ตอนที่ 376 ปะทะคารม / ตอนที่ 377 นางปีศาจ

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 376 ปะทะคารม 

 

 

ถังเฉียนกำลังเล่นสนุกอยู่กับหรูอี้และเหล่านางกำนัล หลายคนกำลังเล่นซ่อนหาวิ่งรอบเสา เล่นกันอย่างเพลิดเพลินเหมือนเด็ก 

 

 

ขณะที่กำลังสนุกกันเต็มที่ นางกำลังจะจับหรูอี้ได้ ก็มีเสียงประกาศดังมาจากนอกตำหนัก 

 

 

“องค์ไท่เฟยเสด็จมาถึงแล้ว…” 

 

 

หรูอี้หยุดเล่นสนุกทันที ทุกคนรีบออกไปรอต้อนรับที่นอกตำหนัก แล้วได้ยินเสียงตำหนิของอันไท่เฟยดังแว่วมา 

 

 

“อะไรกัน ความจำเสื่อมจนไม่รู้จักแบบแผนแล้วหรือ คนในตำหนักตายหมดแล้วหรืออย่างไร เหตุใดจึงไม่มีใครออกมาต้อนรับเลย!” 

 

 

หรูอี้ประคองถังเฉียนเดินออกมานอกตำหนัก แล้วกระซิบบอกอย่างรวดเร็วว่า 

 

 

“ท่าทางคงจะมาร้าย” 

 

 

ถังเฉียนพยักหน้าเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็น นางออกมาต้อนรับอันไท่เฟยพร้อมกับย่อตัวคารวะ ขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินอันไท่เฟยตะคอกใส่ 

 

 

“อาหรูน่า เจ้ารู้ตัวว่าผิดหรือไม่” 

 

 

ชิงลงมือก่อน! 

 

 

นางยังไม่ทันตั้งสติ อันไท่เฟยก็พาคนกลุ่มใหญ่เดินอาดๆ เข้าไปในตำหนักแล้วนั่งลง คนที่ตามหลังมาพากันกระจายออกยืนเป็นแถว เปลี่ยนตำหนักนี้ให้กลายเป็นห้องโถงศาล 

 

 

ถังเฉียนเงยหน้าขึ้นมองอันไท่เฟย เห็นความเคียดแค้นชิงชังในดวงตาสวยคู่นั้นและรอยยิ้มหยัน 

 

 

นางไม่แสดงท่าทีอะไร เดินเกาะแขนหรูอี้มานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ยกถ้วยชาขึ้น ใช้ฝาถ้วยเขี่ยเล็กน้อย ดื่มช้าๆ แล้วจึงพูดว่า 

 

 

“องค์ไท่เฟย หม่อมฉันไม่รู้ว่าทำผิดอะไร” 

 

 

ฉางหงก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตะคอกว่า 

 

 

“บังอาจ ใครให้เจ้าพูดเช่นนี้กับองค์ไท่เฟย!” 

 

 

หรูอี้โกรธจัดแล้ว เดินรี่มาจะโต้เถียงกับฉางหง ถังเฉียนรั้งนางไว้ พลางกวาดตามองฉางหงแวบหนึ่ง 

 

 

ฉางหงรู้สึกเสียววาบ ถอยไปอยู่ข้างตัวอันไทเฟยทันที แล้วได้ยินเสียงพูดอย่างราบเรียบว่า 

 

 

“เจ้าหน้าที่ ตบปากนาง” 

 

 

พอเสียงพูดจบลง ทหารองครักษ์นอกตำหนักสองสามคนบุกเข้ามา ตรงเข้าจับตัวฉางหงไว้ ถังเฉียนเหลือบมองหรูอี้ หรูอี้เข้าใจทันที ม้วนชายแขนเสื้อขึ้นเตรียมตบฉางหง 

 

 

“องค์ไท่เฟย องค์ไท่เฟยช่วยด้วยเพคะ!” ความหยิ่งผยองของฉางหงสลายไปสิ้น รีบวิ่งหนีไปหาอันไท่เฟย 

 

 

“เพล้ง!” ฝาถ้วยชาถูกขว้างลงบนพื้น อันไท่เฟยลุกพรวดขึ้น พูดเสียงกร้าว“อาหรูน่า เจ้าบังอาจนัก กล้าทำร้ายแม้แต่คนของข้า!” 

 

 

ถังเฉียนนั่งสงบนิ่ง มั่นคงราวกับขุนเขา นางยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“ไท่เฟย เด็กคนนี้พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ แม้แต่สนมเฉียนอย่างข้า ยังเรียกเจ้าทุกคำ ถ้าไม่ช่วยอบรมแทนไท่เฟย วันหน้าจะยิ่งทำเรื่องเลวร้ายยิ่งขึ้น แล้วจะจัดการยากนะเพคะ” 

 

 

ในที่สุดอันไท่เฟยก็เงยหน้าขึ้น มองตรงมาที่ถังเฉียน พูดเสียงเย็นชา 

 

 

“ข้าดูเจ้าน้อยเกินไปแล้ว เดิมที่มีข่าวลือว่าพระสนมเฉียนความจำเสื่อม ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ที่แท้ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไร ไม่รู้ว่าฝ่าพระบาทจะทรงรู้หรือไม่” 

 

 

ถังเฉียนลุกยืน ปัดเสื้อเบาๆ แล้วพูดว่า 

 

 

“อันไท่เฟยล้อเล่นแล้ว ต่อให้ความจำเสื่ออย่างไร ต่อให้ไร้เดียงสารอย่างไร ก็ไม่อาจให้ใครมารังแกถึงเขตแดนตนเอง ทำให้ตัวเองถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรอก อันไท่เฟยว่าจริงหรือไม่เพคะ” 

 

 

อันไท่เฟยยิ้มหยัน 

 

 

“กลัวแต่ว่าบางคนจะลืมตัว ไม่รู้ว่าตัวเองมีฐานะอย่างไร ลืมฐานะตัวเองไปแล้ว!” 

 

 

“อันไท่เฟย เกรงว่าจะไม่ใช่ใครลืมตัว แต่มีบางคนมองสถานการณ์ตอนนี้ไม่ออก คิดว่าตัวเองเก่ง สุดท้ายล้มคว่ำไม่เป็นท่า” 

 

 

“เจ้า…!”  

 

 

สีหน้าอันไท่เฟยเขียวคล้ำ เดินเข้ามาสองสามก้าว มาอยู่ตรงหน้าถังเฉียน 

 

 

“ระหว่างพระราชพิธีพระศพ หน้าไม่อายยั่วยวนฝ่าพระบาท ยังละเมิดแบบแผนของบ้านเมือง เล่นสนุกในตำหนัก วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนฝ่าพระบาท ให้เจ้ารู้จักฐานะของตัวเอง” 

 

 

นางพูดจบก็ฟาดมือที่เล็บยาวแหลมคม ตรงไปที่ใบหน้าถังเฉียน 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 377 นางปีศาจ 

 

 

“พระสนม!” 

 

 

หรูอี้ร้องออกมา แล้วโผเข้ามากั้นถังเฉียนไม่ให้ถูกตบ เล็บมือที่ยาวแหลมฟาดลงมา ตั้งใจจะทำให้ถังเฉียนเสียโฉม! 

 

 

“โอ๊ย…” ฝ่ามืออันไท่เฟยยังไม่สัมผัสถังเฉียน จู่ๆ นางก็เอามือกุมหน้าตัวเอง แล้วร้องด้วยความเจ็บปวด 

 

 

“ไท่เฟยไท่เฟยเป็นอะไรไป”  

 

 

ฉางหงโผเข้ามา กลับถูกเล็บที่แหลมคมฟาดใส่จนต้องถอยออกไป เหล่านางกำนัลห้อมล้อมเข้ามา อยากดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าไท่เฟย 

 

 

ถังเฉียนตกใจ นางไม่อยากถูกอันไท่เฟยรังแก แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่ แล้วเห็นแมลงสีทองบินผ่านช่องนิ้วอันไท่เฟยไป 

 

 

นั่น แมลงสีทองตัวนั้น 

 

 

“เอ๊ะ! ไท่เฟย ใบหน้าไท่เฟยเป็นอะไร” 

 

 

ทันใดนั้นฉางหงมีท่าทางเหมือนเห็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวสุดขีด นางชี้ไปที่ใบหน้าไท่เฟยด้วยนิ้วที่สั่นระริก นางกำนัลรอบๆ พากันถอยกรูด 

 

 

ถังเฉียนเพ่งมอง เห็นใบหน้าไท่เฟยมีรอยแผลสีแดงน่าขยะแขยงหลายเส้นพาดผ่าน เหมือนมีอะไรมุดเข้าไป รอยสีแดงยืดยาวไม่หยุด กำลังจะมุดเข้าลูกตาแล้ว 

 

 

อันไท่เฟยตกใจจนคลั่งแล้ว ตะโกนโหวกเหวกไม่หยุด ใช้เล็บยาวข่วนใบหน้าตัวเองพัลวัน จนฉางหงกับพวกต้องช่วยกันจับมือพระนางไว้ 

 

 

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย นี่มันอะไร? มันกำลังกินข้า มันกินหน้าข้า ช่วยด้วย…!” 

 

 

ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องทำนองนี้ พอเห็นฉางหงกับพวกจะใช้มือแตะรอยสีแดงนั้น ก็รีบขยับเข้าไปใกล้ แล้วตะโกนออกมาทันที  

 

 

“ทุกคนอยู่นิ่งๆ อย่าแตะ!” 

 

 

นางตะโกนออกมาทำให้เหล่านางกำนัลซึ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกสงบลงทันที นางอาศัยความสามารถที่แปลกพิสดาร ยื่นมือออกไป ราวกับทำมานับครั้งไม่ถ้วน วางนิ้วมือลงบนรอยสีแดงบนใบหน้าอันไท่เฟยเบาๆ 

 

 

“เสี่ยวจิน รีบออกมา เจ้ารีบออกมาดีหรือไม่” 

 

 

รอยสีแดงหยุดยืดยาวออก หลังจากที่นิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นแมลงสีทองตัวหนึ่งก็มุดหัวออกมาจากรอยสีแดง คลานออกมา แล้วเกาะนิ่งบนปลายนิ้วนาง 

 

 

เสี่ยวจิน? เหตุใดจู่ๆ จึงนึกชื่อนี้ออกมา ถังเฉียนมองดูแมลงสีทองที่แนบท้องอยู่บนท้องนิ้วของนาง นี่…เป็นชื่อของมันหรือ 

 

 

บรรยากาศเงียบลงอย่างน่าประหลาด พอถังเฉียนเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าทุกคนกำลังมองนางด้วยความหวาดกลัว อันไท่เฟยใช้สองมือกุมใบหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็ตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง 

 

 

“นางปีศาจ นางปีศาจ!” 

 

 

นางมองดูคนอื่นๆ ฉางหงประคองอันไท่เฟยด้วยมือที่สั่นเทา เสียงสั่นจนฟังไม่ชัดว่าพูดอะไร 

 

 

“เร็ว เร็วเข้า อาหรูน่าเป็นนางปีศาจ ถ้าไม่รีบไป นางจะกินทุกคนหมด!” 

 

 

ถังเฉียนมองดูคนเหล่านั้นวิ่งหนีออกจากตำหนักราวกับผึ้งแตกรัง วิ่งหนีตายกันอลหม่านราวกับด้านหลังมีน้ำป่ามีสัตว์ร้ายคอยไล่ตาม ถังเฉียนหันไปมองหรูอี้ เห็นนางถอยหลังสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

ถังเฉียนยกมือกุมศีรษะ รู้สึกว่าคุ้นเคยกับฉากเหตุการณ์แบบนี้มากเป็นพิเศษ ราวกับเคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ใบหน้าที่หวาดกลัว สีหน้าที่ยำเกรง รวมทั้ง…หมอผี…หมอผีคือสิ่งใดกัน 

 

 

สมองถังเฉียนสับสนวุ่นวายมากขึ้น ราวกับจะดิ้นรนให้หลุดออกมาจากศีรษะ ปวดตุ้บๆ อย่างรุนแรง 

 

 

ความรู้สึกนางเริ่มเลือนราง แว่วได้ยินหรูอี้ร้องเรียกนางว่าพระสนม จากนั้นก็เกิดความสับสนอลหม่าน ดูเหมือนมีใครบางคนวิ่งออกไป 

 

 

นางรู้สึกหน้ามืด ฉากเหตุการณ์ประหลาดมากมายวาบผ่านหน้าไป ช่างคุ้นเคยนัก แฝงด้วยความเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก แต่มองเห็นภาพที่ผ่านไปไม่ชัดเจน สุดท้ายนางได้ยินเสียงผู้ชายพูดอย่างนอบน้อมว่า “พระสนม ขออภัยด้วย” 

 

 

จากนั้นก็รู้สึกปวดที่ท้ายทอยอย่างรุนแรง แล้วหมดสติ นางถูกพาตัวออกไป ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น