ตอนที่ 220-2 ก่อนกลับบ้าน

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เสิ่นเวยฟังอย่างออกรสออกชาติ ไอหยาให้ตายเถอะ แต่ละเรื่องๆ นี้เป็นแผนการหญิงงามฉบับแท้จริงๆ จวนจิ้นอ๋องเป็นตัวร้าย อายุสิบหกสิบเจ็ดปีก็วางแผนคร่าชีวิตคนแล้ว เก่งกว่านางมาก ยังมีพ่อสามีผู้นี้ ควรว่าที่เขาลุ่มหลงในความรักหรือเหยียดหยามที่เขาเป็นชายชาติชั่วดี

 

 

“เหตุใดพระชายาจิ้นอ๋องเข้าจวนอ๋องแล้วถึงไม่อุ้มท่านไปเลี้ยงเล่า” ในนิยายล้วนแต่เขียนแบบนี้ไม่ใช่หรือ ภรรยาใหม่อุ้มลูกเลี้ยงของคนก่อนมาเลี้ยงดูข้างกาย ไม่เลี้ยงให้พิการก็เลี้ยงให้ปัญญาอ่อน บ้างก็เลี้ยงให้ตายเสียเลย

 

 

“นางกลับเคยคิดแล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่อนุญาต” ดวงตาสวีโย่วมีความเหยียดหยาม แม้ว่าข้างกายเขาจะมีคนของฮ่องเต้องค์ก่อน สถานการณ์ตอนเด็กก็ไม่ค่อยดีนัก

 

 

“เรื่องพิษในครรภ์ของท่านไม่เคยสืบได้เลยใช่หรือไม่” จู่ๆ เสิ่นเวยก็นึกถึงเรื่องนี้อีกครั้ง นางไม่เชื่อว่าจะสืบหาออกมาไม่ได้ ห่านป่าเดินผ่านยังมีเสียง ขอเพียงแค่เคยทำก็จะต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ จะตรวจสอบไม่เจอได้อย่างไร เกรงว่าความจริงจะพูดออกไปข้างนอกไม่ได้กระมัง

 

 

เป็นดังคาดเห็นบนใบหน้าสวีโย่วมีความเย็นเยียบแวบผ่าน ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ฮ่องเต้องค์ก่อนน่าจะรู้อยู่บ้าง แต่กระทั่งก่อนเขาจากไปก็ยังไม่บอกข้า ข้าเดาว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสองคนนั้น” เมื่อเขาโตขึ้นมีความสามารถแล้ว ปีนั้นคนรับใช้ข้างกายเสด็จแม่ของเขานอกจากยายหรูก็หาไม่เจอเลยแม้แต่คนเดียว

 

 

ท่านจิ้นอ๋องร่วมกันวางแผนฆ่าชายาเอกคนก่อนกับชู้หรือ ไอหยา นี่เกินไปแล้วจริงๆ ความประทับใจที่เสิ่นเวยมีต่อท่านจิ้นอ๋องต่ำลงไปในฝุ่นละอองทันที นางตบบ่าของสวีโย่วแล้วกล่าวปลอบ “ไม่เป็นไร มีโอกาสพวกเราค่อยสืบต่อ คนเป็นลูกจะต้องทวงความยุติธรรมให้ผู้ใหญ่ ท่านวางใจก็ดีแล้ว ข้าจะช่วยท่านแน่นอน”

 

 

สวีโย่วกอดเสิ่นเวยเข้ามาในอ้อมอก กอดนางอยู่นานไม่เอ่ยปาก ความแค้นฆ่ามารดา เขาต้องใจกว้างเพียงใดจึงจะลืมได้

 

 

วันที่สามเป็นวันที่เสิ่นเวยกลับบ้าน ตอนที่เคารพพระชายาจิ้นอ๋องก็บอกนางว่าของขวัญกลับบ้านเตรียมใส่รถไว้ดีแล้ว ให้นางกลับไปอย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบกลับมา

 

 

เสิ่นเวยจมดิ่งอยู่ท่ามกลางความดีใจ ตอนที่อยู่ในจวนโหวไม่รู้สึก ตอนนี้ออกมาเพียงแค่สามสี่วันก็คิดถึงแทบแย่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านปู่กับน้องเจวี๋ยจะคิดถึงนางบ้างหรือไม่ ใช่แล้ว ทั่วทั้งจวนจงอู่โหวคนที่เสิ่นเวยคิดถึงที่สุดก็คือปู่กับน้องชายนาง หากจะพูดว่ายังมีใครอีก เช่นนั้นก็คงจะเป็นท่านอากับลูกผู้น้อง คนที่เหลือเล่า ไม่ทันได้เกิดความผูกพันใดๆ อย่างสิ้นเชิง

 

 

ของขวัญกลับบ้านโดยทั่วไปแล้วล้วนเป็นผู้อาวุโสของฝ่ายชายที่จัดเตรียม เสิ่นเวยเองก็ไม่ได้สนใจ ส่วนสำคัญเป็นเพราะนางคิดว่าด้วยสติปัญญาของพระชายาจิ้นอ๋องไม่น่าจะเล่นลูกไม้เรื่องนี้ ไม่คิดว่าความเป็นจริงจะตบหน้า นางยังคงประเมิณพระชายาจิ้นอ๋องสูงไปจริงๆ

 

 

แม้ของขวัญกลับบ้านจะขนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว แต่แม่นมมั่วเป็นคนรอบคอบ จึงพาหลีฮวาและคนอื่นๆ ไปตรวจดูรอบหนึ่ง ตรวจดูรอบนี้ก็พบปัญหาแล้ว ของขวัญที่เตรียมกลับบ้านโดยทั่วไปล้วนเป็นจำนวนคู่ ความหมายแฝงก็คือเป็นคู่ครอง เหมือนเช่นไก่เป็น โดยทั่วไปล้วนมีสองตัว แทนความหมายสิริมงคลสมปรารถนา แต่เหตุใดของทุกอย่างที่เจ้าเตรียมถึงมีชิ้นเดียว หมายความว่าอย่างไร

 

 

ตอนที่เรื่องนี้รายงานไปถึงหูเสิ่นเวยนางก็โมโหแล้ว นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรือไร นี่ไม่ใช่การดูถูกจวนจงอู่โหวหรือไร จวนจิ้นอ๋องแห่งนี้ของเจ้าอาศัยพี่ชายแท้ๆ ที่เป็นฮ่องเต้ถึงได้มีทรัพย์สินเกียรติยศมิใช่หรือ พอฝ่าบาทเสด็จสวรรคตฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์จะยังมีใครสนใจท่านอ๋องว่างงานเช่นท่านอยู่อีก แต่จวนจงอู่โหวของข้ากลับสามารถอาศัยคุณูปการสงครามตั้งตระหง่านหลายสิบปีก็ไม่ล้ม

 

 

แววตาชั่วร้ายของเสิ่นเวยจ้องมองสวีโย่ว ความหมายนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ‘วันนี้หากเจ้าไม่อธิบายให้ข้าฟัง พวกเราไม่จบแน่’

 

 

ริมฝีปากที่เม้มแน่นของสวีโย่วเห็นความโกรธของเขาชัดเจน เขายกขาเดินออกไปข้างนอก “ของขวัญกลับจวนอยู่ไหน เอากลับไปที่เรือนท่านอ๋องเดี๋ยวนี้” เขาจะไปคิดบัญชีกับพ่อเขา

 

 

หลังสวีโย่วไปไปแล้ว เสิ่นเวยก็คิดครู่หนึ่ง ร้องไห้ตามทางไปยังเรือนของของจวนจิ้นอ๋อง ร้องไห้ไปพลางตะโกนไปพลาง “เสด็จแม่ ท่านโปรดไว้หน้าลูกสักหน่อยเถิด ท่านไม่พอใจลูกตรงไหน ลูกจะแก้”

 

 

เย่ว์กุ้ยกับเหอฮวาโน้มน้าวตามอยู่ข้างหลัง “ฮูหยินท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ท่านปล่อยวางหน่อย พระชายาจะต้องไม่ได้ตั้งใจแน่นอน” เสียงสูงจนแม้แต่ครึ่งจวนอ๋องก็ยังได้ยิน

 

 

คนรับใช้ตามทางชี้ไม้ชี้มือ เสิ่นเวยไม่กลัวเสียหน้า อย่างไรเสียนางก็เป็นชนรุ่นหลัง หากคนอื่นจะวิจารณ์ก็ต้องวิจารณ์ผู้อาวุโสก่อน พ่อแม่รักลูกลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ ใครอยู่หน้าใครอยู่หลัง มองดูก็รู้แล้ว!

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องได้ยินเสียงร้องไห้ของเสิ่นเวยมาแต่ไกล ก่ายหน้าผากโดยไม่รู้ตัว “รีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

สาวใช้ยังไม่ทันเดินออกจากห้อง เสิ่นเวยก็มาถึงแล้ว นางโผเข้ามากอดขาของพระชายาจิ้นอ๋องทันที บนใบหน้าเล็กๆ ที่เงยขึ้นมีหยาดน้ำตา “เสด็จแม่ ท่านต้องช่วยลูก ลูกไม่มีหน้าจะอยู่แล้ว”

 

 

“เป็นอะไร เป็นอะไร เหตุใดถึงร้องไห้เช่นนี้ วันนี้เป็นวันกลับบ้านมิใช่หรือ ทะเลาะกับโย่วเอ๋อร์หรือ เด็กดีหยุดร้อง ดูสิน่าสงสารนัก ตาบวมหมดแล้ว ไม่ร้องๆ แม่จะทำโทษโย่วเอ๋อร์แทนเจ้าเอง” พระชายาจิ้นอ๋องอดทนไม่ดึงขาออก

 

 

“ไม่ใช่คุณชายใหญ่ เป็นเรื่องของขวัญกลับบ้าน” เสิ่นเวยก้มหน้าเช็ดน้ำตากับชุดของพระชายาจิ้นอ๋อง “เสด็จแม่เหตุใดท่านถึงทำกับลูกเช่นนี้เล่า ลูกโง่หน่อย แต่ลูกก็เชื่อฟัง ลูกเคารพท่านเป็นแม่ด้วยความจริงจังและจริงใจ ท่านทำเช่นนี้ลูกเสียใจยิ่งนัก”

 

 

หางตาพระชายาจิ้นอ๋องกระตุก ถามด้วยสีหน้าสงสัย “ภรรยาโย่วเอ๋อร์เจ้าพูดให้ชัดเจน ของขวัญกลับบ้านมีอะไรหรือ ของที่แม่ให้คนเตรียมล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น!”

 

 

เสิ่นเวยร้องไปพลางพูดไปพลาง “ของเป็นของดี แต่จำนวนผิด ของขวัญกลับบ้านล้วนแต่เป็นคู่ แต่ของขวัญกลับบ้านที่เสด็จแม่ให้กลับมีอย่างละชิ้น นี่ไม่ใช่เป็นการสาปแช่งลูกหรือ นี่หมายความว่าลูกแช่งคุณชายใหญ่ หรือว่าคุณชายใหญ่แช่งลูก ลูกยังอายุน้อย วันเวลาดีๆ ยังใช้ไม่พอ ยังไม่อยากตายและยังไม่อยากเป็นแม่หม้าย! เมื่อนำของขวัญกลับบ้านนี้กลับไป จวนโหวจะไม่ไล่ลูกออกมาพร้อมคุณชายใหญ่หรือ เสด็จแม่ท่านมีเจตนาเช่นไร” ร้องไห้ไปพลางก็เช็ดน้ำตาลงบนตัวนางเงียบๆ อีกครั้ง

 

 

“อะไรนะ มีเรื่องนี้ด้วยหรือ” พระชายาจิ้นอ๋องท่าทางตกใจไม่เชื่อ “แม่นมซือ ของขวัญกลับบ้านของคุณชายใครเป็นคนเตรียม เหตุใดถึงเกิดเรื่องสะเพร่าที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ รีบตรวจสอบเดี๋ยวนี้ คิดว่าข้าไม่กล้าถลกหนังนางหรือ”

 

 

“เสด็จแม่ท่านอย่าโกหกลูกเลย จะต้องเป็นท่านที่สั่งแน่นอน ไม่มีคำสั่งของท่าน คนรับใช้ทั่วทั้งจวนไหนเลยจะกล้าหาเรื่องคุณชายใหญ่” เสิ่นเวยร้องไห้ต่อ

 

 

“เสด็จแม่ ท่านไม่ชอบลูกตรงไหนกันแน่ ท่านพูดมาตรงๆ เถอะ! แต่ท่านก็ไม่อาจตบหน้าลูกเช่นนี้ได้ อย่างไรเสียลูกก็เป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทพระราชทานบรรดาศักดิ์ อีกทั้งยังเป็นฝ่าบาทที่พระราชทานสมรส ลูกเสียหน้าก็เท่ากับฝ่าบาทเสียหน้า ฝ่าบาทเสียหน้า ท่านกับเสด็จพ่อก็เสียหน้า ท่านกำลังตบหน้าตนเองและเสด็จพ่ออยู่!”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องพยายามจะพูด เสิ่นเวยไม่ให้โอกาสนางอย่างสิ้นเชิง นางตะโกนเสียงดัง ทั่วทั้งเรือนต่างก็ได้ยินชัดเจน “ตั้งแต่ที่ลูกเข้าเรือนมาก็เคารพท่าน ท่านใช่เพราะว่าคุณชายใหญ่ไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของท่านจึงดูถูกลูกด้วยหรือไม่ แต่ลูกกับคุณชายใหญ่ก็เคารพท่านอย่างยิ่ง! คุณชายใหญ่ยังมาเคารพท่านอยู่เลย ไม่เห็นคุณชายสามคนของท่านจะมาบ้างเลย คนเขาพูดถูกจริงๆ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ จึงแตกต่างกัน สวรรค์ เหตุใดชะตาของลูกถึงขื่นขมเพียงนี้ ฝ่าบาท เหตุใดท่านถึงพระราชทานคู่หมั้นตระกูลนี้ให้หม่อมฉัน”

 

 

ท่านจิ้นอ๋องที่รีบตามมาเมื่อเข้ามาก็ได้ยินคำร้องประโยคนี้ เท้าเขาลื่น แทบจะล้มลงกับพื้น สวีโย่ว

 

 

ที่อยู่ข้างหลังมองเขาอย่างเย็นชา คล้ายกำลังพูดว่า ‘ดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่’