ตอนที่ 2622 ความเปลี่ยนแปลงของป้อมปราการแสงดาว

หุบเขาดาว ป้อมปราการแสงดาว :

มันมีผู้เล่นต่อแถวยาวเหยียดรวมหลายหมื่นคนรอเข้าสู่ป้อมปราการโบราณอันงดงาม นอกจากนี้มันยังมีผู้เล่นขั้นสามอยู่จำนวนหนึ่งด้วยในหมู่พวกเขา ซึ่งนี่มันจัดเป็นฉากที่งดงามและน่าทึ่งมากสำหรับผู้ที่พึ่งจะมาเยือนป้อมปราการครั้งแรก

ทีมสี่สิบคนของหอการค้าอาซูกำลังยืนอยู่ในแถวเช่นกัน และก็จ้องมองไปที่ป้อมปราการแสงดาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายจริงๆ !!!” หนึ่งในผู้เล่นขั้นสามของหอการค้าอาซูอุทานออกมา ขณะที่มองไปยังแถวของผู้เล่นที่ตัวเขาเองก็เข้าอยู่

ผู้เล่นขั้นสามนั้นยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังถือว่าผู้เล่นขั้นสามนั้นเป็นรากฐานของกิล อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้เล่นขั้นสามกับเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในป้อมปราการแสงดาว โดยผู้เล่นเกือบหนึ่งในสิบทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสาม นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง !!!

“ฉันได้ยินมาว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเข้ามาที่ป้อมปราการแสงดาวเพื่อมรดกเทพปีศาจ แต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอ ?” การ์เดี้ยนไนท์ชายขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบซึ่งเป็นสมาชิกของหอการค้าอาซูอีกคนกล่าวแสดงความเห็น เขารู้สึกได้ว่าผู้เล่นขั้นสามหลายคนที่เขาเห็นนั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่ง หรือมันมีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำเหมือนตัวเขา

“มานาที่นี่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากเช่นกัน มันให้ความรู้สึกสงบและสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อยืนอยู่ที่นี่มันง่ายมากที่จะรับรู้ได้ถึงมานามากกว่าที่อื่น” Elementalist หญิงขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเก้า กล่าว “ถ้าฉันได้มาพักผ่อนและฝึกที่นี่ การควบคุมมานาของฉันจะพัฒนาได้เร็วกว่าการฝึกในโลกภายนอกมาก”

ในขณะที่เหล่ารุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูกำลังพูดคุยกัน หยานเซี่ยวเฉียน และโซริทารี่ฟรอสต์ก็ล้วนจ้องมองไปยังป้อมปราการแสงดาวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

“นี่คือองค์ประกอบธาตุทั้งสามของมานาที่หายไปงั้นหรอ ? มันช่างพิเศษจริงๆ …” หยานเซี่ยวเฉียนพึมพำ ขณะที่เธอสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของมานารอบๆตัวเธอ ในเวลาเดียวกันเธอก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่งทันที “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสมาชิกสภาสิบแปดปีกจำนวนมากถึงปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว หากพวกเขาได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ตลอด การควบคุมมานาของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไป และพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่าหลายคนมากในการปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานา ….

มานาของป้อมปราการแสงดาวที่ประกอบไปด้วยองค์ประธาตุมานาครบทั้งหมดเจ็ดธาตุนั้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปสำหรับมหาอำนาจต่างๆ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้เลือกจะเปิดเผยความลับนี้ต่อสาธารณชนเท่านั้น

และโดยธรรมชาติแล้ว ผู้เล่นอิสระที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมก็เลือกจะปิดปากของพวกเขาเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากป้อมปราการแสงดาวให้เต็มที่ เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการแสงดาวนั้นสามารถรองรับผู้เล่นได้จำนวนจำกัด

“สภาพแวดล้อมแบบนี้ยังแค่ใกล้เคียงกับสมัยโบราณเองงั้นหรอ ?” โซริทารี่ฟรอสต์สงสัย และเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาได้อาบมานาของป้อมปราการ

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสภาพแวดล้อมของป้อมปราการซึ่งใกล้เคียงกับสมัยโบราณนั้นจะมีความสำคัญมาก แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขาได้มาเห็นและสัมผัสด้วยตาตัวเอง เขาก็ได้ตระหนักถึงทุกอย่างแล้ว ….

ในความคิดของเขาตอนแรกนั้น ที่ในอดีตมีตัวตนที่ทรงพลังมากกว่าปัจจุบันนั่นเป็นเพราะในอดีตมันมีมรดกที่สมบูรณ์อยู่มากมาย ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม

เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณจะมีความหนาแน่นของมานาสูงมาก แต่ในปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆเองก็ล้วนมีพื้นที่ฝึกที่มีความหนาแน่นของมานาสูงเป็นของตัวเองเช่นกัน ขณะที่พื้นที่ฝึกบางแห่งมีมานาที่หนาแน่นกว่าในสมัยโบราณด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงป้อมปราการแสงดาว โซริทารี่ฟรอสต์ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับมานานั้นดีขึ้นสิบถึงยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว และสิ่งนี้มันก็ได้ช่วยปรับปรุงการควบคุมมานาของเขาอย่างมาก

ตามมาตราฐานของเขา เท่าที่เขาประเมิน ถ้าเขาพบสถานที่ฝึกที่เหมาะสมภายในป้อมปราการแสงดาว เขาก็น่าจะปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาของเขาได้ภายในสิบวัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วขึ้นมาได้มากขนาดนี้

สภาพแวดล้อมของป้อมปราการแสงดาวนั้นมันก็ทำให้ต้วนฮันซานประหลาดใจเช่นกัน

แม่งเอ้ย !!! นี่มันไม่ได้เหมือนกับที่ฝ่ายข่าวกรองบอกเลย !!! ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งถึงสองเดือนแน่ !!! ต้วนฮันซานอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความไม่พอใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฝ่ายข่าวกรองของหอการค้าอาซูรายงานมา เพราะพวกนั้นรายงานมาแค่ว่ามานาที่นี่ทำให้ผู้เล่นมีความรู้สึกเฉียบคมมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตามต้วนฮันซานนั้นไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆแล้วฝ่ายข่าวกรองายงานมาถูกแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมในตอนที่ป้อมปราการแสงดาวถูกเปิดขึ้นในตอนแรกนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปวงเวทย์ของป้อมปราการแสงดาวก็สามารถจะดูดซับองค์ประกอบของธาตุมานาทั้งเจ็ดเข้ามาได้มากขึ้น ดังนั้นสภาพแวดล้อมของป้อมปราการจึงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่แทบไม่สังเกตเห็นเรื่องของมานาก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาลจากป้อมปราการแสงดาว

ในระหว่างที่สมาชิกของหอการค้าอาซูกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับมานาของป้อมปราการแสงดาว หญิงสาวผมบลอนด์ที่มีดวงตาสีแดงเข้มในชุดเกราะสีเงิน และถือดาบใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยรูนก็เดินออกมาจากป้อมปราการ

ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นในแถวนั้นเงียบลงทันที เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้

เธอนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟิธาเลีย ผู้จัดการป้อมปราการแสงดาว

ฟิธาเลียนั้นคอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในป้อมปราการทั้งหมด และเมื่อสองวันก่อนเธอก็ได้ทำลายทีมหนึ่งร้อยคนที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมหาอำนาจทั้งหมดด้วยมือเดียว ซึ่งหลังจากได้เห็นการแสดงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเธอแบบนี้แล้ว ผู้เล่นบางคนที่คิดจะก่อปัญหาในป้อมปราการก็ได้ละทิ้งความคิดไปทันที

ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของฟิธาเลียนั้น เป็นผลมาจากการที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ

“สวัสดี พวกคุณเป็นคนจากหอการค้าอาซูใช่ไหม ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกำลังยุ่งอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงเป็นตัวแทนมาพาคุณไปที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ” ฟิธาเลียกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เป็นไปได้ยังไง ?! ดวงตาของโซริทารี่ฟรอสต์เต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นฟิธาเลียเข้ามาต้อนรับทีมของพวกเขา

เขาและฟิธาเลียนั้นก็จัดว่าพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เขาได้พยายามท้าทายเธอมาตลอด และพวกเขาก็ได้ปะทะกันมาหลายสิบครั้ง ซึ่งเขาแพ้รวดทั้งหมด และเขาก็หวังว่าจะได้ท้าทายฟิธาเลียอีกครั้ง หลังจากฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดมา ….

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบ และตัวแทนของแบล๊คเฟรมในการออกมาต้อนรับพวกเขาเข้าสู่ป้อมปราการแสงดาว

นี่คือผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์ของเผ่าศักสิทธิ์เลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!

“ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ ตอนแรกฉันเดาว่าคุณคงไปที่ศาลเจ้าเทพปีศาจเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ …” ต้วนฮันซานกล่าวด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นฟิธาเลีย

ศาลเจ้าเทพปีศาจในหุบเขาดาวนั้นได้กลายเป็นสนามฝึกซ้อมหลักของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนหลายคนแล้ว อันเนื่องมาจากมันมีดินแดนลับที่พิเศษบางแห่งที่เชื่อมต่อกับศาลเจ้าเทพปีศาจอยู่ ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสามารถฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งในดินแดนเหล่านี้ได้ แต่พวกเขายังมีสิทจะได้รับสมบัติล้ำค่าด้วย

แน่นอนว่ามันก็มีแต่เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ที่แข็งแกร่งมากๆเท่านั้น ที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์เหล่านี้ได้ เนื่องจากภายในดินแดนลับนี้มันมีทั้งมอนสเตอร์ และกับดักอันตรายอยู่มากมาย หากผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในขอบเขตอนันต์ทั่วไปเข้าไป พวกเขามีสิทจะตายลงอย่างรวดเร็วแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าไปในศาลเจ้าเทพปีศาจมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจะต้องใช้ทั้งกำลังคนที่มากพอในการป้องกันทางเข้า แถมยังต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่เป็นไอเทมแบบใช้ครั้งเดียวแล้วหมดไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมันก็จะมีเพียงแต่มหาอำนาจต่างๆที่อยู่ใกล้หุบเขาดาวเท่านั้นที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาไปฝึกที่นี่

อย่างไรก็ตามสำหรับฟิธาเลียนั้น สถานการณ์ของเธอมันแตกต่างออกไป เผ่าศักสิทธิ์นั้นมีสถานที่พักกิลชั่วคราวอยู่ภายในป้อมปราการแสงดาว ดังนั้นการเธอทางไปมาที่นั่นมันจึงควรจะง่ายสำหรับเธอมากๆ

“แม้ว่าศาลเจ้าเทพปีศาจจะมีประโยชน์ แต่การฝึกฝนในสนามฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นดีกว่ามาก แต่น่าเสียดายที่สนามฝึกนี้สามารถรองรับคนได้จำนวนจำกัด ไม่งั้นฉันจะใช้มันไปเรื่อยๆเลย” ฟิธาเลียกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เธอส่ายหัว ในขณะเดียวกันดวงตาของเธอก็ฉายแววแห่งความอิจฉาสมาชิกของหอการค้าอาซูออกมาอย่างชัดเจน เนื่องจากความร่วมมือของสภาสิบแปดปีกกับหอการค้าอาซูที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซือเฟิงจึงได้อนุญาติให้รุ่นเยาว์เหล่านี้ของหอการค้าอาซูสามารถฝึกในสนามฝึกขนาดใหญ่ของคฤหาสถ์ได้ฟรีหนึ่งถึงสองวัน

“มันมีสถานที่ที่ดีกว่าศาลเจ้าเทพปีศาจอีกงั้นหรอ ?” ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กับโซริทารี่ฟรอสต์

สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถอย่างเขาและฟิธาเลีย การจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งผ่านการฝึกฝนนั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ ความจริงที่ว่าศาลเจ้าเทพปีศาจสามารถจะช่วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้มันก็น่าอัศจรรย์มากแล้ว ซึ่งหากไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องระยะยางกับกำลังคน หอการค้าอาซูก็จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาฝึกที่นี่เช่นกัน

แต่ตอนนี้ฟิธาเลียกับยืนยันว่าการฝึกในสนามฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นดีกว่าที่ศาลเจ้าเทพปีศาจซะอีก จะให้เขาทำใจเชื่อเธอได้ยังไง ?

“หยุดการสนทนาของเราสักครู่ดีกว่า เวลาของเรามีจำกัด เราควรมุ่งหน้าไปที่คฤหาสถ์ทันที” ฟิธาเลียกล่าวโดยไม่สนใจท่าทีของสมาชิกของหอการค้าอาซู โดยเธอได้นำพวกเขาไปยังคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการทันที