บทที่ 385

เวลาค่ำ

กลุ่มคนรีบควบม้าไปที่หมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว ชาวบ้านที่กำลังหลับต่างก็ต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงคำรามของพลังแห่งจิตวิญญาณ

“ฟังคำสั่ง ชาวบ้านทุกคนออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้ ถ้าชักช้าและใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งหมู่บ้านจะต้องถูกเผาให้วอดวาย” เสียงประกาศที่ผสมกับพลังแห่งจิตวิญญาณดังมากจนแทบจะทำให้หนูหนวกได้เลย

เหล่าชาวบ้านที่กำลังฝันหวานต่างก็ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันขึ้นมาทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ ทุกครั้งที่พวกเขามา จะต้องมีชาวบ้านมากมายที่จะต้องจากโลกนี้ไปตลอดกาล

ทั้งนางหวู่และเฒ่าจ้าวถึงกับเปลี่ยนสีหน้าทันที ถึงเฒ่าจ้าวจะเดินไม่ได้อีกแล้วแต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกด้วย ไม่งั้นก็จะกลายเป็นการขัดคำสั่งและจะต้องถูกฆ่าทันที

เสี่ยวเชาไม่กลัว ทุกครั้งที่คนพวกนี้มามันจะกลายเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุด

นางหวู่ขมวดคิ้ว พวกเธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่พรุ่งนี้ ตอนนี้จะต้องพยายามไม่ให้อะไรเกิดขึ้น ถึงแม้ในหัวใจจะรู้สึกกังวลแต่ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ตอนที่นางหวู่ลุกขึ้นมาแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว เสี่ยวเชาก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกแล้ว

นางหวู่ตกใจมากและรีบตามไปที่ประตูทั้งๆที่ยังไม่ได้สวมรองเท้าด้วยซ้ำแต่เสี่ยวเชาก็หายไปเรียบร้อยแล้ว

นางหวู่ถอนหายใจ

เธอหวังว่าลูกสาวตัวเองจะไม่สร้างปัญหาอะไร ถึงแม้เธอจะกังวลแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่เธอรีบสวมรองเท้าเรียบร้อย เธอก็เอามือข้างหนึ่งโอบไปที่รอบไหล่ของเหล่าจ้าวพร้อมทั้งช่วยพยุงเขาออกมา

“เร็วเข้า ข้าไม่รู้ว่านางหายไปไหนแล้ว?” เฒ่าจ้าวร้องออกมา

“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากที่จะตามนางไปเร็วๆหรือไง?! เพราะมีเจ้าแบบนี้แล้วข้าจะไปเร็วๆได้ยังไงกัน?” นางหวู่โพรงออกมา แล้วทันใดนั้นก็เงียบไปทันที

“ข้า, ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น” นางหวู่พูดตะกุกตะกัก แต่อันที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าทำไมเธอต้องเสียใจกับเรื่องที่พูดออกไปด้วย

“มาเถอะ รีบไปตามหานางกันเถอะ” เขาแก่แล้วและขาก็ยังมาเป็นแบบนี้อีก เขาช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์จริงๆเลย แต่เขาเองก็ยังไม่อยากที่จะตาย

ในตอนนี้ชาวบ้านต่างก็เดินออกมาที่ประตู และสีหน้าของแต่ละคนก็ไม่สู้ดีเท่าไรนัก

เด็กตัวเล็กๆต่างก็ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เหล่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบๆรีบเอามือปิดปากเด็กไว้ด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเซียนที่อยู่ไม่ห่างนักไม่พอใจขึ้นมาได้ กลุ่มคนต่างก็ยืนอยู่ด้วยกันด้วยความตื่นตกใจ

ที่ไม่ห่างไปไกลนัก เหล่าพวกเซียนกำลังยืนอยู่บนหลังคาอย่างสบายใจและมองลงมา

รุ่งเช้านี้ เสี่ยวเชาวิ่งไปยืนอยู่ข้างล่างของพวกเซียน ดวงตากลมโตเปล่งประกายมองขึ้นไปข้างบน พวกเซียนทรงอำนาจและสามารถที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ และสามารถที่จะทำให้ภูเขาใหญ่หายไปได้ในพริบตา

พระเจ้านี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย ทำไมถึงไม่เป็นเธอ เธอก็ไม่ได้หน้าตาเลวร้ายอะไร เธอก็ควรที่จะได้รับความโปรดปรานบ้างไม่ได้เลยเหรอ?!

ในช่วงที่ผ่านมา เธอได้ฟังเรื่องของพวกเซียนมามากมาย ก็มีบ้างบางคนที่ฝึกตนได้ทั้งๆที่ไม่มีรากฐานของพลังแห่งจิตวิญญาณเหมือนกับเธอ เธอเชื่อว่าสักวันเธอก็ต้องทำได้

อีกวิธีคือพวกเซียนสามารถที่จะเปิดรากฐานพลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาได้ แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เธอได้ยินมา แต่เธอก็เชื่อว่ามันสามารถที่จะทำได้ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ตำนานแต่เธอก็เชื่อว่ามันต้องทำได้

หนึ่งในพวกเขาที่ยืนอยู่บนหลังคาหน้าตาดูอึดอัดอยู่นิดหน่อย เขามองมาที่เธอและทันใดนั้นดวงตาก็แวบประกายแสงขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบนี้ในสถานที่บ้านนอกแบบนี้ด้วย เขากระโดดลงมาจากหลังคาและโอบไปที่เอวของเธอและพาบินขึ้นไปทันที

“อ่า” เสี่ยวเชาร้องอุทาน

ชั่วขณะหนึ่ง เธอก็รู้สึกตื่นเต้นกับประสบการณ์ในครั้งนี้

“สาวน้อย มาจากหมู่บ้านนี้งั้นเหรอ?” ชายหนุ่มที่อุ้มเสี่ยวเชาขึ้นมาเป็นชายอายุประมาณ 30 เขาดูธรรมดา ปกติแล้วรูปร่างหน้าตาของผู้ฝึกตนจะต้องดูดีกว่าคนทั่วไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาของชายหนุ่มที่ดูหยาบคายเกินไป ก็คงจะมองเรื่องนี้ราวกับเป็นนิยายรักโรแมนติกได้เลย เสี่ยวเชาพยักหน้าอย่างเขินอาย

“เจ้าอายุเท่าไร?” ชายหนุ่มยื่นมือออกมาและสัมผัสไปที่ผิวนวลของเด็กสาว

“หวู่หมิง ระวังหน่อย เรามีงานที่ต้องทำนะ” หลิวไห่เพื่อนร่วมทีมกับหวู่หมิงพูดออกมา

หลิวไห่กังวลเรื่องอารมณ์และความคลั่งรักของหวู่หมิง สาวๆมากมายต่างก็ถูกฆ่าตายเหมือนเป็นของเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบนเตียงที่โหดร้ายรุนแรงเป็นพิเศษ มันคงจะไม่ดีเท่าไรถ้าทำให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อต้าน

ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กสาวจากหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง ยังไงพวกเขาก็ต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อน

เมื่อมองไปที่เด็กสาวที่ไร้ซึ่งท่าทางหวาดกลัว ก็เดาได้เลยว่าเธอคงไม่ค่อยฉลาดเท่าไรงั้นผลกระทบก็ไม่น่าจะรุนแรงอะไรมาก

“เข้าใจแล้ว นี่ก็แค่เด็กสาว ข้าสนใจก็เพราะนางก็สนใจข้าด้วยเหมือนกัน” หวู่หมิงกล่าว เขามองจ้องไปที่เสี่ยวเชา ในใจก็หวังว่าตอนนี้ตัวเองจะได้ลองวิธีใหม่ๆ

“แล้วเจ้าชื่ออะไรล่ะ?” หวู่หมิงถาม

เสี่ยวเชาตอบกระซิบด้วยหน้าที่แดงระเรื่อ “ข้าชื่อเสี่ยวเชา”

ดวงตาแวบประกายด้วยความประหลาดใจ เธอไม่ใช่พวกเซียนทั้งๆที่ควรจะเป็น เธอรู้ว่าตัวเองสวย ดูสิ นายท่านเมื่อตอนกลางวันมีตาแต่หามีแววไม่ งั้นก็สมควรแล้วที่ถูกเมียคอยจูงจมูกอยู่แบบนั้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็มองไปที่เหล่าชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นด้วยสายตาแดกดัน ดูสิ เธอเองก็สามารถที่จะมองพวกเขาด้วยสายตาภาคภูมิใจได้เหมือนกัน

นางหวู่และตาเฒ่าจ้าวถูกคุ้มตัวอยู่ ดวงตาของพวกเขาตื่นกลัว เด็กสาวนั่นเอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้ยังไงกัน

ทั้งสองต่างก็ตัวสั่นเทอมแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ยังไงซะท่าทางของพวกเซียนก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไร ถ้าพูดอะไรไม่ดีออกไปแล้วทำให้พวกเขาไม่พอใจก็อาจจะทำให้ลูกสาวของพวกเขาถูกฆ่าตายได้

หวู่หมิงรู้สึกคันไม้คันมือ เขามองไปที่หน้าอกกลมเกลี้ยงของเสี่ยวเชาแล้วยื่นมือออกไป

“อ่า” เสี่ยวเชากระโดดหลบทันที

จู่ๆของสงวนของเด็กสาวก็ถูกสัมผัสเป็นครั้งแรกและเธอก็รู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อย

ประกายในสายตาของหวู่หมิงเปล่งประกายอย่างมาก เขารู้สึกอวดดีมากขึ้นกว่าเมื่อกี้อีก เมื่อกี้สัมผัสที่เขารู้สึกมันดีอย่างมาก

“เจ้า เจ้าจะทำอะไร?” เสี่ยวเชาเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก นอกจากท่าทางเขินอายแล้วก็ดูมีมารยามากกว่า

ในตอนนี้นางหวู่และตาเฒ่าจ้าวที่กำลังดูอยู่เบื้องล่างแทบจะเป็นลม ลูกสาวของพวกเขาถูกดูถูกต่อหน้าประชาชีแบบนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าลูกสาวจะถูกทำอะไรแบบนี้ ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ก็คงจะยอมให้แต่งงานกับดาเนี่ยลไปแล้วตั้งแต่แรก

ที่ไม่ห่างไปไกลนักก็คือสายตาแดงก่ำคู่หนึ่งที่กำลังมองขึ้นไปข้างบน มือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดอย่างชัดเจน

ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเขา เขาก็คงจะรีบพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรแล้ว เพียงแต่ว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้

หวู่หมิงอดใจไม่ได้ เขาหันไปพูดกับพวกคนที่อยู่ข้างๆเขา “ข้าจะจัดการเรื่องนี้ก่อน พวกเจ้าดูตรงนี้ไปก่อนนะ” หลังจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวเชาและบินตรงไปในทิศทางป่า

ในตอนแรกเสี่ยวเชาไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ เธอถามออกไปอย่างกลัวๆ “นายท่าน ท่านจะพาข้าไปที่ไหน?”

“ไปมีความสุขกันไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาชอบเด็กสาวนี่อย่างมาก

พวกผู้หญิงก่อนหน้านี้ของเขาไม่ได้ผิวเนียนละเอียดเหมือนกับผิวของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า ทันทีที่เขามาถึงป่าโล่ง หวู่หมิงก็อดไม่ได้ที่จะฉีกเสื้อผ้าของเสี่ยวเชาออก

“โอ้ ไม่นะ!” เสี่ยวเชาเริ่มที่จะขัดขืนอย่างตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตามแรงเพียงเล็กน้อยนี้สำหรับเขามันก็แค่แมวข่วนเท่านั้น ส่วนเสียงกรีดร้อง ยิ่งร้องดังเท่าไรก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเงียบก็เหมือนกับปลาตายซึ่งเขาไม่ชอบอะไรแบบนั้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

สีหน้าของหวู่หมิงก็อิ่มเอมไปด้วยความสุข เขาไม่หันไปมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของเสี่ยวเชาด้วยซ้ำ

ในตอนนี้ ร่างกายของเสี่ยวเชาเขียวช้ำไปหมดและที่ใบหน้าก็มีรอยฝ่ามือประทับอยู่ทั้งสองข้าง ขาของเธอเปิดอ้ากว้างและเธอก็สามารถที่จะมองเห็นเลือดแดงฉานที่เบื้องล่างของร่างกายได้อย่างชัดเจน ดวงตาของเธอหมองหม่นเมื่อเห็นเลือดของความบริสุทธิ์ที่นองอยู่ที่พื้นซึ่งดูน่ากลัวอย่างมาก

รอบๆตัวเธอมีแต่เศษเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น เสี่ยวเชาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเธอต้องมาเจอชะตากรรมอะไรแบบนี้ เมื่อกี้ หวู่หมิงไม่ได้สงสารเธอเลยสักนิด เขามีความสุขอยู่ได้ยังไง

หวู่หมิงมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชาและคิดว่าต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันถ้าต้องเสียของเล่นไปก็คงจะน่าเสียดายแย่ หลังจากนั้นเขาก็หยิบเสื้อคลุมออกมาจากกระเป๋ามิติลับแล้วโยนไปที่เธอ “ใส่ซะ เร็วๆด้วย” หวู่หมิงกล่าว

โดยปกติแล้วเขาจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนเดิมซ้ำสองแต่เมื่อกี้เขาเห็นผู้หญิงในหมู่บ้านหมดแล้วและจากที่เขาเห็นไม่มีใครเข้าตาเขาเลย ถ้าเป็นแบบนี้งั้นเขาก็จะเก็บเธอไว้นานอีกหน่อย

เสี่ยวเชาไม่ขยับ เธอรู้สึกว่าโลกนี้หม่นหมองไปหมด ความฝันที่จะเป็นเจ้าหญิงของเธอดับสลาย ตอนนี้อนาคตคือเรื่องที่เธอรู้สึกหวาดกลัว บางทีเธอน่าจะตายซะดีกว่า

“ลุกขึ้น อยากจะตายหรือไง?” หวู่หมิงพูดอย่างเหลืออด

ดวงตาของเสี่ยวเชาแวบประกายและขยับเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็สงบนิ่งอีกครั้ง

หวู่หมิงตบไปที่เธออีกครั้ง “เปี๊ยะ เปี๊ยะ เปี๊ยะ!”

ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมา เสี่ยวเชาไม่ได้ตอบโต้ ร่างกายของเธอเจ็บระบมไปหมด เธอน่าจะตายซะดีกว่า

อยากจะตายใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จะสงเคราะห์เธอเอง

หวู่หมิงกำคอเธอไว้ในมือแล้วก็ออกแรง เสี่ยวเชาตะเกียกตะกาย ความกลัวที่จะตายแล่นแวบขึ้นมา ทันใดนั้นเสี่ยวเชาก็นึกความฝันของตัวเองขึ้นมาได้ เธอยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่อยากจะทำ จะมาตายแบบนี้ไม่ได้

เธอเริ่มที่จะขัดขืนอย่างรุนแรง สายตาของหวู่หมิงเย็นชาแล้วจึงปล่อยมือ

“รีบลุกขึ้น” เสี่ยวเชานี่ยังไม่กล้าที่จะตาย เธอรู้ว่าเขาจะฆ่าเธอจริงๆ

ไม่ว่าเธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่เธอก็พยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อสวมเสื้อผ้าที่ไม่พอดีกับตัวเอง

พวกเขากลับมาที่หลัง เมื่อนางหวู่เหมือนเสี่ยวเชาที่เป็นแบบนั้น เธอก็เป็นลมไปในทันที

ทุกคนที่มีตาต่างก็รู้ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ขอให้พระเจ้าลงโทษ ไอ้พวกปีศาจ! ลูกสาวที่แสนดีของเธอถูกปู้ยี่ปู้ยำไปหมดแล้ว

เฒ่าจ้าวเองก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้

คนพวกนี้ปกติก็อยู่เหนือกว่าพวกเขาอยู่แล้ว ชีวิตด้อยค่าของพวกเขาในสายตาของคนพวกนี้ก็เป็นได้แค่เหลือบไร แล้วเขาจะกล้าทำอะไรได้ยังไง

จึงทำได้แค่เพียงยอมรับในความโชคร้าย และภาวนาว่าเหล่าผู้เป็นเซียนที่สูงศักดิ์พวกนี้จะปฏิบัติกับเสี่ยวเชาอย่างดี

ทั่วร่างกายของเสี่ยวเชามีบาดแผลทั่วไปหมดแต่หลังจากที่ได้ผ่านนรกมาเมื่อกี้ ตอนนี้สายตาของเธอก็ไร้เดียงสาน้อยลงและดูราวกับไร้จิตวิญญาณมากขึ้นแทน

น้ำตาของดาเนี่ยลไหลพรากแต่เพราะในความมืดทำให้คนทั้งห้ามองเห็นได้ไม่ชัด

“ทุกคนจงฟัง! พรุ่งนี้ทุกคนจะต้องตามหาศิลาแห่งจิตวิญญาณมาให้ข้า ถ้าหาไม่เจอ ข้าจะฆ่าทิ้งซะ” เสียงตะโกนดังพูดออกมา

สำหรับพวกเขา คนพวกนี้ก็มีค่าแค่ใช้ตามหาศิลาแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น ถ้าพวกเขาหาไม่เจอ งั้นก็ฆ่าทิ้งได้อย่างไร้ความปรานี

ตามตำนาน ที่นี่คือหมู่บ้านนักล่าสมบัติ พวกเขาเชื่อว่าผู้คนในหมู่บ้านนี้จะต้องรู้วิธีที่จะตามหาสมบัติแน่ๆ

เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขาค้นหาแล้วทั่วทั้งหมู่บ้าน แต่พวกเขาก็ไม่เจอสมบัติลับอะไรเลยแต่มันคงจะเป็นเรื่องดีมากถ้าได้เจอเหมืองศิลา

ถ้าพวกเขาสามารถเอามันกลับไปส่งมอบได้ อย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถผ่านเข้าไปด้านที่ลึกขึ้นได้และจะได้เพิ่มทักษะการฝึกตนที่ดีขึ้นได้ด้วย

ทุกคนที่เหลือต่างก็ตั้งใจฟัง ถึงแม้พวกนั้นบอกว่าจะฆ่าแต่มันก็ไม่ต่างอะไร และต่อให้ร้องขอความเมตตามันก็ไม่เกิดผลอะไรที่ดีขึ้นด้วยเหมือนกัน