ตอนที่ 649 หลับไปพร้อมอ้อมกอด (4) โดย Ink Stone_Romance
เย่เซียวอุ้มเธอไปยังแผนกสูตินรีเวช
ในห้องตรวจ VIP มีผู้ป่วยแค่เธอคนเดียว เธอนั่งรอตรงเก้าอี้โดยมีเย่เซียวยืนประกบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“คุณผู้หญิง ไม่สบายตรงไหนงั้นเหรอ?” คุณหมอประจำแผนกสูตนรีเวชสอบถาม
ไป๋ซู่เย่มองเย่เซียวแวบหนึ่ง “คุณออกไปก่อนได้ไหม?”
“ใช่ค่ะ คุณผู้ชาย ที่นี่เดี๋ยวต้องตรวจภายใน ห้ามผู้ชายเข้ามาข้างในนะคะ” คุณหมอเองก็รับคำ อยากบอกแบบนี้ไปตั้งนานแล้วแต่เพราะสีหน้าของเขาน่ากลัวเกินไปจึงไม่กล้าเอ่ยปาก
เย่เซียวกลับทำเหมือนฟังพวกเธอไม่เข้าใจ กล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เธอมีแผลด้านล่าง เจ็บหนักด้วย คุณช่วยตรวจดูตรงแผลให้เธอที”
“…” ไป๋ซู่เย่เงียบ
คุณหมอแผนกสูตินรีเวชกลับทำหน้าถึงบางอ้อ “ที่แท้แบบนี้นี่เอง ได้ คุณผู้หญิง คุณมานอนตรงนี้ให้ฉันดูแผลหน่อย”
คุณหมอลุกขึ้นยืนก่อน
ไป๋ซู่เย่รับคำสั้นๆว่า ‘ค่ะ’ ใช้แขนยันเคาน์เตอร์ตรวจไข้ขึ้น ขยับเท้ายังไม่ทันเดินไปดีเจ้าตัวก็ถูกเย่เซียวช้อนตัวจากพื้นเสียก่อน
อย่างไรเสียเธอรู้สึกเจ็บแผลใต้ร่างจริงๆ กับตอนเดิน จึงปล่อยให้เขาอุ้มเลยตามเลยไป
เย่เซียววางเธอลงบนเตียง
คุณหมอกลับบอกเธอไปพลาง “คุณผู้หญิง ถอดกางเกงลงเลยค่ะ คุณผู้ชายท่านนี้ ตอนนี้คุณออกไปได้แล้วค่ะ”
เย่เซียวยืนนิ่งไม่ขยับ “ตรวจแบบนี้แหละ”
“เย่เซียว!” ไป๋ซู่เย่เริ่มหมดความอดทน
เขาทำหน้าตาย “ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น คราวก่อนผมนี่แหละช่วยเช็คให้คุณ ถอดกางเกง อย่ามัวเสียเวลา!”
เขาก็อยากเห็นแผลของเธอเช่นกัน
คุณหมอที่ยืนข้างๆ หน้าแดงก่ำเมื่อได้ยิน อื้อหือ วัยรุ่นสมัยนี้นะ เลี่ยนเกินไป ไม่อายบ้างเลย
ไป๋ซู่เย่หน้าแดงเถือก วาดมือคว้าหมอนบนเตียงโยนไปทางเขา “คุณออกไป ถ้าคุณไม่ไปฉันก็จะไม่ตรวจ”
เย่เซียวยืนอยู่ไม่กี่วินาทีสุดท้ายก็หันหลังเดินออกไป แต่ก็ไม่ได้ยืนไปไกลมากแค่ยืนอยู่หลังผ้าม่าน
พอนึกถึงเย่เซียวยืนอยู่ข้างๆ ไป๋ซู่เย่ยังรู้สึกลำบากใจหน่อยๆ ถอดกางเกงลงช้าๆ คุณหมอตรวจไปยังรู้สึกเจ็บอยู่ แต่เธอกัดปากกลั้น
คุณหมอตรวจดูก็กล่าวขึ้น “นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงบวมแดงขนาดนี้? แผลฉีกขาดหมดแล้ว! พวกคุณสองคน…ให้ตายสิ! วัยรุ่นทำไมไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเลย!”
ไป๋ซู่เย่หน้าแดงไม่รู้ควรตอบโต้อย่างไรดี ทันใดนั้นผ้าม่านก็ถูกเปิดออกกะทันหัน
เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นขมวดคิ้วถาม “สาหัสมากเลยเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ประหม่าจนรีบหุบขาเข้าหากัน
“เป็นแบบนี้แล้วยังไม่สาหัสอีกเหรอ? ฉันว่านะพวกผู้ชายทำไมถึงเอาแต่รู้สึกดีฝ่ายเดียวไม่สนว่าคนอื่นเป็นตายร้ายดียังไง!” คุณหมอก็โกรธเป็นเหมือนกัน ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าเย่เซียวสีหน้าย่ำแย่ขนาดไหนเริ่มตำหนิ “คนที่มาตรวจที่นี่ สองสามีภรรยามีบ้างที่อวัยวะฉีกขาด แต่ฉันไม่เคยเห็นใครอาการหนักเท่าเธอมาก่อน นอกจากคนที่ถูกข่มขืน!”
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจที
หากแต่ความจริงสิ่งที่ตัวเองได้พบเจอต่างจากข่มขืนตรงไหนกัน?
“ผู้ชายอย่างคุณเห็นแก่ตัวที่สุด! แม่หนู ไม่ใช่ว่าฉันว่าคุณนะ หาแฟนก็ต้องเปิดตาหาดีๆ หน้าตาดีอย่างเดียวไม่มีประโยชน์อะไร สำคัญว่าต้องอ่อนโยนใส่ใจคุณต่างหาก”
สีหน้าเย่เซียวแย่ลงเรื่อยๆ
ไป๋ซู่เย่กลับหัวเราะ “ค่ะ ฉันจะจำไว้ แต่ว่า…”
เธอกวาดสายตาไปทางเย่เซียว ค่อยๆ เอ่ยขึ้น “เขาไม่ใช่แฟนของฉัน”
มือเย่เซียวที่เปิดผ้าม่านกำแน่น ต่อจากนั้นปล่อยผ้าม่านลงอย่างแรง “ผมรออยู่ข้างนอก มีอะไรก็เรียก!”
เย่เซียวปิดประตูออกไปยืนเข้าหากำแพง
อ่อนโยนใส่ใจอย่างนั้นหรือ!
อ่อนโยนช่างใส่ใจเหมือนแฟนของเธอ?
ในหัวเขามีแต่ประโยค ‘เขาไม่ใช่แฟนฉัน’ เมื่อสักครู่ของเธอดังก้องไปมา ความเย็นชาบนผิวหน้าเพิ่มมากขึ้น เกิดอารมณ์บางอย่างที่ไม่อยากค้นหาสาเหตุสุมขึ้นมาในอก
…………………………
“ไม่ใช่แฟนแล้วยังทำถึงขนาดนี้ได้ โลกของวัยรุ่นนี่นา คนรุ่นฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ” คุณหมอตรวจอาการให้เธอไปบ่นอุบไป
ไป๋ซู่เย่คิดว่าตัวเองก็น่าเหลือเชื่อจริงๆ เพียงกระตุกปากไม่อาจอธิบาย ระหว่างเธอกับเย่เซียวใช่ว่าจะใช้คำพูดไม่กี่ประโยคอธิบายกระจ่างได้?
“เมื่อวานแผลของคุณทายาอะไร? คุณบอกฉันหน่อย ฉันกลัวว่าเดี๋ยวจะให้ยาแล้วมันตีกัน”
“เมื่อวาน?” ไป๋ซู่เย่ส่ายหัว “เมื่อวานไม่ได้ทายานี่คะ”
“เป็นไปไม่ได้ เคยทาหรือไม่ได้ทาแวบเดียวฉันก็ดูออกแล้ว ปากแผลยังมียาติดอยู่เลย!” คุณหมอผู้มากประสบการณ์กล่าว
ไป๋ซู่เย่ชะงักไปอึดใจ ไม่ได้สงสัยถึงความชำนาญของคุณหมอ ถ้าอย่างนั้นยานี่…
เธอเริ่มจำได้เลือนรางว่าเมื่อคืนตอนหลับอยู่รู้สึกว่ามีใครกำลังสัมผัสตัวเองอย่างสะลึมสะลือ แต่ฤทธิ์ยาที่ช่วยเรื่องนอนหลับมันรุนแรงนักบวกกับตัวเองที่กำลังป่วยอยู่จึงไม่ได้ลืมตามอง คิดแค่ว่าตัวเองกำลังฝัน
ฉะนั้น…
เมื่อวานคนที่ทายาให้เธอคือเย่เซียวอย่างนั้นหรือ? แต่เขากลับไปตั้งนาน แล้วจะย้อนกลับมาที่โรงพยาบาลได้อย่างไร?
“คุณผู้หญิง?” คุณหมอเห็นเธอไม่ส่งเสียงตอบเลยเรียกขานไปที
เธอหลุดจากห้วงความคิด บอกชื่อยาไปแต่ในใจเริ่มฉุกคิดเรื่องเมื่อคืนเหมือนเดิม
หลังจากนั้นคุณหมอได้ทายาให้เธอใหม่ พอจัดอะไรเสร็จได้ชี้แจงข้อควรระวังถึงออกจากห้องตรวจ เปิดประตูพบว่าเย่เซียวยังยืนอยู่ตรงประตู
เขาทำหน้าหนักอึ้ง มองเธอแวบหนึ่ง “เป็นยังไงบ้าง?”
“เมื่อกี้เพิ่งทายา…”
“คุณหมอว่ายังไง?”
“คุณเข้ามาหน่อย!” คุณหมอตะโกนเรียกเย่เซียว เย่เซียวไม่ใช่คนฟังคำสั่งใครแต่วันนี้กลับเชื่อฟังอย่างมาก คุณหมอเรียกก็เข้าไปทันที ไม่ได้ถือสาท่าทางไม่เป็นมิตรของคุณหมอสักนิด
“แฟนของคุณ…ไม่สิ ไม่ว่าจะเป็นแฟนของคุณหรือเปล่า สิบวันนี้ห้ามมีอะไรกันเด็ดขาด ถ้าคุณยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทำอะไรบ้าๆ อีกล่ะก็ อย่าหวังว่าชีวิตนี้แผลจะหายไป!เพราะฉะนั้นคุณควบคุมท่อนล่างคุณให้ดี!”
“…” ไป๋ซู่เย่ไอแห้งๆ ที
เย่เซียวกลับตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ผมทราบแล้ว”
“มาตรวจทุกสามวันดูว่าอาการเป็นยังไงบ้าง”
“อืม ผมจะพาเธอมาเอง”
“แล้วก็ ที่สำคัญ…” คุณหมอดันกรอบแว่นตาบนจมูกน้อยๆ จ่ายยาไปกล่าวไป “ครั้งต่อไปคุณต้องอดทนหน่อย อ่อนโยนหน่อย สุภาพบุรุษหน่อย เข้าใจไหม? คุณนี่ก็…”
คุณหมอหันกลับไปมองไป๋ซู่เย่ “คราวหลังถ้าเจอคนป่าเถื่อนแบบนี้อีกคุณก็แจ้งตำรวจ! อย่าเก็บไว้นะ นั่นจะเป็นการสนับสนุนการใช้ความรุนแรง”
ไป๋ซู่เย่รีบหยักหน้ายิ้มๆ “ค่ะ เอาไว้คราวหน้า!”
เพียงแต่เธอไม่แน่ใจจริงๆ ว่าจะมีครั้งต่อไประหว่างเธอกับเย่เซียวอีกไหม ความเกี่ยวพันระหว่างพวกเขาเหลือไม่มากแล้ว…
เย่เซียวผู้เย่อหยิ่งเอาตัวเองเป็นใหญ่มาโดยตลอด วันนี้กลับไม่สนใจคำติเตียนของคุณหมอเพราะเขาไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น แค่รอคุณหมอจ่ายยาเงียบๆ
จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปที่ห้องพักผู้ป่วยก่อนจะไปรับยาแทนเธอด้วยตัวเอง
…………………………………………….