ตอนที่ 653 รักและทะนุถนอมเธอ (3) โดย Ink Stone_Romance
หน้าอกบีบรัดแน่นจนอึดอัด
ดวงตาเริ่มหม่นลง
มือของเขายื่นไปหาเธออย่างเหนือการควบคุม ค่อยๆ ปัดผมยาวสลวยสีดำเป็นเส้นๆ นั่นให้ปลายนิ้วแตะใบหูเธอโดยไม่ขยับหนี บีบคลึงปลายหูขาวเนียนของเธอไปมาเบาๆ
เมื่อก่อนทุกคืนที่นอนด้วยกันเขาชอบบีบหูเธอเล่น เหมือนว่าอย่างนี้ถึงจะนอนหลับสนิทได้
สิบปีแล้ว…
ความรู้สึกแบบนี้กลับยังคงอยู่
เขามองเธอนิ่งไม่ละสายตาอยู่ครู่ใหญ่ ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าไฟจราจรสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียวจนรถข้างหลังกดบีบแตรดังลั่นเป็นการเร่งเร้าให้หยุดเขาถึงดึงสติกลับมา ค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป
ลมข้างนอกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเธอหดตัวคู้หน่อยๆ เหมือนหนาว เขาปิดกระจกหน้าต่างฝั่งเธอพลางถอดเสื้อสูทบนตัวคลุมร่างเล็กของเธอไว้
ก่อนจะจับมือของเธอที่หดหนีความหนาวข้างนอกใส่ใต้เสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง
เย่เซียวขับรถให้ช้าลง วนตามเมืองนี้ไป เป็นครั้งแรกที่ไม่หงุดหงิดกับสถานการณ์รถติด ข้างหูมีแต่เสียงหายใจแผ่วเป็นจังหวะเรียบทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พอว่างก็จะย้ายสายตาไปไว้ที่ตัวเธอโดยไม่รู้ตัว
รักษาท่านอนท่าเดิมอยู่พักหนึ่งจนรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เธอครางเสียงเบาๆ พลิกตัวกลับไป เย่เซียวที่กำลังเจอรถติดพอเห็นเธอพลิกตัวเผลอหายใจติดขัด แทบจะรีบโถมตัวเข้าหาเพื่อยื่นมือประคองหลังศีรษะเธอไว้ไม่ให้โดนแผล ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเจ็บมากแน่ๆ หากกดทับโดนแผล
แต่เพราะครั้งนี้ไป๋ซู่เย่ก็ต้องสะดุ้งตื่นจนได้
ลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเย่เซียวประชิดตัวเองขนาดนั้น ใจเธอเต้นผิดจังหวะชั่วขณะ สติพร่ามัวเรียงลำดับไม่ถูก
“คุณ…ทำอะไร?”พอได้สติพลางมองเขาอย่างฉงน
เย่เซียวทำหน้าอึดอัดพริบตาแต่ไม่นานก็กลับไปหน้านิ่งเหมือนเดิม
“โทรศัพท์ของผม เมื่อกี้ถูกคุณโยนทิ้งไปไหนไม่รู้ เลยหามันอยู่”
“อ่อ…”ไป๋ซู่เย่ยันตัวประคองตัวขึ้น เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง เย่เซียวปรับเบาะเธอขึ้นเงียบๆ ทำให้เสื้อตัวนอกบนตัวตกลงมา ไป๋ซู่เย่ถือเสื้อของเขาแล้วนิ่งค้าง
เย่เซียวเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ “ผมร้อนนิดหน่อยก็เลยถอดออก ไม่มีที่วางเลยฝากวางบนตัวคุณหน่อย”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้เปิดโปงเขา กอดเสื้อไว้ขอบตาร้อนผ่าว เธอก้มหาโทรศัพท์ให้เขา “ของคุณ”
เย่เซียวพยักหน้ารับโทรศัพท์มา เธอกวาดตามองรอบข้าง “ทำไมมาถึงนี่ได้?”
“ทางลัดนั่นรถติด”
“อ่อ ทางนั้นรถติดมากจริงๆ ทางนี้น่าจะอีกแป๊บหนึ่งก็ไม่ติดแล้ว”
เย่เซียวตอบรับเสียงจางๆ ว่า ‘อืม’และในขณะนั้นเอง ถนนที่เดิมทีขบวนรถติดยาวเป็นพรวนจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้สักนิดก็เริ่มไหลไปข้างหน้า
ไป๋ซู่เย่นั่งหันข้างพิงเบาะรถ กอดเสื้อเขาและมองเขาไป
“มองอะไร?” เขาไม่ได้หันมาแต่รับรู้สายตาของเธอได้ดี
“วันนี้ตอนฉันกำลังตรวจภายใน คุณหมอบอกว่าเมื่อคืนมีคนทายาให้ฉันแล้ว”
“…”เย่เซียวเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่ถาม “เมื่อคืนคุณกลับมาได้ยังไง?”
“แผลของคุณเกิดขึ้นเพราะผม ผมกลับมาแล้วแปลกอะไร?”
นั่นก็จริง
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วเกิดบาดเจ็บภายใต้สถานการณ์อย่างนั้น เธอคิดว่าเย่เซียวก็น่าจะกลับมาห้องพักผู้ป่วยเหมือนกัน
ไป๋ซู่เย่นั่งกอดเสื้ออยู่ตรงนั้นโดยไม่ถามไถ่อะไรอีก
ระยะทางที่เหลือขับเคลื่อนอย่างลื่นไหล สิบนาทีหลังจากนั้นก็มาถึงเซียงเซี่ยกู่ ไป๋ซู่เย่เดินนำลงจากรถก่อน ถือยาไว้ในมือ วางเสื้อสูทเขาไว้บนเบาะเก้าอี้ข้างคนขับ
“เอาลงไป”เย่เซียวพูดขึ้นหลังมองวูบหนึ่ง
“หืม?”
“เสื้อ”
ไป๋ซู่เย่ตอบรับ ‘อ่อ’ก่อนจะถือเสื้อลงไปด้วย
ตามด้วยเขาเองที่ลงจากเบาะคนขับ เธอยื่นเสื้อให้เขา “คุณกลับไปเถอะ ฉันขึ้นไปก่อนล่ะ”
เย่เซียวเขม่นมองเธอแวบหนึ่ง ยื่นมือแย่งถุงยาจากเธอมาอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก้าวเท้ายาวเดินนำหน้าเธอ
ไป๋ซู่เย่จำต้องวิ่งตามไป
เดินเข้าลิฟต์เธอถึงพูดขึ้น “ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องขึ้นมาส่งฉันก็ได้”
เย่เซียวไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ
มาถึงชั้นสิบ ไป๋ซู่เย่เห็นประตูห้องตัวเองถึงจำเรื่องแย่ๆ เรื่องหนึ่งได้
“กุญแจห้องอยู่ในกระเป๋าถือของฉัน คราวก่อนลืมไว้ที่โรงแรม”
เย่เซียวหยิบกระเป๋าถือของเธอจากกระเป๋าเสื้อ เธอเปิดออกมาดูพบว่าของข้างในทั้งหมดยังอยู่ไม่หายสักชิ้น กำลังจะหยิบกุญแจมาเปิดประตูแต่เย่เซียวชิงคว้ากุญแจที่เขาปั๊มไว้ล่วงหน้ามาเปิดก่อน เธอจึงเก็บกุญแจไป
“เข้ามาสิ” เขาดันประตูออก
คำพูดนี้พูดเหมือน…
เหมือนเป็นบ้านเขาอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋ซู่เย่เบี่ยงตัวเดินเข้าไปเปลี่ยนรองเท้าแตะแล้วถามเขาไปพลาง “เมื่อคืนคุณชดใช้ค่ากระจกของโรงแรมไปเท่าไหร่?”
“หยูอันเป็นคนจัดการ ผมไม่ได้ถาม”
“อ๋อ”
“ที่ห้องคุณไม่มีรองเท้าสำหรับผู้ชายเลยเหรอ?”
“คุณรอเดี๋ยว เพราะไม่มีใครมาฉันเลยเก็บไว้ในตู้ข้างใน” ไป๋ซู่เย่ว่าแล้วเดินไปยังห้องนอน
เย่เซียวตีหน้านิ่ง มีจริงหรือ? สำหรับผู้ชายพวกนั้น?
ไป๋ซู่เย่หยิบรองเท้าแตะออกมาวางไว้ตรงหน้าเย่เซียว “ไซซ์ 43 คุณน่าจะใส่ได้”
เย่เซียวมองเธอด้วยแววตาล้ำลึก “ที่แท้เรื่องสิบปีก่อนคุณก็ไม่ได้ลืมมันทั้งหมด”
อย่างน้อยยังจำขนาดรองเท้าเขาได้
เขาควรรู้สึกปลื้มใจหน่อยไหม?
ไป๋ซู่เย่ลุกยืนหัวเราะไปที “ขนาดของคุณเห็นได้ตามอินเตอร์เน็ต อีกอย่างคุณเป็นคู่กรณีที่ทางกระทรวงความมั่นคงประเทศเราให้ความสำคัญ ข่าวทุกอย่างของคุณ ฉันรู้หมดและท่องมันได้ต่อให้กลับประโยคก็ตาม”
“งั้นเหรอ?”น้ำเย็นถังใหญ่สาดมา เขาหัวเราะเสียงเย็นชา “งั้นคุณลองท่องหน่อยสิว่าขนาดข้างล่างผมเท่าไหร่? ตอนมันหดตัวขนาดเท่าไหร่? แล้วตอนมันขยายขนาดเท่าไหร่?”
ผู้ชายคนนี้!
กล้าถามคำถามแบบนี้ออกมาหน้าตาย!
อีกทั้งยังไม่ปิดประตูด้วยซ้ำ หากถูกเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างนอกได้ยินเข้าเธอคงไม่ต้องออกไปเจอหน้าใครแล้ว
ไป๋ซู่เย่ปิดประตูและตอบกลับเขาหน้านิ่งเช่นกัน “ข้อมูลนี้ทางกระทรวงความมั่นคงเรายังไม่มีชั่วคราว แต่ว่า..ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ฉันจะไม่ลืมพกไม้บรรทัด”
“ดี ผมเองก็จะให้ความร่วมมือคุณเต็มที่ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลให้กระทรวงความมั่นคงประเทศคุณ”
“…” ไป๋ซู่เย่หมดคำจะพูดจริงๆ ตอนนี้เธอควรตอบกลับอีกฝ่ายว่า ขอบคุณคุณเย่เซียวที่ให้ความร่วมมือไหม?
“ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ คุณก็ไปทำงานของคุณเถอะ ตอนกลับไปอย่าลืมปิดประตูให้ฉันด้วยก็พอ”
เย่เซียวสีหน้าบูดบึ้ง
ตั้งแต่จอดรถจนถึงตอนนี้ เธอเอ่ยปากไล่เขากี่ครั้งแล้ว?
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาขนาดนี้เชียวหรือ?
…………………………