 

“กรี๊ด พระชายาล่ะก็!” 

 

 

รยูฮาไม่ได้ล้อเล่นเลยแต่ดูเหมือนเหล่าลูกเจี๊ยบจะเข้าใจว่าเป็นการล้อเล่น ยอนฮวาถูกสะกิดหลังและพาตัวเองออกมาจากเหล่านางกำในที่พากันหัวเราะร่วน มุ่งหน้าไปทางห้องด้านข้างเงียบๆ 

 

 

“องค์รัชทายาท พระชายาเตรียมตัวเสร็จแล้วเพคะ” 

 

 

นางบอกแล้วรออยู่นอกประตู แต่ไม่มีคำตอบรับจากข้างในเลย ไม่ใช่ห้องนี้หรือ ยอนฮวาครุ่นคิดเพียงครู่แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน จากนั้นจึงปิดประตูลงแล้วเข้าไปใกล้เตียง องค์รัชทายาทบรรทมอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย 

 

 

“ฝ่าบาท…?” 

 

 

เรียกเสียงเบาแต่ไม่มีคำตอบ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวเหมือนจะระเบิด ยอนฮวาหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไปเพื่อมองใบหน้างดงามนั้นใกล้ๆ ขอเข้าไปดูใกล้กว่านี้แล้วก็ใกล้กว่านี้อีกนิด ขอแค่ดู และตอนนั้นเองที่ยอนฮวาเข้าไปใกล้ชนิดที่ว่าลมหายใจของนางสัมผัสเข้ากับฮอน 

 

 

“อุ๊บ!” 

 

 

ใครบางคนปิดปากของยอนฮวาจากด้านหลังแล้วดึงตัวนางออกมา 

 

 

“ออกมา” 

 

 

น้ำเสียงของผู้หญิงที่กระซิบข้างหูนั้นช่างเยือกเย็นและน่าหวาดเสียว ดวงตาของยอนฮวาถูกแช่แข็งเพราะความกลัว มองเห็นชายเสื้อสีเขียวอ่อน เป็นเสื้อผ้าของผู้ช่วยส่วนตัวที่แม้อยู่ในพระราชวังแต่ไม่ได้สังกัดตามคำสั่งพระราชวัง ในวังซึงกอนผู้ที่สวมเสื้อผ้าแบบนั้นมีแค่คนเดียว 

 

 

“คือ คือว่า… ไม่ใช่แบบนั้น…” 

 

 

ยอนฮวาถูกมินอาลากมายังห้องว่าง นางหน้าซีดและเพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดยิ่งทำให้ลืมคำพูดที่จะแก้ตัวไปจนหมดและคออ่อนคอพับ แต่ก็ไม่นาน มินอาจับผมและรั้งคอของยอนฮวามาด้านหลังก่อนจะกระซิบเสียงเบาชนิดที่ว่าต้องอยู่ใกล้เท่านั้นจึงจะได้ยิน 

 

 

“นั่นน่ะสามีของนายข้า รู้ไว้ว่าครั้งหน้าข้าไม่ปล่อยไว้ขนาดนี้แน่ แค่ตัดคอเจ้ามันง่ายกว่าจับแมลงวันเสียอีก” 

 

 

น้ำเสียงต่ำและลักษณะการพูดคล้ายเจ้าของ แต่ก็เย็นชาและน่ากลัวจนเทียบไม่ได้ มินอาสะบัดผมที่จับอยู่ทิ้งไปจนยอนฮวาทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเหมือนตุ๊กตา มินอาทิ้งนางไว้แล้วออกจากห้องไป แต่ก็ยังยืนมองมือที่คว้าผมของยอนฮวาไว้เมื่อครู่อยู่ตรงนั้น 

 

 

การให้ใจกับชายที่มีสายตาไว้มองแค่สตรีเพียงแค่คนเดียว การให้ใจชายที่สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึงช่างเหมือนกับนาง หากมีใครสักคนช่วยมาจับผมของนางแล้วกระชากแบบนี้ก็คงดี มินอาปรารถนาเช่นนั้นแต่ก็เป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์ 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“ฝ่าบาท ปิดปากนั้นหน่อยเพคะ ต้องรักษาเกียรติตัวเองหน่อยสิเพคะ” 

 

 

“งั้นเจ้าก็อย่างามให้มากนักสิ” 

 

 

ผู้แพ้ต้องจัดเตรียมงานเลี้ยงอันหรูหราขึ้นมาประหนึ่งเป็นงานเลี้ยงฉลองให้แก่ฝ่ายที่ชนะในการล่าสัตว์ในครั้งนี้  

 

 

“ขอบใจพวกเจ้ามากที่มารวมตัวกันเช่นนี้ งานล่าสัตว์ครั้งนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย แต่ก็จัดการได้อย่างราบรื่น เป็นโชคของข้า บอกว่าเป็นความสุขของประเทศนี้ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าคงได้สินะ ข้าจะไม่พูดยาวให้มากความ เอาน้ำหมึกกับพู่กันมา!” 

 

 

รอยยิ้มที่ฉายเต็มพระพักต์ของพระราชาไม่เลือนหายไปเลยราวกับทรงอารมณ์ดีมาก น้ำหมึกที่เหล่านางในถือเข้ามาตอนนี้เหลือหลงรอยเป็นจุดสีเข้มบนใบหน้าของฝ่ายที่แพ้ ในบรรดานั้นมีมหาเสนาบดีผู้เป็นพ่อของรยูฮารวมอยู่ด้วย 

 

 

“…อุ๊บ” 

 

 

ภาพของท่านพ่อที่มีจุดหมึกสีดำเท่านิ้วเล็บหัวแม่มือประทับอยู่ทำให้รยูฮาทนไม่ได้แล้วฝั่งหน้าลงบนไหล่ของฮอน ภาพนั้นที่ดูอ่อนโยนทำให้มหาเสนาบดียิ้มกว้างด้วยความพอใจ ตรงนี้เองที่ฮอนผู้ซึ่งใช้ทั้งเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในการอดทนทำได้เพียงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งคู่อิงแอบลงบนไหล่ของกันและกันแล้วหัวเราะคิกคักอยู่พักใหญ่ 

 

 

ทุกคนที่มารวมตัวกันที่งานเลี้ยงหัวเราะร่วมกันอย่างเป็นมิตร จนในที่สุดฮอนหยุดหัวเราะแล้วหันไปสบตาเข้ากับชานที่หันมาทางนี้ ไม่รู้ว่าเขาหันมาทางนี้พอดี หรือหันมามองทางนี้นานแล้ว 

 

 

ฮอนยิ้มอย่างงดงามพลางยกแก้วขึ้นไปทางชาน แล้วใช้แขนเสื้อกว้างบังรยูฮาที่พิงอยู่ตรงไหล่ของเขา ชานเองก็ยิ้มแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นก่อนจะกรอกเหล้าลงไปในปาก ไม่ว่าใครมองมาก็ต้องบอกว่านี่คือพี่น้องที่แสนอ่อนโยน แต่ภายในนั้นปะทะคมกันหลายต่อหลายครั้งและจึงผละออกมา 

 

 

“องค์รัชทายาท น่ายกย่องจริงๆ เพคะ จับเสือมาถวายพระราชาด้วย” 

 

 

ตรงที่นั่งตำแหน่งสูงสุด พระมเหสีซึ่งนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของพระราชายิ้มอย่างปลาบปลื้มใจไปทางฮอน ความสง่าผ่าเผยสมเป็นพระมเหสีเปล่งประกายเหมือนฤดูใบไม้ผลิราวกับเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ เป็นเสด็จแม่ที่ต่อให้ไม่ใช่เลือดเนื้อก็เลี้ยงฮอนมาด้วยความรัก สายตาของฮอนที่มองไปยังพระมเหสีเต็มไปด้วยความรักและความศรัทธา 

 

 

“กระหม่อมโชคดีพ่ะย่ะค่ะ ช่วงกลางฤดูหนาวจะจับสุนัขจิ้งจอกที่อยากได้มาถวายนะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“หากเจ้าจับจิ้งจอกมา แล้วข้าจะเอาไปใช้ที่ใดกันเล่า”