ตอนที่ 753 โชคชะตากลั่นแกล้งคน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 753 โชคชะตากลั่นแกล้งคน โดย ProjectZyphon

นครต้องห้ามใต้ม่านรัตติกาล แสงไฟสว่างไสว

ณ ตระกูลฉิน

คนใหญ่คนโตของสองตระกูลจั่วและฉินรวมตัวกันในโถงอย่างยากบังเกิด

เพียงแต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศคึกคักเกรียวกราวของภายนอกแล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงแห่งนี้กลับกดดันยิ่งนัก บรรดาบุคคลสำคัญเหล่านี้แต่ละคนต่างสีหน้าขรึมเคร่ง อัดอัดไปหมด

“น่าชังนัก! แม้กระทั่งผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้ายังกำราบเด็กนี่ไม่ได้ จักรวรรดิในภายภาคหน้า ใครยังทำอะไรเขาได้”

คนผู้หนึ่งกัดฟันกรอด โกรธแค้นสุดจะทน

“คาดการณ์ได้ว่ามีคนสำคัญของราชวงศ์หนุนหลัง ซ้ำยังมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างจักรพรรดิและราชันกระหายเลือดให้ท้ายอยู่ ต่อจากนี้หากภูเขาชำระจิตเกิดเภทภัยอะไร แม้ว่าจะไม่ได้เกิดจากสองตระกูลของพวกเรา ก็คงต้องหมายหัวมาที่พวกเราเป็นแน่!”

บางคนแสดงความเห็นแง่ร้ายต่อเรื่องนี้ ทอดอาลัยถอนหายใจยาว

เหล่าคนใหญ่คนโตสองตระกูลจั่วและฉินในที่แห่งนี้ต่างรู้ดี สิบกว่าปีก่อนพวกเขาสองตระกูลเคยทำเรื่องขัดขาตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเอาไว้

เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยสักนิด ตระกูลหลินที่แต่เดิมล่มสลายไปแล้ว เหตุใดถึงได้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งเพียงเพราะหลินสวินแค่คนเดียว

นี่เพิ่งจะกี่ปีเอง ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตก็พลิกโฉม ผงาดแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ว่ากันในแง่อำนาจบารมี ทำเอาตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางบางส่วนยังถูกบดบังรัศมี ไม่สามารถเทียบเทียมกันได้

โดยเฉพาะวันนี้ ยามที่หลินสวินโจมตีจนชิงเจ๋อปราชัย ทำเอาพวกเขาสองตระกูลจั่วและฉินล้วนตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงข้อหนึ่ง…

จากนี้ไปหากหมายจะหยุดยั้งหรือกดดันตระกูลหลิน นั่นแทบจะไม่มีความหวังให้กล่าวถึงแล้ว!

“หลินสวิน!”

คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น ไม่กี่ปีสั้นๆ ก็ยกประคองทั้งตระกูลหลินได้ด้วยตัวคนเดียว ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งอันตราย พาให้ผู้คนเกลียดชังมากเท่านั้น

“ท่านทั้งหลายอย่าได้ตื่นตระหนกไป พวกเราสองตระกูลยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ใช่ว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะบดขยี้ได้”

บนที่นั่งประธาน ผู้นำตระกูลฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก เอ่ยเสียงทุ้ม “ถึงพวกเราไม่อาจทำอะไรเด็กนี่ได้ชั่วคราว แต่ในขณะเดียวกัน เด็กคนนี้ก็ไม่อาจทำอะไรพวกเราได้”

เขาหยุดไปครู่ค่อยเอ่ยต่อ “คิดว่าทุกท่านต่างรู้ดี ตั้งแต่เด็กคนนี้ถือกำเนิดก็เป็นศัตรูกับสำนักกระบี่เทียมฟ้าแล้ว คาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้เขาต้องเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ เพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่และเครือญาติแน่นอน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องให้พวกเรากังวลใจแล้ว ลำพังแค่สำนักกระบี่เทียมฟ้าก็เพียงพอจะทำให้เด็กนี่ลำบากตรากตรำ กระทั่งดับสิ้นด้วยเหตุนี้ได้แล้ว!”

การวิเคราะห์นี้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญไม่น้อยในที่แห่งนี้ จึงพาให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

ความจริงแล้วต่อให้หลินสวินจะเย้ยฟ้ามากเพียงใด แต่อาศัยเพียงพลังในปัจจุบันก็ไม่สามารถสั่นคลอนตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลของพวกเขาได้แม้แต่น้อย

ยิ่งกอปรกับเขามีศัตรูมากมาย ขอเพียงย่างเข้าดินแดนรกร้างโบราณ ย่อมประสบกับการกดดันจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าอย่างแน่นอน!

สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นถึงสำนักเก่าแก่ที่หยัดยืนมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน ความเนิ่นนานแห่งกาลเวลา ความแน่นหนาในรากฐาน ถึงขั้นที่ไม่สามารถจินตนาการได้

หากหมายจะทำลายเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คงไม่มีอะไรง่ายกว่านี้แล้ว!

“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ ตอนที่เด็กนี่อยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ยังเคยสังหารผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ และด้วยเหตุนี้จึงได้ผูกพยาบาทกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ!”

มีคนโพล่งขึ้นมาฉับพลัน “อิทธิพลและรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักกระบี่เทียมฟ้าเลยแม้แต่น้อย”

“ข้าเองก็นึกขึ้นได้เหมือนกัน ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเคยมีบุคคลชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาเยือนสำนักศึกษามฤคมรกต แต่เจ้าเด็กหลินสวินนี่กลับอาละวาดในตอนนั้น ทำร้ายผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไปหลายคน”

ชั่วขณะระหว่างนั้น เหล่าคนใหญ่คนโตบางส่วนต่างพากันเอ่ยปาก วิเคราะห์ขุมกำลังที่หลินสวินเคยผูกพยาบาทในอดีต

พวกเขาพูดกันคนละคำคนละประโยค ยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิมและผ่อนคลาย ความเคียดแค้นที่แต่เดิมสะสมอยู่ในใจก็พลอยหายไปด้วย

ท้ายที่สุดพวกเขาได้ข้อสรุปว่า เจ้าเด็กหลินสวินคนนี้ผูกแค้นมากเกินไป ภายภาคหน้าต้องมีคนมาเก็บเขาแน่ ไม่ต้องให้พวกเขากังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย

และในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ ด้วยอำนาจในปัจจุบันที่หลินสวินและตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตมี ยังไม่สามารถสั่นคลอนตระกูลจั่วและฉินของพวกเขาได้สักนิด

นี่มีความหมายว่าภัยคุกคามทั้งหมดจากหลินสวิน อย่างน้อยในตอนนี้ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำ

“ฮ่าๆ ข้าแทบอยากให้เด็กนี่ออกจากจักรวรรดิไปดินแดนรกร้างโบราณไวๆ เสียแล้ว ที่แห่งนั้นมีสำนักเก่าแก่เรียงราย หมื่นเผ่าร่วมอยู่ ผู้แข็งแกร่งแหวกว่ายดุจฝูงปลา กว้างใหญ่ไพศาล ลำพังแค่ความสามารถของเจ้าเด็กนั่น ขืนยังล่วงเกินสำนักโบราณมากมายขนาดนั้นอีก กลัวแต่ว่าจะตายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายอย่างไรแล้ว”

“ข้าเองก็ตั้งตารอเหมือนกัน ตั้งแต่ก่อนหน้าจนถึงบัดนี้ เจ้าเด็กนี่ก็อาละวาดทำตัวคับฟ้า กล้าได้กล้าเสีย สร้างปัญหาวุ่นวายตั้งไม่รู้เท่าไร เป็นพวกอยู่ไมสุขชัดๆ หากเขาไปดินแดนรกร้างโบราณ ไม่รู้ว่าจะล่วงเกินใครไปอีกมากน้อย”

บรรยากาศภายในห้องโถงยิ่งผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ ต่างรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นยิ่งนัก

“รายงาน!”

ทันใดนั้นนอกห้องโถงมีข้ารับใช้ตระกูลจั่วคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาอย่างรีบร้อน เหงื่อเม็ดเป้งท่วมศีรษะ กล่าวรายงานอย่างละล่ำละลัก “ผู้นำตระกูล เพิ่งมาข่าวแพร่ออกมาว่าครึ่งปีนี้ที่หลินสวินคนนั้นเงียบหายไป ก็เพราะไปอาละวาดที่สมรภูมิกระหายเลือดขอรับ!”

คนใหญ่คนโตของสองตระกูลที่ ณ ที่นั้นต่างอึ้งงัน สับสบงงงวย นี่มีอะไรควรค่าแก่การเอะอะมะเทิ่งกัน

“ลองพูดรายละเอียดมา”

ผู้นำตระกูลฉินเอ่ยปากเสียงทุ้ม

ข้ารับใช้ปาดเหงื่อไปพลางกล่าวด้วยความรวดเร็วไปพลาง “เมื่อครู่นี้ทั้งนครต้องห้ามต่างมีข่าวแพร่กระจายไปทั่ว ว่าหลินสวินคนนั้นฆ่าราชันกึ่งระดับหลายคนในสมรภูมิกระหายเลือดด้วยตัวคนเดียว…”

ข้ารับใช้เริ่มสาธยายผลงานอันโดดเด่นของหลินสวินในสมรภูมิกระหายเลือด

และในระหว่างนี้ สีหน้าของเหล่าคนใหญ่คนโตในสองตระกูลจั่วและฉินต่างแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้นมา ความผ่อนคลายและสะใจที่เกิดขึ้นอย่างยากลำบากก่อนหน้านี้พลันติดปีกลอยหายไปด้วยเช่นกัน

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเนื้อข่าว เหตุที่ทหารในสมรภูมิกระหายเลือดสามารถหยัดยืนอยู่ได้จนถึงเวลาเปิดช่องทางสู่จักรวรรดิ ก็เป็นความดีความชอบใหญ่หลวงของหลินสวิน!”

ตอนที่ข้ารับใช้กล่าวถึงตรงนี้ บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัดหาใดเปรียบ อึดอัดจนแทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก

พวกเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าครึ่งปีนี้ที่หลินสวินเงียบหาย ที่แท้ดันไปอาละวาดใหญ่โตอยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ ‘เหี้ยมโหดนองเลือด’

ง้างธนูสังหารราชันกึ่งระดับ!

ใช้กำลังตัวคนเดียวห้อตะบึงในสนามรบ สะท้านขวัญเหล่าศัตรู!

เหรียญกล้าหาญที่ได้รับมามีมากมาย จนติดอันดับสามในกระดานเหรียญกล้าหาญของค่ายทัพ!

ยิ่งถูกศัตรูใส่ชื่อไว้ในหมายจับกระดานโลหิตเป็นลำดับที่สาม!

…ที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดคือ ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่ถึงกับยืมธนูและศรคู่หนึ่งในมือหลินสวิน บีบให้ค่ายทัพเผ่าพ่อมดเถื่อนไม่อาจไม่ยุติการต่อสู้!

วีรกรรมและความสำเร็จโดดเด่นเป็นพรวนนี้ประหนึ่งสายฟ้าสะเทือนสวรรค์สายแล้วสายเล่าชัดๆ ทำเอาบุคคลสำคัญตระกูลจั่วและฉินต่างรู้สึกเหมือนไม่สมจริง อึ้งงันอยู่ตรงนั้นโดยสิ้นเชิง

ส่วนข้ารับใช้ที่มารายงานข่าวสีหน้าลนลานไปตั้งแต่ต้นแล้ว เหงื่อไหลท่วมกาย ตัวสั่นงันงก บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัดและอึดอัดเกินไป ให้ความรู้สึกที่ทำเอาเขาแทบหายใจไม่ออก

สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักอย่างว่องไวว่าข่าวที่ตนรายงานได้สร้างความสั่นสะเทือนอย่างมากต่อคนใฟญ่คนโตในที่นี้ สภาพจิตใจในตอนนี้…

จะต้องย่ำแย่หาใดเปรียบแน่!

“เด็กนี่… เป็นมารปีศาจจริงๆ!”

เนิ่นนานผู้นำตระกูลฉินก็ทอดถอนใจออกมา บอกไม่ถูกว่ายกย่องหรือชิงชังกันแน่ สภาพอารมณ์ซับซ้อนยิ่งนัก

จากนั้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวว่า “ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ ท้ายที่สุดเขาก็จะออกจากจักรวรรดิไปดินแดนรกร้างโบราณอยู่แล้ว ยิ่งเขาเย้ยฟ้ามากเท่าใด ความลำบากและพ่ายแพ้ที่ต้องประสบก็ยิ่งโหดเหี้ยมมากเท่านั้น อาจตายก่อนวัยอันควรได้ทุกเมื่อ”

เหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ตรงนั้นพยักหน้าอย่างเงียบๆ ชั่วขณะนี้พวกเขาก็ได้แต่ปลอบใจเช่นนี้เท่านั้น

ตูม!

แต่ยามนี้จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นอีกครั้ง พลันได้ยินเสียงกึกก้องปานสะเทือนฟ้าดังขึ้นด้านนอกโถง

“ถึงขั้นมีคนบังอาจบุกเข้ามาในประตูภูเขาแห่งตระกูลฉินของข้าเชียวรึ!”

ผู้นำตระกูลฉินหยัดตัวขึ้นดังพรึ่บ ผมและหนวดเคราชูชัน วันนี้เพราะหลินสวินคนเดียวก็ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่หาใดเปรียบอยู่แล้ว

และตอนนี้หน้าประตูภูเขาตระกูลฉินกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน คล้ายมีคนคิดบุกเข้ามาด้านใน สิ่งนี้จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร

“ข้าอยากเห็นนักว่าใครกันแน่ที่มันบังอาจสามหาว!”

“กี่ปีแล้ว พวกเราสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงไม่เคยเกิดเหตุการณ์พรรค์นี้มาก่อน แต่วันนี้กลับเกิดเหตุผันผวนไม่หยุดหย่อน เห็นว่าพวกเราสองตระกูลรังแกได้ง่ายจริงๆ หรือ”

บุคคลสำคัญคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้นก็หัวเสียด้วยเช่นกัน

พวกเขาเป็นเหมือนกับผู้นำตระกูลฉิน ในใจมีไฟสุมถึงที่สุดเพราะหลินสวิน และมันระเบิดออกมาอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

พวกเขาจำเป็นต้องระบายออกมา ไม่เช่นนั้นคงอัดอั้นไม่ไหวแน่ๆ!

“ผู้นำตระกูล ท่านผู้นำ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

ด้านนอกห้องโถง ข้ารับใช้บางส่วนวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น ใบหน้าเหมือนจะร่ำไห้ ประหนึ่งฟ้าถล่มก็ไม่ปาน

“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ แตกตื่นเช่นนี้มันใช่เรื่องหรือ”

ผู้นำตระกูลฉินโกรธจนนึกอยากเตะเจ้าสารเลวพวกนี้ให้ตาย ไม่รู้จักสงบอารมณ์เสียเลย น่าขายหน้าถึงที่สุด หากแพร่ออกไปคงไม่พ้นทำให้ทั้งจักรวรรดิหัวเราะเยาะ

เพียงแต่ครู่ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน มีท่าทีเหมือนถูกอสนีบาต กล่าวเสียงขาดห้วง “ปะ… เป็นท่านได้อย่างไร”

ท่าทีของเขาในเวลานี้ เมื่อเทียบกับข้ารับใช้ที่ตื่นตูมเหล่านั้นก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร เห็นได้ว่าสภาพอารมณ์ของเขาในตอนนี้สูญเสียการควบคุมมากเพียงใด

ไม่เพียงเขา เวลานี้บุคคลสำคัญในห้องโถงต่างมีท่าทางไม่อยากเชื่อ จ้องไปที่นอกโถงด้วยความกังขา

นอกห้องโถง มีเงาร่างเพรียวยาวสายหนึ่งยืนอยู่ สวมเสื้อคลุมกระเรียนสีดำทั้งตัว เรือนผมยาวดำสนิทมัดเป็นมวย นัยน์ตากระจ่าง ริมฝีปากแดงเอิบอิ่ม เรียวฟันเปล่งปลั่ง รูปโฉมงดงามล่มเมือง

ยืนอยู่ตรงนั้น ทรงสง่าไม่มีใครเทียบได้

จ้าวซิงเย่!

จอมทัพหญิงเพียงคนเดียวของจักรวรรดิ ทั้งยังมีฉายาว่า ‘ราชินีกระหายเลือด’ เป็นบุคคลน่ากลัวคนหนึ่งในหมู่ราชันอย่างสิ้นเชิง

นางกรำศึกอยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดมาหลายปี แม้ไม่ใคร่ปรากฏตัวในจักรวรรดิ แต่ข่าวที่เกี่ยวกับนางก็ไม่เคยเงียบหายไป!

โดยเฉพาะเหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ตรงนั้นต่างรู้ดีว่าจ้าวซิงเย่ยังมีอีกฐานะหนึ่ง นั่นก็คือน้องสาวแท้ๆ ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน!

สาวงามนางหนึ่งที่มีพลังปราณน่าสะพรึง แข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา อีกทั้งฐานะยังสูงศักดิ์เช่นนี้ กลับบุกเข้ามาในประตูภูเขาของตระกูลฉินในราตรีนี้ อีกทั้งนางมาด้วยเหตุใดเล่า

“หลินสวิน!?”

ไม่นานก็มีคนส่งเสียงโพล่งขึ้น ลูกตาเกือบหลุดออกมา มองเห็นว่าเบื้องหลังจ้าวซิงเย่ไม่ไกลนักยังมีเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นหลินสวินนั่นเอง

จากนั้นบุคคลสำคัญทั่วห้องโถงต่างมีท่าทีเลิ่กลั่กเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ ไหนเลยจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นที่พวกเขาเคียดแค้นมากที่สุดถึงกับปรากฏกายอยู่ต่อหน้าทั้งอย่างนี้!

แล้วเขา… มาด้วยเหตุใด

คงไม่ใช่คิดยืมอำนาจของจ้าวซิงเย่มาแก้แค้นหรอกกระมัง

ในสมองของคนตระกูลจั่วและฉินต่างผุดความคิดอย่างเดียวกันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่สงบขึ้นมาตามๆ กัน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังหาข้ออ้างปลอบใจตัวเองได้ คิดว่าขอเพียงหลินสวินเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ ก็คงไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรต่อพวกเขาอีกแล้ว

แต่ใครเลยจะคาดคิด ชั่วพริบตาเดียวเด็กหนุ่มที่ทำให้พวกเขาทั้งปวดหัวและกริ่งเกรงคนนี้ กลับมาอยู่ต่อหน้าทั้งอย่างนี้

นี่มันโชคชะตากลั่นแกล้งคนชัดๆ!

——