ตอนที่ 295 มีลูกให้กับเขา

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

คนอย่างจีเฉวียน มีความลึกลับมากมาย ย่อมต้องถูกกำหนดให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่

 

 

โลกนี้ย่อมต้องมีผู้ที่มาหยุดยั้งความวุ่นวายทั้งหลาย ตู๋กูซิงหลันเชื่อว่าเขาก็คือคนๆ นั้น

 

 

จีเฉวียนรับฟังนาง ท่าทางของนางเหมือนดั่งครั้งแรกที่นางบอกกับเขาอย่างจริงจังว่าให้เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี

 

 

ใต้หล้านี้ เขาย่อมไม่อาจปล่อยไป

 

 

พสกนิกรแคว้นต้าโจวแต่ละคน คือคนที่เขาต้องการจะปกป้อง

 

 

จะความรักเล็กๆ หรือความรักที่ยิ่งใหญ่ ก็ล้วนเป็นความรักไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร เราก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป” พระหัตถ์ของพระองค์พลิกมาคว้ามือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ “เราจะต้องกลายเป็นผู้ครองใต้หล้า และมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ทั้งสองอย่างนี้เราสามารถทำได้ ไยจะต้องให้เราละทิ้งเจ้าด้วย?”

 

 

“จะปกครองใต้หล้า ทั้งจะครอบครองหญิงงาม ไหนเลยจะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้?” เสินฟางที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างเย็นชาออกมา

 

 

เขายังนึกว่าในโลกนี้เย่วซิงหลันได้พบกับบุรุษที่มีรักลึกล้ำเข้าแล้ว ที่แท้ก็แค่มีแต่คำพูดสวยหรูเท่านั้น

 

 

สตรีอย่างเย่วซิงหลัน ย่อมไม่มีทางเป็นคนที่อยู่นิ่ง นอกจากซื่อมั่วแล้ว ในโลกนี้ก็คงจะไม่มีบุรุษใดที่สามารถควบคุมนางได้อีก

 

 

ตู๋กูซิงหลันถลึงตาโตใส่ เป็นถึงยมราชผู้หนึ่ง ทำไมถึงได้ปากมากเช่นนี้?

 

 

พูดเสียอย่างกับว่านางกำลังจะบังคับให้จีเฉวียนต้องเลือกระหว่างแผ่นดินกับตัวนางอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ทำเอานางกลายเป็นคนเอาแต่ใจและไร้เหตุผล

 

 

จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูนาง ในสมองก็พลันเกิดความคิดจุดประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นเรากับเจ้ามีลูกกันสักคน รอให้เรารวบรวมแผ่นดินได้สำเร็จ บ้านเมืองสงบสุข ก็ส่งมอบบัลลังก์ต่อให้ลูก แล้วเจ้าอยากไปที่ไหน สุดขอบฟ้าเขาเขียวเราก็จะไปกับเจ้า”

 

 

ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงจนชะงักไปแล้ว วิธีการในสมองของจีเฉวียนมีอะไรที่ธรรมดาบ้างหรือไม่?

 

 

กระโดดมาไกลไปหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ข้ามไปถึงมีลูกได้กัน?

 

 

พอสบตากับดวงตาที่ตื่นตะลึงคู่นั้น ฮ่องเต้ก็ทรงเสริมอีกว่า “ดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปแล้ว ลูกชายคนเดียวคงจะไม่เพียงพอ ต้องคลอดหลายๆ คนสักหน่อย พี่น้องช่วยเหลือกันจึงจะมั่นคง”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…….” พี่ชาย นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญคือทำไมนางจะต้องไปมีลูกกับเขาด้วย? แถมยังต้องมีหลายๆ คน?

 

 

ตอนนี้วิญญาณทมิฬยิ่งมีสีหน้าตกตะลึงกว่าเดิม มิว่าอย่างไรคงจะต้องยอมรับว่า……ฮ่องเต้ผู้นี้รู้จักเจรจามากไปแล้ว

 

 

มาจนถึงจุดนี้แล้ว ก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือ ทั้งยังคิดหาลู่ทางถอยเอาไว้หมดแล้ว

 

 

สายตาของเสินฟางมืดครึ้มลง เขากวาดตาไปมองดูรอยแตกบนฝาโลงทองแดงนั่นแวบหนึ่ง น้ำในทะเลสาบไหลเข้ามาอยู่ตลอดเวลา นำพากลิ่นอายของผู้คนจากภายนอกเข้ามาด้วย

 

 

เขาขมวดคิ้วเบาๆ ไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป

 

 

“ตกลงเจ้าละทิ้งไม่ได้ จะรั้งอยู่ที่ี่นี่แล้ว?” เขามองดูตู๋กูซิงหลัน ดวงตาสีขาวนั่นมีแต่ความเย็นยะเยือก

 

 

แค่ประโยคเดียวของเสินฟาง ก็ทำเอาตู๋กูซิงหลันได้สติขึ้นมาในทันที

 

 

เกือบไปแล้ว นางเกือบจะถูกจีเฉวียนล่อลวงไปเสียแล้ว

 

 

นางหันศีรษะกลับไป มองผ่านช่องแตกบนโลงทองแดง ก็เห็นพวกหลงเซียว

 

 

ฝ่ามือของตู๋กูซิงหลันปรากฏหมอกสีดำทองขึ้นมาในทันที ฝ่ามือนี้ยังไม่ทันได้ซัดออกไปก็ถูกจีเฉวียนรั้งเอาไว้

 

 

อุ้งพระหัตถ์ที่ใหญ่กว่าของพระองค์กดประกายแสงสีทองจากหมอกของนางเอาไว้

 

 

“เรารู้ว่าเจ้าเก่งกาจ แต่ตราบใดที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเรา เจ้าไม่อาจจากไปได้”

 

 

จีเฉวียนคว้านางเอาไว้ ปล่อยให้หมอกสีทองเหล่านั้นคั้นเลือดของพระองค์ออกมาจากพระหัตถ์ “ตู๋กูซิงหลัน เราไม่อนุญาตให้เจ้าไป!”

 

 

พระองค์เหมือนดั่งเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ กระทั่งความสั่นสะท้านในน้ำเสียงยังถูกกดเอาไว้ให้กลายเป็นเย็นชาเช่นยามปกติ

 

 

พระองค์จะไปยอมให้นางไป ……ต่อให้ต้องมัด ต้องกักขังเอาไว้ก็จะต้องรั้งนางเอาไว้ให้ได้

 

 

เลือดที่เย็นยะเยือกเปียกชื้นไปทั่วมือของตู๋กูซิงหลัน จีเฉวียนมีพละกำลังมาก แทบจะทำให้มือของนางหักอยู่แล้ว

 

 

ดวงเนตรหงส์ที่เคยงดงามยามนี้มีเส้นเลือดขึ้นมา พระองค์กำลังร้อนพระทัยอย่างที่สุด

 

 

ทั้งๆ ที่พระองค์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่พระองค์สามารถใช้พลังของหยกสรรพชีวิตได้ แต่เพราะกลัวว่าจะทำให้นางต้องพลอยบาดเจ็บ จึงมิได้ทรงใช้ออกมาเลยสักนิด

 

 

อาศัยเพียงกำลังของร่างกายฝืนรับเอาไว้

 

 

อีกด้านหนึ่ง เสินฟางถึงกับทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว หากปล่อยให้จีเฉวียนถ่วงรั้งต่อไป อาจทำให้เขาเสียการใหญ่ได้

 

 

หมอกดำบนร่างของเขาก่อตัวขึ้นมา กลายเป็นดาบสีดำที่เหมือบกับดาบของเหยียนเฉียวหลัวทั้งสิบเล่ม

 

 

เสียงเฟี้ยวพุ่งเข้ามา ดาบสีดำทั้งหมดพุ่งเข้าหาจีเฉวียน

 

 

ภายใต้แสงสะท้อนจากสมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในโลง ดาบดำแต่ละเล่มฉาบไล้ด้วยแสงที่เย็นยะเยือก ดาบยังมาไม่ถึงจีเฉวียน แรงกดดันก็พัดเสื้อผ้าของเขาจนปลิวขึ้นมาแล้ว

 

 

จีเฉวียนหันพระขนองให้กับเสินฟาง ยามที่ดาบสีดำทั้งหมดพุ่งเขามา พระองค์ก็มิได้หลบหลีก

 

 

ดวงตาหงส์คู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน ด้วยความพยายามครั้งสุดท้าย

 

 

“ซิงซิง อย่าไปเลย….”

 

 

ขณะที่ตรัสนั้น ดาบสีดำเล่มหนึ่งพุ่งเข้าหาช่องท้องของพระองค์ เพียงชั่ววินาทีก็แทงทะลุพระองค์ออกไป

 

 

เลือดสาดกระเซ็นใส่ตู๋กูซิงหลันไปทั้งตัว

 

 

ดาบสีดำเล่มอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามาพร้อมๆ กัน

 

 

จีเฉวียนก็ยังคงไม่ยอมหลบ แต่ปักหลักยืนอยู่เบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน

 

 

เมื่อเห็นว่าดาบเหล่านั้นกำลังจะพุ่งเข้ามาแล้ว มืออีกข้างของตู๋กูซิงหลันก็สะบัดออกไป พร้อมกับแผ่หมอกสีทำที่มีละอองทองครอบคลุมด้านหลังทั้งหมดของจีเฉวียน

 

 

“ป้ง!” ดาบสีดำทั้งหมดปะทะเข้ากับหมอกสีดำ เกิดเป็นเสียงกระแทกที่ดังกึกก้อง

 

 

โลงทองแดงถึงกับสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง แม้แต่โซ่เหล็กที่รัดเอาไว้ภายนอกก็ยังส่งเสียงสะเทือนออกมา

 

 

ผู้คนทั้งหลายที่ทุ่มเทพละกำลังตามหามาถึงที่นี่ พากันเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีก

 

 

ก่อนหน้านี้เพียงแค่วังน้ำวนในทะเลสาบ ก็ต้องสูญเสียชีวิตผู้คนไปนับร้อยแล้ว เหล่าศพแห้งที่อยู่ตรงก้นทะเลสาบยิ่งโหดเ**้ยมดุร้าย พอพบเจอโลงทองแดงหลังนี้พวกเขาจึงไม่กล้าผลีผลาม

 

 

ความสนใจของคนทั้งหมดพุ่งไปยังโลงทองแดง จึงไม่ได้มีผู้ใดทันสังเกตบุรุษสวมหน้ากากชุดม่วงที่อยู่ด้านหลัง

 

 

โลงทองแดงแตกเป็นช่องหนึ่ง จึงมิได้แข็งแกร่งจนไม่อาจทำลายได้อีกต่อไป

 

 

ภายใต้หน้ากาก ดวงตาคู่นั้นสาดประกายเย็นยะเยือก กลางฝ่ามือของเขาปรากฏหมอกสีดำพวยพุ่งออกมา หมอกสีดำเหล่านี้กลายเป็นผีเสื้อสีดำแต่ละตัว ทะยอยบินเข้าไปในช่องแต่ของโลงทองแดงอย่างรวดเร็ว

 

 

โลงทองแดงยังสั่นสะเทือนไปหยุด แต่เสินฟางในยามนี้มีโทสะแล้ว

 

 

“เจ้าปกป้องเขา?” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นข่มขู่ เย็นยะเยือกเหมือนพายุพัด “ทำไม ไม่ต้องการซื่อมั่วอีกแล้ว?”

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูดาบสีดำที่แทงทะลุท้องของจีเฉวียน ไม่รู้เพราะอะไร จิตใจรู้สึกสับจนไปหมดแล้ว

 

 

นางไม่ได้สนอกสนใจเสินฟาง รีบเงยหน้าขึ้นมองดวงพักตร์ที่ซีดขาวของจีเฉวียน “ทำไมท่านถึงไม่หลบ? ท่านเก่งกาจออกมิใช่หรือ? ทำแบบนี้ท่านจะตายเอานะ!”

 

 

“ไม่ตายหรอก” นำเสียงของจีเฉวียนแผ่วเบา “สุดท้ายแล้วเจ้าก็ปกป้องเรา ในใจของเจ้ามีเราอยู่ใช่ไหม?”

 

 

บุรุษผู้นี้….เกินไปแล้วจริงๆ

 

 

ตู๋กูซิงหลันพูดอะไรไม่ออก

 

 

เวลาแบบนี้ยังจะมาพูดเรื่องรักๆ ใคร่อะไรกันอีก

 

 

วิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปอยู่แล้ว?

 

 

“อย่าได้พูดอะไรอีก เก็บแรงเอาไว้” ยามนี้ตู๋กูซิงหลันถูกสถานการณ์บีบคั้นจนต้องตัดสินใจเลือกแล้วจริงๆ

 

 

อยู่ต่อ ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ถึงจะได้มีโอกาสกลับไปยังโลกปัจจุบัน ด้านอาจารย์ก็ทอดทิ้งไม่ได้

 

 

หากกลับไป จีเฉวียนที่ได้รับบาดเจ็บหนัก หากเขายังพยายามรั้งนางเอาไว้อีก แค่เสินฟางลงมือเล็กน้อยก็คงสามารถปลิดชีวิตของเขาได้แล้ว

 

 

ต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงไร ก็ยังมีร่างเป็นเลือดเนื้อ จะไปต่อสู้กับจอมมารได้อย่างไร?

 

 

“มีคำพูดบางคำ เรากลับรู้สึกว่าหากตอนนี้ไม่พูดออกไป ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสแล้ว” จีเฉวียนคว้ามือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ “เราจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี เป็นสามีที่ดี ท่ามกลางผู้คนมากมายนับหมื่น เราปรารถนามีเจ้าเคียงข้างแต่ผู้เดียว”

 

 

“ให้เวลาเราหนึ่งปี หลังจากหนึ่งปีแล้ว เราจะไปโลกของเจ้ากับเจ้าดีไหม?”

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

ไรท์: ฮือ แง พี่เต้ เจ็บมากไหมลูก?

 

 

พี่เต้: (ยังจะถามอีก)