องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 716 วิสัยทัศน์ของสวีกงกง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน: “เหตุใดถึงทำไม่ได้หล่ะ องค์ชายสามกำเนิดมาร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยมากมายและมักจะมีหมออยู่ข้างกายไม่ห่าง ตามหลักแล้วเขาต้องเลือกแล้วมากมายไม่ได้ทดลองเพียงแค่ครั้งเดียวเป็นแน่ ท้ายที่สุดเขาเลือกปีกใต้แสดงว่าต้องศึกษาเกี่ยวกับสถานที่ทั่วทุกสารทิศแล้ว และยังตั้งใจเลือกเวลาเอาไว้อย่างแม่นยำ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะมาด้วยวัยผู้เฒ่าราวกับอายุของท่านราชครูจวิน เช่นนั้นเขาก็จะตายเร็วซะแล้วไม่ใช่หรือ
ตอนนี้ก็เท่ากับเขาได้คิดการณ์กับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว ท่านอ๋องทนได้แต่ข้าก็ไม่สามารถทนได้
หากเขาไม่มาก็ช่าง หากว่าเขามาก็จะไม่มีทางปล่อยไป ”
หนานกงเย่ถามว่า: “แต่เขาเป็นอาจารย์ของเจ้า”
“เขาเป็นอาจารย์ของข้าอยู่ดีๆก็พอแล้ว เขาไม่ยินยอมแล้วเขาต้องการจะฆ่าสามีของข้า ทำร้ายลูกของข้า ทำให้ครอบครัวของข้าแตกสาแหรกขาด ข้าจะอยากได้อาจารย์ไปทำไม?”
หนานกงเย่ยิ้ม: “ข้าต้องการกอดอวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นริเริ่มที่จะพิงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่
หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นแล้วยิ้ม: “ตั้งแต่เล็กจนโตข้าเพียงแต่ทำเพื่อผู้อื่น นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้อื่นทำเพื่อข้า?”
“เช่นนั้นก็ไม่ดีหรือ?”
หนานกงเย่ผลักฉีเฟยอวิ๋นออก: “เอาหล่ะ พักผ่อนเถอะ ข้ากลัวว่าอวิ๋นอวิ๋นจะตำหนิ ที่เหลือนั้นอวิ๋นอวิ๋นไม่ต้องสนใจแล้ว สิงโตจ่าฝูงจะปกป้องสิงโตตัวเมียและลูกสิงโต ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นนอนลงขณะที่หนานกงเย่เฝ้าดูนางอยู่ฝั่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาและยื่นมือออกไปจับมือหนานกงเย่เอาไว้: “ท่านอ๋อง ข้าจะช่วยท่านทำให้เมืองต้าเหลียงแข็งแกร่งและทำให้เมืองต้าเหลียงมีกองกำลังอันเข้มแข็ง ท่านปกป้องพวกเราเสมือนเป็นสิงโต”
“ข้ารู้”
หนานกงเย่ถามว่า: “ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“ดีขึ้นมากแล้ว วันนี้ลองแล้วก็พบว่าสามารถมองอาการป่วยของผู้อื่นออกแล้ว ระบบกำลังฟื้นตัว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าของเดิมถึงไม่ปรากฏตัวในสองสามวันนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แผลประสานดีแล้วระบบก็เริ่มฟื้นตัว นางครุ่นคิดเหตุผลมากมายเป็นไปได้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะส่งผลต่อความสามารถในการซ่อมแซมของนาง แต่ภายหลังเจ้าของร่างเดิมไม่ปรากฏตัวระบบของนางได้ถูกทำลายดังนั้นจึงไม่สามารถซ่อมแซมได้ เจ้าห้าช่วยนางไว้ระบบของนางจึงเริ่มฟื้นตัว
หนานกงเย่กล่าวว่า: “อวิ๋นอวิ๋นเจ้าฉลาด เรียนรู้การแพทย์ได้ไม่ยาก เจ้ารู้มากมายเช่นนี้พรุ่งนี้เจ้าศึกษาให้ดี อย่าได้ใส่ใจกับพืชพันธุ์ทางยามากนัก ใช้เวลาศึกษาการแพทย์ให้มาก ต่อไปอย่าได้ใช้ระบบอย่างง่ายดาย
“ข้ารู้ ช่วงนี้ข้าอ่านตำราการแพทย์อยู่”
“เจ้าอ่านแล้วหรือ?”
หนานกงเย่ไม่เชื่อ เขายังไม่เคยเห็นมาก่อน
“ตำราได้อยู่ในสมองของข้าแล้ว ข้าอ่านทุกวันแต่ไม่ได้ถือตำราไว้เท่านั้น ตอนนี้ข้ากำลังเรียนรู้ ข้าพอรู้ยาแผนจีนอยู่บ้างเพียงแค่ไม่ถ่องแท้ เดิมทีมีระบบอยู่ข้าไม่ได้คิดมากแต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ท่านอ๋องวางใจเถอะ ใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนข้าก็สามารถเข้าใจในนี้ได้ถ่องแท้
การแพทย์แผนจีนไม่ใช่เรื่องยากนัก ต้องเข้าใจแปดเส้นลมปราณวิสามัญในร่างกายและรู้ตำแหน่งของอวัยวะภายใน ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันของพวกมัน การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของชีพจร การฟังการได้ยินเสียงลมหายใจการดูสีหน้าและการจับชีพจร เพียงแค่จับจุดให้แม่นรวมกับที่ข้าศึกษามาก็ไม่ใช่ปัญหา ”
“ไม่ใช่ก็ดี เจ้าเป็นหมอหากว่าไม่สามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนได้ก็คงจะเหงายิ่งนักและข้าก็บรรเทาความเบื่อหน่ายให้เจ้าไม่ได้”
“อืม”
เป็นการยากที่ฉีเฟยอวิ๋นจะเชื่อฟังเช่นนี้แต่หนานกงเย่กลับกดดันยิ่งนัก
หลังจากพักผ่อนทั้งคืนฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าสีหน้าของหนานกงเย่ไม่ดีนัก จากนั้นเอื้อมมือไปจับข้อมือของเขา กดลงตรงชีพจรแล้วหันศีรษะไปมองด้านหนึ่ง
หนานกงเย่ให้นางดูโดยยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: “ใจร้อนกระวนกระวายเล็กน้อย ลมปราณของไตไม่เพียงพอ”
“หือ?”
หนานกงเย่สีหน้าหมองหม่น: “ข้าอายุเท่าไหร่ยังมีเหตุผลที่ลมปราณของไตไม่เพียงพอหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นต่อว่าเขา: “ตอนกลางคืนท่านไม่นอน ไม่หลับไม่นอนสองคืนติดต่อกันท่านมีอาการหายใจไม่นิ่ง ท่านคิดว่าการอดนอนคือสิ่งใด? ก็คือลมปราณของไตไม่ใช่หรือ?
เห็นได้ชัดว่าชีพจรของท่าน การเต้นของหัวใจและลมปราณของไตเกิดปัญหา ไตอ่อนแอ กระวนกระวายใจ ครู่หนึ่งช้าครู่หนึ่งเร็วหรือว่าตนเองยังไม่รู้สึกอีก?”
“อวิ๋นอวิ๋นพูดจาไร้สาระ ข้าไม่รู้สึก”
หนานกงเย่ลมปราณของไตไม่เพียงพอเขานั้นไม่เชื่อ!
เอามือออกแล้วหนานกงเย่ก็กล่าวว่า: “อย่าได้พูดจาเรื่อยเปื่อยร่างกายของข้าแข็งแรงนักไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ อวิ๋นอวิ๋นเพิ่งเริ่มต้นบางทีอาจจะดูอาการผิด”
“เช่นนั้นวันนี้ท่านอ๋องดูว่าเมื่อถึงเวลาเข้านอนในตอนกลางคืนจะปวดเอว ตามัว ขาและเท้าอ่อนแรงไม่เหมือนปกติ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวไปด้วยโดยอุ้มเจ้าห้าไว้ในอ้อมอก
หนานกงเย่เหลือบมองเจ้าเสือน้อยและจิ้งจอกหางสั้นตรงหน้าประตูแล้วก็เมินเฉย: “ข้าจะเข้าวังเพื่อดูว่าจะยกเลิกการแต่งงานได้หรือไม่?”
กล่าวจบหนานกงเย่ก็จากไปก่อนเลย
ฉีเฟยอวิ๋นกินอาหารเช้าแล้วก็ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้คิดที่จะเข้าวังในตอนเช้า นางยังมีสิ่งที่ต้องทำในวันนี้อีก
ฉีเฟยอวิ๋นพาเจ้าห้าไปที่แปลงปลูกพืช วันนี้ทังเหอมาหาฉีเฟยอวิ๋น เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเข้ามาหา
“พระชายา ท่านดูที่ดินตรงนั้นสิ มีที่ดินซึ่งค่อนข้างดีนัก ท่านต้องการไปดูหรือไม่?”
“ไปดูกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไปดูและเป็นที่ดินที่ดีและดูแล้วคุณภาพของดินปลูกสิ่งใดก็น่าจะดี นั่งย่อเข่าลงดูแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็คิดอะไรออก: “สถานที่นี้เก็บเอาไว้แล้วปลูกต้นชาเอาไว้ให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องชอบดื่มชาและมักกล่าวเสมอว่าชาที่เขาดื่มนั้นไม่ดีเท่าของผู้อื่น แล้วค่อยปลูกออกมาให้เขาดู”
“ดี”
“คุณชายทัง สองสามวันนี้ให้เริ่มปลูกพืชแต่ไม่ควรเร่งรีบเกินไป ข้าจะจัดหาคนให้ท่านแล้วให้ท่านนำพาพวกเขาปลูก สิ่งจำเพาะเจาะจงจะเขียนออกมาให้ท่านแต่ว่าท่านอย่าได้ประมาท
ผู้คนเหล่านี้อาจไม่ได้กระทำการให้ท่านด้วยใจจริง กลางวันท่านให้พวกเขาปลูกพืช กลางคืนให้พวกขอทานมาพักผ่อนโดยรอบสิ่งที่พวกเราปลูก เตรียมไก่ย่างให้พวกเขาคนละหนึ่งตัว หนึ่งคนดูแลกินไก่ย่างหนึ่งตัว สองคนดูแลก็ไก่ย่างหนึ่งตัว หนึ่งร้อยคนก็ไก่ย่างหนึ่งตัว ที่ดินของเรามากมายต้องการคนดูแล ท่านบอกหัวหน้าของพวกขอทานว่าต้องการทำงานระยะยาวให้พวกเราหรือว่าทำวันนี้แล้วต่อไปก็ไม่มาทำ ต้องการระยะยาวก็ให้หัวหน้าขอทานมาพบข้า จัดการงานให้ข้า หากว่าทำวันนี้แล้วต่อไปก็ไม่ทำแล้ว เช่นนั้นก็ได้คนละหนึ่งตัวกินดื่มจนอิ่มหนำก็ไปเสีย”
ความหมายของพระชายาเย่คือ? “ทังเหอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉีเฟยอวิ๋นกระทำ
“พวกเขาเกียจคร้านจนเคยชิน หากต้องการให้พวกเขาเชื่อฟังและประพฤติตนให้ดีก็ต้องมีควาอดทน นอกจากนี้พวกเราเป็นคนใช้จริงๆและขอทานก็มีความเข้าใจดี ท่านเห็นอามู่หรือไม่ทั้งเฉลียวฉลาดและหลักแหลม”
ทังเหอพยักหน้า เป็นเช่นนี้จริง
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้ากลับไป เพิ่งมาถึงจวนอ๋องเย่ก็เห็นเสี่ยวสวีจื่อรออยู่ตรงหน้าประตู
“คารวะพระชายาเย่” เสี่ยวสวีจื่อรีบวิ่งเข้ามาทำความเคารพต่อฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มลูกชายคำนับเสี่ยวสวีจื่อ: “กงกง”
“พระชายาเย่เกรงใจแล้ว” เสี่ยวสวีจื่อก้าวไปด้านหน้าพร้อมรอยยิ้ม ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองพระราชโองการ จากนั้นเสี่ยวสวีจื่อก็รีบกล่าวว่า: “พระชายาเย่จะเข้าไปด้านในเพื่อรับพระราชโองการหรือไม่?”
“ตกลง เข้าไปข้างในเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปทางด้านใน เสี่ยวสวีจื่อก็เดินตามมาด้วย
เมื่อเข้าไปด้านในแล้วเสี่ยวสวีจื่อก็มองไปโดยรอบทั้งซ้ายขวา ดูแล้วว่าไม่มีผู้ใดอยู่ด้านหลังแล้วถามอย่างกระตือรือร้นว่า: “พระชายาเย่ พ่อบุญธรรมของข้าน้อยหล่ะ?”
“อยู่ที่เรือนจวินจื่อโน่น ตามข้ามาเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจความหมายของเสี่ยวสื่อจื่อ ในเมื่อไม่อ่านพระราชโองการก็คือหาโอกาสเจอสวีกงกง
เดิมทีพระราชโองการสามารถให้ผู้อื่นนำมาได้ แต่ในเมื่อตอนนี้มาแล้วก็คือต้องการเจอสวีกงกง สามารถมีความคิดเช่นนี้ได้เห็นได้ว่าสวีกงกงนั้นมีวิสัยทัศน์ที่ดี เมื่อเทียบกับอีกสามคนที่เหลือ ผู้ที่อยู่หน้าพระพักตร์ฝ่าบาทผู้นี้เฉลียวฉลาดน้อยที่สุดแต่ก็จิตใจดีงามที่สุด