คนที่สาม
หลังจากเด็กชายพูดอย่างนั้น อุณหภูมิในห้องโดยสารก็ลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และใบหน้าของคนขับก็ซีดเผือด
“ขาดแค่มือข้างหนึ่ง?” คนขับคิดว่าเขาได้ยินผิด เขายากที่จะเชื่อว่าได้ยินอะไรแบบนั้นดังออกมาจากปากของเด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่ง ม่านตาของเขาสั่นระริก และเขาก็เหลือบมองไปยังโทรศัพท์ของเขา ข่าวไม่ได้มีรายละเอียดสาเหตุการตายของเด็ก– มันเพียงพูดถึงผ่าน ๆ ว่าเด็กชายถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด เพราะคำพูดเดียวของเด็กชาย บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนไป
มือของคนขับรถที่กำพวงมาลัยรถอยู่นั้นลื่นไปด้วยเหงื่อ ผู้หญิงที่นั่งข้างเขายังเงียบอยู่ และเด็กชายที่เบาะหลังก็กำถุงพลาสติกสีดำไว้แน่น ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ไม่เข้ากับอายุของเขาแปะเอาไว้
ใน ‘คน’ น้อยนิดในรถ มีแค่เฉินเกอที่เรียกได้ว่าปกติ เขาดูเหมือนเป็นคนเดียวที่ควบคุมทุกอย่างไว้แล้ว เขาขยับเข้าไปใกล้เด็กชาย เสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นทำให้คนขับรถหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาอีก
“เธอขาดแค่มือข้างหนึ่งเหรอ? นั่นหมายความว่าชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เธอพบอยู่ในถุงพลาสติกนี่ทั้งหมดเลย?” เฉินเกอชี้ไปยังถุงป่อง ๆ “เธอให้ฉันดูข้างในหน่อยได้ไหม? และถ้าเธออยากได้ความช่วยเหลือ ฉันช่วยเธอหาชิ้นที่เหลือได้นะหลังจากที่พวกเราลงจากรถแล้ว”
“ไม่จำเป็น” เห็นเฉินเกอเปลี่ยนเป้าหมายไปทางถุงสีดำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายก็หายไปอย่างช้า ๆ
“อันที่จริง พวกเราก็ไม่ได้ต่างกันนัก เธอกับฉัน พวกเราทั้งคู่กำลังมองหาบางอย่าง” เฉินเกอหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมา แต่กระเป๋านั้นดูจะใหญ่กว่าของเด็กชาย
“คุณก็กำลังหาบางอย่างเหรอ?” เด็กชายได้กลิ่นเลือดจาง ๆ จากในกระเป๋าเฉินเกอ และเขาก็พบว่าสิ่งนั้นดูจะอันตราย มันต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ก่อนที่จะเข้ามาในรถ “คุณกำลังมองหาอะไร?”
“อันที่จริง สิ่งที่ฉันกำลังมองหาน่ะอยู่ในรถกับฉันแล้ว เมื่อถึงเวลา ฉันจะยัดพวกมันทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋าของฉัน”
เฉินเกอเล่นบทคุณลุงแปลกหน้าหลอกให้เด็กชายกลัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นเรื่องล้อเล่นของคนโต ๆ ที่เล่นกับเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่เด็กชายที่ข้าง ๆ เขากลับไม่มีรอยยิ้มอีกแล้ว นี่เป็นเพราะเด็กชายรู้ว่าเฉินเกอนั้นพูดจริงจัง
“พวกเขาทั้งหมด?” ต่างจากเด็กชาย คนขับรถได้ยินที่เฉินเกอพูดและเกือบจะเหยียบคันเร่งแทนเบรก เกือบจะขับไปชนต้นไม้เข้าแล้ว เขาคิดว่าเฉินเกอหมายถึงว่าเขาจะฆ่าทุกคนในรถ และจากนั้นก็ยัดชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขาเข้าไปในกระเป๋านั่น
เขาไม่สามารถตามปกป้องผู้โดยสารที่เบาะหลังของเขาได้ ดังนั้นจึงมีเพียงผู้โดยสารคนเดียวที่คนขับรถปกป้องได้ ก็คือเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างเขา จากมุมมองของเขา เด็กสาวนั้นทั้งนุ่มนวลและน่าสงสาร และถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เขาตัดสินใจจะพาเด็กสาววิ่งหนี ถ้าอย่างนั้น อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็สามารถดูแลกันได้
สถานการณ์กำลังจะเลวร้ายลง ทั้งหมดที่ฉันทำได้ตอนนี้ก็คือช่วยคนให้มากที่สุดเท่าที่ฉันทำได้ขณะดูแลความปลอดภัยของตัวเองไปด้วย! คนขับรถตัดสินใจเงียบ ๆ เขาแอบมองไปยังเด็กสาวข้าง ๆ เขา เด็กสาวดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงปัญหาเช่นกัน และเธอก็แตะปลายนิ้วลงที่เข่าของคนขับรถ
เฉินเกอนั้นไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นบทอะไรอยู่ในใจคนขับรถ สมาธิทั้งหมดของเขาอยู่ที่เด็กชายที่ข้างตัวเขา ในเมื่อพวกเขาได้มีโอกาสพบกัน เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เขาวางแผนจะเชิญ ‘คน’ ทั้งหมดนี้ไปเป็นแขกของเขาที่บ้านผีสิง
รถแท็กซี่ยังเคลื่อนไปตามถนนอีกพักหนึ่ง และไม่ช้ามันก็ไปถึงสามแยกตัวที ถนนสายหนึ่งนั้นจะนำพวกเขาออกจากจิ่วเจียงไปยังเขตอื่นขณะที่ถนนอีกสายนั้นจะพาพวกเขาไปยังอุโมงค์ถ้ำมังกรขาว
“อุโมงค์ถ้ำมังกรขาว?” คนจิ่วเจียงล้วนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นรอบ ๆ อุโมงค์นั่น สถานที่ซึ่งคือถนนสาธารณะต้องสาป อุบัติเหตุจากรถยนต์เกิดขึ้นที่นั่นบ่อยราวกับเม็ดฝนและเรื่องผีมากมายรวมทั้งตำนานท้องถิ่นก็มีที่นั่นเป็นฉากหลังหรือเป็นจุดกำเนิด
ใบหน้าของคนขับซีดขาว เขาบังคับตัวเองให้สงบลง เขาหันกลับไปถามเด็กชายที่ถือถุงอยู่ “เด็กน้อย เธอยังจำได้ไหมว่าบ้านเธอไปทางไหน?”
เด็กชายไม่ชอบที่ต้องอยู่ข้าง ๆ เฉินเกอ เขาเพยิดคางไปยังทิศทางของอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวสีหน้านิ่งเฉย
“บ้านของเธอก็อยู่ทางนั้นเหมือนกัน? ดูเหมือนว่าเธอสองคนจะมาจากหมู่บ้านเดียวกันจริง ๆ” คนขับรถพยายามหาข้ออ้างอันมีเหตุผลที่จะอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดนี้เพื่อให้ตัวเองสบายใจ เขาเค้นรอยยิ้มออกมาขณะหันไปหาเฉินเกอ “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน แต่ผมแนะนำให้คุณหยุดรถที่นี่และหันหลังกลับเสียตอนนี้ ให้พวกเขาสองคนลงจากรถและขับพาผมกลับไปยังจุดที่คุณรับเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา” เฉินเกอต้องการปกป้องคนขับรถเอาไว้ ถ้าเขาลงจากรถพร้อมกับผู้หญิงและเด็กชายและให้คนขับรถกลับไปคนเดียว อย่างนั้นระหว่างทางกลับ ผู้ชายคนนี้ก็อาจจะเจอกับอุบัติเหตุอื่นได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย เฉินเกอจึงอาสาไปส่งเขา
แต่ว่า คนขับรถไม่เห็นด้วยกับวิธีนั้น เขารู้สึกถึงอันตรายจากเฉินเกอ และเขาก็คิดว่าเฉินเกอพยายามให้เขาต้องอยู่คนเดียวเพื่อที่จะลงมือได้ ยิ่งคนขับรถคิดเรื่องนี้เขาก็ยิ่งหวาดกลัว เฉินเกอนั้นขึ้นรถแท็กซี่มาคนเดียวในตอนกลางคืน จะไปที่ไหนก็ไม่รู้พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่มีกลิ่นเลือดลอยออกมา สิ่งที่เฉินเกอทำนี้แทบจะเขียนเป็นเรื่องสยองขวัญได้เลย เขาเชื่อว่าเขารู้ว่าเฉินเกอกำลังวางแผนอะไรอยู่ และไม่มีทางที่เขาจะอยู่ในรถเพียงลำพังกับเฉินเกอ
“ผมไม่คิดอย่างนั้นะ ในเมื่อพวกคุณต้องการไปทางเดียวกัน ผมก็ควรขับไปส่งพวกคุณทุกคนที่นั่น” คนขับรถส่งตำแหน่งที่อยู่ผ่านทางข้อความไปยังห้องสนทนาของเพื่อนของเขา แต่การสื่อสารนั้นค่อนข้างแย่มากและเขาก็มองเห็นข้อความโหลดอยู่นานก่อนที่จะล้มเหลว เขาชะลอรถลงและพิมพ์อีกสองข้อความ แต่ก็ส่งออกไปไม่ได้เช่นกัน
รถของเขานั้นมีคนนั่งอยู่เต็ม แต่น่าแปลก คนขับไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด เขาคิดถึงการโทรเรียกตำรวจ แต่เขาก็เกรงว่านี่อาจจะกลายเป็นล่วงเกินผู้โดยสารของเขาทำให้เขาลงมือทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล
ในตอนที่คนขับกำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไรอยู่นั้น ชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กลางถนน เขาเดินลงมาตามทางลาดชัน เดินตรงมาที่แยกตัวทีที่รถแท็กซี่จอดนิ่งอยู่นี้ เขาแบกตะกร้าเก็บสมุนไพรเอาไว้บนหลังขณะเดินกะเผลกลงมา เขาดูเหมือนจะเป็นคนเก็บสมุนไพรคนหนึ่ง พื้นที่ส่วนใหญ่ของจิ่วเจียงตะวันออกนั้นเป็นภูเขาและทะเลสาบ ดังนั้นเศรษฐกิจจึงไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าเพราะอย่างนั้น ธรรมชาติจึงยังไม่ถูกแตะต้องมากนัก และสมุนไพรล้ำค่ามากมายที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นก็เติบโตงามสะพรั่งที่นี่
ต่างไปจากพืชที่ปลูกในห้องทดลองหรือว่าในฟาร์ม สมุนไพรป่านั้นมีค่ากว่านั้นมาก และคนรุ่นเก่า ๆ ที่ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล ้ๆ นี้ก็อาศัยการเก็บสมุนไพรในการเลี้ยงชีพ
ชายชราดูจะกำลังกลับลงมาจากบนเขา ขาขวาของเขากะเผลก และเสื้อของเขาก็มีรอยขาดจากกิ่งไม้และพุ่มไม้เกี่ยว มีกระทั่งรอยเลือดเปรอะอยู่ที่ปลายขากางเกงของเขา
ตอนที่เขาเดินผ่านแท็กซี่ไป เขาก็มองเข้ามาในรถอย่างใจลอย แต่เมื่อเขาทำอย่างนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงขึ้นอย่างช้า ๆ และจู่ ๆ เขาก็เร่งฝีเท้าออกไปจากบริเวณนี้ เห็นสีหน้าของชายชราแล้วคนขับรถก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
เขาลดกระจกรถลงอยากจะของความช่วยเหลือจากชายชรา แต่เมื่อเขาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ชายชราขากะเผลกก็หายลับไปแล้ว
“ทำไมเขาถึงได้เดินเร็วอย่างนั้นทั้งที่ขากะเผลก?” คนขับรถตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขารู้สึกถึงความเย็นที่ลูบไล้อยู่บนหลังมือของเขา เขาหันกลับไปและเห็นผู้หญิงคนนั้นขยับมือของเธอมาวางไว้ตรงหลังแขนของเขา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปทางอุโมงค์ถ้ำมังกรขาว เป็นท่าทีบอกให้เขาเริ่มขับไปได้แล้ว
ตอนที่คนขับรถเลี้ยวรถนั้น เฉินเกอก็พูดขึ้นมา “มีคนผ่านรถไปเหรอเมื่อครู่นี้? คุณคุยกับใครเหรอ?”
“มีชายชราขากะเผลกคนหนึ่ง เขาแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลัง คุณไม่เห็นเขาเหรอ? เขายังหยุดมองเข้ามาในรถก่อนที่จะเร่งเท้าผ่านไป!” คนขับรถไม่สามารถหยุดความหวาดกลัวไม่ให้เข้าไปในน้ำเสียงของตนได้
เฉินเกอส่ายหน้า มีแค่กิ่งไม้ที่สั่นไหวและเงาของมันเท่านั้นที่นอกรถ เขาไม่เห็นชายชราที่ไหนทั้งนั้น