บทที่ 650 เดาผิด

บัลลังก์พญาหงส์

ตอนที่ถาวจวินหลันไปทำความเคารพฮองเฮา ฮองเฮาเห็นถาวจวินหลันทำท่าทีคล้ายยิ้ม จึงถามว่า “ทำไม เจ้าคิดได้แล้วหรือ?”

 

 

ถาวจวินหลันรู้ว่าฮองเฮาถามเรื่องข้อแลกเปลี่ยน แต่วันนี้นางไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นจึงพูดยิ้มๆ ว่า “ที่จริงแล้วหม่อมฉันไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้นเพคะ แต่เพราะมีบางเรื่องอยากจะขอความเห็นจากฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ”

 

 

ทันใดนั้นฮองเฮาก็ตกใจจนหัวเราะออกมา เหมือนว่าได้ยินสิ่งที่น่าขันเป็นอย่างมาก “อย่างนั้นหรือ? เรื่องอะไรกันแน่ ชายารัชทายาทถึงต้องมาขอความเห็นจากข้า”

 

 

“การตายของอี๋เฟยเกี่ยวข้องกับฮองเฮาเหนียงเหนียงกระมัง” ถาวจวินหลันรู้ว่าฮองเฮากำลังเย้ยหยันนาง แต่ก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แสร้งเป็นไม่ได้ยิน ถามออกมาตรงๆ

 

 

ใช่แล้ว วันนี้ที่นางมาก็ด้วยอยากมั่นใจเรื่องนี้

 

 

รอยยิ้มของฮองเฮาแข็งค้างไปเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นฮองเฮาพูดเสียงเย็นว่า “ชายารัชทายาทหมายความว่าอย่างไร?” น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความระแวง

 

 

เห็นชัดว่าคำพูดขวานผ่าซาก ตรงไปตรงมาเช่นนี้ของถาวจวินหลันทำให้ฮองเฮาสงสัยขึ้นมาในทันใด

 

 

แต่ฮองเฮาสงสัยเกินไป ถาวจวินหลันยิ้มพลางหงายมือขึ้น “ที่นี่มีเพียงหม่อมฉันกับนางกำนัลของหม่อมฉันอยู่เท่านั้น ฮองเฮาเหนียงเหนียงตรัสบอกหม่อมฉันได้โดยตรงเพคะ อย่างไรก็มีเพียงหม่อมฉันได้ยิน หม่อมฉันเอาไปป่าวประกาศก็ไม่มีคนเชื่อ เอาเช่นนี้ก็แล้วกันเพคะ หากฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงเล่าความจริงกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจะบอกฮองเฮาเหนียงเหนียงเรื่องหนึ่ง ว่าอย่างไรเพคะ?”

 

 

ฮองเฮาขมวดคิ้ว “ข้าจะรู้ว่าคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือไม่เล่า?” แต่ก็เห็นชัดว่าเริ่มคล้อยตามบ้างแล้ว อย่างไรฮองเฮาก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในเมื่อถาวจวินหลันพูดเช่นนี้ เรื่องนั้นย่อมต้องไม่ใช่เรื่องง่ายดายแน่นอน

 

 

ถาวจวินหลันยังยิ้มดังเดิม “อย่างเช่น ใครเป็นคนบอกความเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ จนองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างเช่นทำไมอนุภรรยาขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตั้งครรภ์มากมาย แต่สุดท้ายแล้วที่คลอดได้อย่างปลอดภัยถึงหายากนัก หรือทำไมหม่อมฉันถึงรู้เรื่องระหว่างองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อกับอี๋เฟย…”

 

 

ส่วนข้างหน้ายังไม่ดึงดูดความสนใจของฮองเฮานัก แต่พอฮองเฮาฟังมาถึงตอนท้าย ฮองเฮาก็หายใจสะดุด เห็นชัดว่าเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว

 

 

ถาวจวินหลันเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง ไม่พูดอะไรอีก รอให้ฮองเฮาเอ่ยปากเอง

 

 

เป็นไปตามคาด ฮองเฮาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากพูดก่อน “ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็มาแลกเปลี่ยนกันเถิด ข้าบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ได้ เจ้าเองก็ต้องบอกข้าในสิ่งที่ข้าอยากรู้”

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้า “เช่นนี้ยุติธรรมที่สุดแล้วเพคะ แต่หม่อมฉันขอถามก่อน ไม่ทราบว่าครั้งนี้ฮองเอาเหนียงเหนียงจะยอมถอยให้หม่อมฉันหรือไม่”

 

 

ฮองเอาย่อมไม่ปฏิเสธ ต่อให้ในใจไม่พอใจนัก แต่เห็นชัดว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วมิใช่หรือ? ถ้าไม่ได้อยากรู้อะไรจากถาวจวินหลันก็แล้วไป ในเมื่อมีเรื่องขอร้องคนอื่น ฮองเฮายังรู้จักผ่อนปรนอยู่บ้าง

 

 

อีกทั้งฮองเฮาคิดว่าถาวจวินหลันไม่ใช่คนที่นางหาเรื่องได้อีกแล้ว ถาวจวินหลันรู้ความลับมากเกินไป พูดง่ายๆ ไม่คิดอะไรก็อาจจะสั่นคลอนรากฐานของนางได้ ตอนนี้นางไม่มีลูกชายแล้ว และยังสูญเสียแรงสนับสนุนอันแข็งแกร่งจากครอบครัว แม้แต่อำนาจของฮองเฮาก็ต้องสูญเสียไป นางไม่มีคุณสมบัติเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องกดหัวถาวจวินหลันเลย

 

 

เรื่องมาถึงตอนนี้ฮองเฮาพบว่าตำแหน่งของนางกับถาวจวินหลันก็เหมือนยืนประจันหน้ากัน ก่อนหน้านี้นางกดดันถาวจวินหลันในทุกทาง เห็นถาวจวินหลันเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ แต่ตอนนี้…กลับเป็นถาวจวินหลันที่จูงจมูกนางเดิน

 

 

แต่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีกำลังไปแก้ไขได้แม้แต่น้อย ความอึดอัดและจนปัญญาเช่นนี้ทำให้ฮองเฮาหงุดหงิด แต่มองดูท่าทียิ้มแย้มของถาวจวินหลัน ฮองเฮาก็ทำได้แค่เตือนตนเองอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าต้องต้องสงบจิตสงบใจให้ดี

 

 

ถาวจวินหลันเห็นฮองเฮาไม่ได้ต่อต้าน จึงเอ่ยปากพูดว่า “การตายของอี๋เฟย ใช่ฝีมือของฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือไม่เพคะ?”

 

 

แม้ฮองเฮาไม่ค่อยอยากพูด แต่ก็ตอบว่า “ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”

 

 

“พูดเช่นนี้ มั่วเซียงบอกว่าเป็นฮองเฮาเหนียงเหนียงที่ประทานยาพิษให้อี๋เฟย นั่นคงจะเป็นเรื่องจริงสิเพคะ” ถาวจวินหลันเลิกคิ้วเล็กน้อย คิดถึงมั่วเซียงที่ตายไปแล้ว ก็เศร้าใจเล็กน้อย อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ ที่จริงแล้วมั่วเซียงจงรักภักดี มีความผูกพันฉันเจ้านายและสาวใช้กับอี๋เฟย จดอดรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้

 

 

พูดถึงเรื่องนี้ฮองเฮาก็ไม่ได้มีท่าทีผิดแผกอะไร แต่กลับยิ้มอย่างจริงใจ พูดว่า “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ทำไมต้องมาถามอีกเล่า”

 

 

นี่เป็นความในใจของฮองเฮา นางคิดว่าถาวจวินหลันไม่มีเรื่องแล้วหาเรื่องใส่ตัว ในเมื่อรู้แล้วนางจะยอมรับหรือไม่ มันสำคัญเช่นนั้นจริงๆ หรือ? นางไม่เชื่อว่าแค่เพราะนางไม่ได้เอ่ยยอมรับด้วยตนเอง ถาวจวินหลันจะไม่มีทางมั่นใจว่าเรื่องนี้นางเป็นคนทำ

 

 

ถาวจวินหลันส่ายหน้า “แค่เพียงถามเท่านั้นเพคะ แต่ที่หม่อมฉันแปลกใจที่สุดก็คืออี๋เฟยถูกฮ่องเต้ละเลยเบื่อหน่ายกักบริเวณก็เป็นฝีมือของฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือเพคะ พูดไปแล้ว อี๋เฟยกับพระองค์ก็ถือว่ามีชะตาต่อกันไม่น้อย ทำไมพระองค์ต้องกำจัดเช่นนี้เล่าเพคะ เก็บชีวิตของอี๋เฟยเอาไว้สักคน อนาคตอาอู่อาจจะซาบซึ้งความเมตตาของพระองค์ก็ได้นะเพคะ”

 

 

นางพูดประโยคนี้จบ ฮองเฮาก็หัวเราะเสียงเย็นทันที “ซาบซึ้งอย่างนั้นหรือ? อาอู่จะต้องมาสนใจเรื่องของอี๋เฟยทำไมกัน? อีกอย่างข้าก็เพียงผลักเรือไปตามน้ำเท่านั้น ข้าลงมือทำร้ายอี๋เฟยก่อนเสียที่ไหน? ความผิดที่นางเป็นคนทำฮ่องเต้รู้เข้า หรือว่าจะต้องมาโทษข้า?”

 

 

ฮองเฮามีท่าทีเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

 

 

ถาวจวินหลันจึงเข้าใจ เกรงว่าฮองเฮาคงไม่ได้เริ่มหาเรื่องเอง อีกทั้งมาถึงขั้นนี้ฮองเฮาก็ไม่จำเป็นต้องโกหกอีก

 

 

ดูท่าทางไม่ใช่ฮองเฮาจงใจตลบหลังอี๋เฟย นางคิดผิดไป ใช่ ฮองเฮาจัดการอี๋เฟยเพราะโอกาสเอื้ออำนวย แต่ตั้งแต่แรกเริ่มนั้นไม่ใช่แผนการของฮองเฮา

 

 

พอพูดเช่นนี้เรื่องที่ฮ่องเต้กักบริเวณอี๋เฟย รังเกียจอี๋เฟยก็จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอื่น

 

 

ไม่ใช่ฮองเฮาแล้วเป็นใคร? ถาวจวินหลันคิดไปคิดมา ก็คิดออกเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกู้ซี

 

 

กู้ซีเคยถามนางเรื่องอี๋เฟยมาก่อน กู้ซีถามนางว่านางถือเบี้ยต่อรองอะไรกับอี๋เฟย การลองเชิงสองสามครั้ง ที่จริงแล้วตอนนั้นนางก็เดาได้ว่ากู้ซีน่าจะพอรู้อะไรมาบ้างแล้ว แต่หลังจากนั้นก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ จึงไม่ได้คิดมากเกินไป

 

 

แต่ตอนนี้ดูแล้ว เห็นชัดว่านางเดาถูกแล้ว

 

 

พอเป็นเช่นนี้ก็อธิบายได้ว่าทำไมอี๋เฟยถึงได้ถูกเปิดโปงว่าวางยาฮ่องเต้ และเรื่องลอบสัมพันธ์กลับเลือนราง ไม่ได้มีหลักฐานอะไรแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่กู้ซีสืบมาได้มีเพียงแค่เรื่องนี้

 

 

อย่างไรฮองเฮาก็มีส่วนช่วยปิดเรื่องของอี๋เฟยกับองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ ไม่ว่าพยานหรือหลักฐานคงไม่ได้หาพบง่ายดายเป็นแน่ ดังนั้นกู้ซีจึงสืบไม่พบ

 

 

แต่ทำไมกู้ซีถึงต้องกำจัดอี๋เฟยเล่า? เพื่อตำแหน่งนั้น หรือเพื่อองค์ชายเก้า?

 

 

ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ท่าทีของกู้ซีที่ขอร้องแทนองค์ชายเก้าตอนเกิดเรื่องกับอี๋เฟย ถาวจวินหลันก็ยิ่งรู้สึกว่ากู้ซีน่าสงสัยเป็นอย่างมาก

 

 

และวันนี้กู้ซีก็ยังบังเอิญมาที่วังอีก แล้วยังฉวยโอกาสขอเลี้ยงดูองค์ชายเก้า จดชื่อองค์ชายเก้าไว้ใต้ชื่อของนางอย่างถูกต้อง

 

 

เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ร้อยเรียงเข้าด้วยกันด้วยด้ายที่มองไม่เห็น ดูเหมือนจะกระจัดกระจาย แต่จริงแล้วๆ มีร่องรอยให้ติดตาม

 

 

พอพูดเช่นนี้กู้ซีทำเรื่องมากมาย ก็เพื่อองค์ชายเก้าเพียงคนเดียว

 

 

ถาวจวินหลันตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย ร่างกายเย็นเฉียบ คิดไม่ถึงว่าจิตใจของกู้ซีจะลึกล้ำเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่ากู้ซีจะวางแผนใหญ่โตเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่า…

 

 

ฉับพลันถาวจวินหลันก็นึกถึงคำพูดที่ว่า ‘จากกันสามวัน อันคนนั้นเปลี่ยนไป’

 

 

ก่อนหน้านี้นางคิดว่ากู้ซีเป็นหญิงสาวขี้อาย เก็บตัว ก่อนหน้านี้นางคิดว่ากูซีแม้จะขี้อาย ขี้ขลาดไปหน่อย แต่ก็ยังคิดว่าเป็นคนดี ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่ากู้ซีน่าสงสาร

 

 

แต่ตอนนี้…กู้ซีในความทรงจำของนางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน นางไม่เคยเข้าใจตัวจนจริงๆ ของกู้ซี

 

 

นางพลันรู้สึกโชคดีอีกครั้ง ยังดีที่กู้ซีไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงของหลี่เย่ มิเช่นนั้น วังตวนเปิ่นในวันนี้คงจะไม่สงบสุขเท่านี้ และนางก็จะไม่ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาทอย่างง่ายดายเช่นนี้

 

 

ตอนที่ถาวจวินหลันรู้สึกหนาวเหน็บอยู่นั้น ฮองเฮาก็เอ่ยปากพูด “จวงผินทำอย่างนั้นหรือ?”

 

 

ถาวจวินหลันได้สติกลับคืนมา แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ เรื่องเหล่านี้นางพอเดาได้ ฮองเฮาย่อมคิดได้เช่นเดียวกัน เพราะอย่างไรนางก็ถามชัดเจนเช่นนี้ อีกทั้งเรื่องวันนี้ฮองเฮาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

 

 

ฮองเฮาเห็นถาวจวินหลันตอบรับด้วยความเงียบ จึงหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่าจิตใจของจวงผินลึกล้ำเช่นนี้ พวกเราประเมินนางต่ำไปเสียแล้ว หึ สมแล้วที่สตรีตระกูลกู้ไม่มีใครจัดการง่ายสักคน!”

 

 

คำพูดของฮองเฮาที่ว่า ‘สตรีตระกูลกู้’ ย่อมต้องรวมไทเฮาและกู้กุ้ยเฟย

 

 

“แต่น่าเสียดาย แผนการของนางคงไม่มีวันสมปรารถนา” ฮองเฮาหัวเราะ หัวร่องอหงาย หัวเราะจนหยุดไม่ได้ “นางต้องคิดไม่ถึงแน่ว่า สิ่งที่นางพยายามทุ่มเทกายใจจนได้มา สุดท้ายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจากที่ไหนก็ไม่รู้!”

 

 

คำพูดคำจาโหดร้ายของฮองเฮาทำให้ถาวจวินหลันอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

“แต่เรื่องซับซ้อนไปมาเช่นนี้ กลับน่าดูนัก” ฮองเฮาถึงกับพูดชื่นชม “มีเรื่องน่าสนุกให้ดูอีกแล้วสิ”

 

 

ในช่วงเวลาชั่วพริบตา ถาวจวินหลันก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา ในตอนนั้นนางก็โดนความคิดของตัวเองสะกดจนตกใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ นางถึงเอ่ยปากพูดว่า “หม่อมฉันขอถามฮองเฮาคำถามสุดท้ายเพคะ”

 

 

พูดกันมาตั้งเยอะขนาดนี้แล้ว เห็นชัดว่าฮองเฮาเริ่มปล่อยวางแล้ว โบกมือพูดว่า “ถามมาเถิด”

 

 

เห็นชัดว่าฮองเฮาแปลกใจอยู่บ้าง เพราะอย่างไรคำถามของถาวจวินหลันในวันนี้ก็น่าสนใจทั้งนั้น

 

 

ถาวจวินหลันตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รักษาความสงบนิ่งถามฮองเฮาออกไป “ฮองเฮาลักพาตัวองค์หญิงเก้าไปหรือไม่เพคะ” พอพูดจบ ถาวจวินหลันก็จ้องมองฮองเฮานิ่งแบบไม่กะพริบตา ไม่ยอมพลาดความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

 

 

ฮองเฮากลับแสดงท่าทีตื่นตะลึง “องค์หญิงเก้า? ข้าหรือ?”

 

 

ฮองเฮาหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนน้ำตาแทบไหลออกมา “เจ้าคิดว่าข้าทำเรื่องโง่เช่นนี้หรือ?”

 

 

น้ำเสียงของฮองเฮาฉายมีแววเย้ยหยันอย่างมาก ถาวจวินหลันกลับไม่คิดว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ดูท่าทาง นางจะเดาผิดเสียแล้ว