บทที่****193

ชั้นที่สองของหอคอยศิษย์สายตรง

 

 

ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ผู้เชี่ยวชาญหวนคืนต้นกำเนิดถือเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูง

 

พวกเขาควบคุมนิกาย ในขณะที่นิกายปกครองดินแดน

 

หากนิกายไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญหวนคืนกำเนิด นิกายนั้นน่าจะถูกกำจัดในพริบตา

 

เพียงมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนกำเนิเท่านั้น ที่สามารถสืบทอดนิกายได้

 

ผู้นำห้าพิษสามคณะไม่คาดหวังว่านิกายวารีครามจะหาที่ซ่อนของพวกเขาพบ สำหรับปีที่ผ่านมา พวกเขามักใช้เส้นทางใต้ดินเพื่อกลับไปที่ถ้ำของพวกเขา พวกเขาไม่เคยเปิดเผยตัวเองระหว่างเส้นทางกลับของพวกเขา

 

ด้วยการหันส่วนหัวออก ที่ซ่อนของห้าพิษสามคณะส่วนใหญ่ทรุดตัวลง ส่วนที่เหลือยังคงพังทลายลงเนื่องจากหินและโคลนจำนวนนับไม่ถ้วน อย่าได้กล่าวถึงนักสู้ขอบเขตสวรรค์ ถึงแม้จะเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็อาจไม่สามารถต้านทานสถานการณ์ในปัจจุบันได้

 

วืด สึบ วูด…

 

เงาหนีออกมาจากรอยแยกและหนีไปทุกทิศทุกทาง จากสภาวะพลังฉีของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ทั้งหมด

 

“กระจายตัวและกำจัดให้สิ้น” ผู้อาวุโสสูงสุดเซี่ยหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขากำหมัดขวาแน่นและชูขึ้นอีกครั้ง

 

ชูว ชูว ชูว ชูว……

 

เช่นเดียวกับกลีบดอกไม้ที่กระจัดกระจาย เช่นเดียวกับขนของนกยูง ดาบขนาดยักษ์บนท้องฟ้ากระจัดกระจายไปเป็นดาบพลังฉีหมื่นเล่ม ดาบพลังฉีแต่ละเล่นเพียงพอที่จะสังหารนักสู้ขอบเขตสวรรค์

 

“ร่างกายคางคกทอง!”

 

ชายชราสวมเสื้อคลุมสีทองเข้มออกมาพร้อมกับสภาวะพลังฉีของเขา เงาคางคกสีทองห่อหุ้มเขาไว้และปิดกั้นดาบพลังฉีจำนวนมาก

 

“ตุ๊กแกสำรองหาง”

 

ชายชราชุดคลุมน้ำตาลอีกคนหนึ่งเริ่มที่จะหักนิ้วของเขา นิ้วที่แตกสลายกลายเป็นละอองเลือดและก่อตัวเป็นโคลนเลือด โคลนเลือดปิดกั้นการโจมตีและอนุญาตให้ชายชรารักษาชีวิตของเขาไว้

 

“เทคนิคลับระดับ 4 ดาว? น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่อย่างไรเจ้าก็ต้องตาย”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดเซี่ยควบคุมดาบพลังฉีเพื่อโจมตีสองคนนี้

 

บูม! ปั้ง!

 

คนแรกที่ร่วงหล่นคือชายชราเสื้อคลุมทอง คางคกทองที่หุ้มเขาไว้ถูกดาบพลังฉีประมาณหนึ่งโหลเจาะเข้าไปท้ายที่สุดเขาก็ทรุดตัวลง

 

ถัดไปเป็นชายชราเสื้อคลุมน้ำตาล เทคนิคลับระดับ 4 ดาวของเขาค่อนข้างยากที่จะจัดการ เขาสามารถทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายพิการได้ตลอดเวลาเพื่อสร้างโคลนเลือดและป้องกันตัวเขา แต่การก่อตัวของโคลนเลือดช้ากว่าความเร็วในการทำลายของดาบพลังฉี หลังจากการโจมตีดาบพลังฉีสิบเอ็ดเล่ม โคลนเลือดที่อัดแน่นเต็มร่างกายของเขากลายเป็นละอองเลือด

 

“มีแค่สอง?”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดเซี่ยขมวดคิ้ว หลังจากสังหารนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์ไปกว่า 40 คน พลังฉีที่เขาใช้ไปกับดาบพลังฉีมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่เขาเป็นกังวล คือหัวหน้าผู้อาวุโสอีกสามคนของพิษห้าสามคณะ พวกเขาอาจตายใต้พื้นดินหรือไม่?

 

***

 

ห่างออกไป 8 ไมล์

 

“นิกายต้นกำเนิดดาบ!” จ้าวหวูจินคำราม ขณะที่ดาบพลังฉีนับพันถูกยิงไปยังผู้อาวุโสแมงป่องฟ้า

 

ผู้อาวุโสแมงป่องฟ้านั้นค่อนข้างน่ากลัว แม้แต่ในหมู่ผู้อาวุโสนิกายวารีครามด้วยกันเอง เขาก็ได้รับการพิจารณาให้ติดอันดับ 20 อันดับแรก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีทางจัดการกับนิกายต้นกำเนิดดาบของจ้าวหวูจินได้ เขาถูกเชือดตายทันทีด้วยดาบพลังฉีนับไม่ถ้วน

 

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสชั้นในสี่คนจับมือกันเพื่อจัดการกับอาวุโสโซ่แดง หลังจากแลกเปลี่ยนไปหลายสิบกระบวนท่า อาวุโสแดงก็ถูกสังหาร

 

ผู้อาวุโสพันไมล์อีกคนจะยังไม่เห็นตัว

 

หลังจากนั้นหลายชั่วโมง ผู้อาวุโสสูงสุดเซี่ยและคนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้ จากข้อมูลของพวกเขา พวกเขาเข้าใจว่าผู้อาวุโสพันไมล์เชี่ยวชาญในการขุดอุโมงค์ ข้อสันนิษฐานของพวกเขาคือเขาขุดอุโมงค์หนีไปแล้ว

 

ด้วยสิ่งนี้ ทุกคนจึงรู้สึกหมดหนทาง แต่พวกเขาก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน

 

ผู้อาวุโสพันไมล์ไม่สามารถสร้างความสับสนวุ่นวายได้ด้วยตัวเขาเอง

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขากล้าที่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อสร้างความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง นิกายวารีครามสามารถใช้ทรัพยากรบางอย่างเพื่อค้นหาเขาได้

 

โลกนี้กว้างใหญ่ มีทักษะต่อสู้และเทคนิคลับทุกประเภทที่ท่านสามารถจินตนาการได้

 

ในนิกาย มีเทคนิคลับที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการติดตาม ตราบใดที่พวกเขาพบร่องรอยสภาวะพลังฉีของท่าน ท่านก็จะถูกติดตามไปยังสุดขอบโลก

 

ข่าวการทำลายล้างองค์กรเต๋าปีศาจ 15 แห่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ คนที่รู้ข้อมูลมีเพียงตำแหน่งระดับสูงของนิกายวารีครามและส่วนที่เหลือขององค์กรเต๋าปีศาจที่รอดตาย

 

เมื่อเห็นว่านิกายวารีครามแสดงความกล้าหาญของพวกเขาออกมาอย่างไร องค์กรเต๋าปีศาจที่รอดตายไม่กล้าที่จะแข็งขืนอีก พวกเขารู้ว่าได้ตามธรรมชาติว่านิกายวารีครามจะไม่เคลื่อนไหวหากไม่จำเป็น แต่เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว พวกเขาจะบังคับให้เจ้าสูญสิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม ภายในไม่กี่ปีนี้ มันจะดีกว่าหากทำตัวต้อยต่ำเข้าไว้

 

***

 

หลังจากอยู่ที่สาขาที่หกเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลี่ฟูเฉินกลับไปที่นิกายวารีคราม

 

เขาสามารถรู้สึกได้ว่าแคว้นนิกายวารีครามจะมีสันติภาพเป็นเวลานาน ในช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์และฝ่ายโลหิตเหล็กก็จะเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย การพักที่นี่จะเป็นการเสียเวลาเปล่า

 

เขาจำเป็นต้องไปท้าทายหอคอยศิษย์สายตรงอีกครั้งจากนั้นก็ไปยังโลกภายนอกเพื่อฝึกฝนตัวเอง

 

ถูกแล้ว เขากำลังเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังโลกของนักสู้เพื่อฝึกฝน

 

มันไม่ใช่วิถีชีวิตของเขาที่จะฝึกฝนตามปกติ

 

เขาจะไม่รอจนไปถึงขอบเขตสวรรค์ในนิกายวารีครามก่อนและค่อยออกไปสู่โลกภายนอก ชีวิตแบบนี้น่าเบื่อและจืดชืดเกินไป

 

แต่ละระดับของหอคอยศิษย์สายตรงนั้นยากกว่าระดับก่อนหน้ามาก

 

ณ ตอนนี้ ศิษย์หลักเกือบทั้งหมด มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถผ่านชั้นสามของหอคอยศิษย์สายตรงได้ และพวกเขาทั้งสามไม่รวมดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง

 

แน่นอนว่าหลี่ฟูเฉินยังไม่มีความสามารถที่จะท้าทายชั้นสามได้ วัตถุประสงค์ของเขาคือการผ่านชั้นสอง

 

มาถึงที่หอคอยศิษย์สายตรง หลี่ฟู่เฉินเห็นดาบไร้อารมณ์

 

ด้วยเวลาไม่กี่วัน การฝึกฝนของเซี่ยเฟิงนั้นมาถึงระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีแล้ว

 

‘เขาควรมาที่นี่เพื่อท้าทายชั้นสาม!’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง

 

เซี่ยเฟิงเองก็สังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉินเช่นกัน เขาประทับใจหลี่ฟู่เฉินค่อนข้างมาก ในหัวใจของเขา เขาปฏิบัติต่อหลี่ฟูเฉินเหมือนกับมนุษย์ประเภทเดียวกันกับพวกเขาแล้ว (หมายเหตุ : หมายถึงผู้ที่มีความสามารถของโครงกระดูกระดับเดียวกัน)

 

หันกลับมา เซี่ยเฟิงเข้าสู้หอคอยศิษย์สายตรง

 

สักครู่ต่อมา ตะเกียงของชั้นสามสว่างขึ้น

 

“เขาผ่านแล้ว?” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น

 

บนชั้นแรกของหอคอยศิษย์สายตรง รูปแบบการสร้างสัตว์ปีศาจคือระดับ 3 ขั้นกลาง รูปแบบการก่อตัวบนชั้นสองและชั้นสามถูกตั้งค่าให้ผลิตสัตว์ปีศาจชั้นสูง 3

 

แต่ชั้นสองสร้างสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงที่อ่อนแอ ในขณะที่ชั้นสามเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงที่น่าเกรงขาม

 

เดินออกจากหอคอยศิษย์สายตรง สีหน้าของเซี่ยเฟิงกลายเป็นอ่อนโยนมากขึ้น

 

ดาบคลั่งหลงใหลในทักษะดาบ นอกเหนือจากการศึกษาอย่างสันโดษ ก็เป็นการบ่มเพาะ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะออกไปข้างนอกและฝึกฝนสภาวะจิตของตัวเองเลย

 

นอกจากดาบคลั่งและบุคคลที่หายากไม่กี่คน ศิษย์หลักคนอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดก็ออกไปฝึกฝนด้วยตนเอง

 

และเขาเองก็ตั้งใจที่จะออกไปฝึกฝนด้วยตนเอง

 

เขาวางแผนที่จะเสี่ยงดูหากเขาผ่านชั้นสามของหอคอยศิษย์สายตรง

 

“หากเจ้าต้องการที่จะเสี่ยง มันจะเป็นการดีที่สุดหากไปยังแคว้นร้อยเทพยุทธ์ เป็นภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าแคว้นวารีครามเป็นสิบเท่า จะมีโอกาสนับไม่ถ้วนในการเผชิญหน้ากับโชคแลพอันตรายเพื่อฝึกฝนอารมณ์ของตนเอง”

 

เมื่อเซี่ยเฟิงเดินผ่านไหลของหลี่ฟู่เฉิน เขาส่งข้อความไปที่หูของหลี่ฟู่เฉิน

 

หลี่ฟู่เฉินหัวเราะเบาๆ ตำแหน่งในใจของเขาเองก็เป็นแคว้นร้อยเทพยุทธ์

 

มันเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้ปกครองเด็ดขาด มีพลังอิทธิพลมากมายที่อยู่ภายในและนักสู้เองก็มากมายเช่นกัน มีข่าวลือว่ามีหลุมฝังศพของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงซ่อนอยู่ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงดึงดูดนักเดินทางมากมาย

 

เมื่อปริมาณคนเพิ่มขึ้น ก็มีความขัดแย้งมากขึ้นเช่นกัน ไม่ทราบว่ามีนักสู้กี่คนที่เสียชีวิตในแคว้นร้อยเทพยุทธ์ ดังนั้นมันจึงทิ้งทักษะต่อสู้ที่ไม่ซ้ำกันไว้ แคว้นร้อยเทพยุทธ์ถือเป็นสถานที่หนึ่งที่สามารถขอรับทักษะต่อสู้มาได้อย่างง่ายดาย

 

นอกจากนี้ แคว้นร้อยเทพยุทธ์เป็นสถานที่ที่มีอนุสาวรีย์อันตรายมากมาย ว่ากันว่า แคว้นนั้นเป็นที่ที่ผู้เชี่ยวชาญใช้ในการทำสงคราม ดังนั้นตั้งแต่ที่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงหายไป พวกเขาจึงทิ้งรอยจากการต่อสู้ไว้ซึ่งมันก็กลายเป็นอนุสรณ์สถานที่อันตรายยิ่ง

 

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับว่าทำไมเซี่ยเฟิงถึงรู้ว่าเขากำลังออกไปหาประสบการณ์

 

อัจฉริยะทุกคนมีชีวิตที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ มันจะมีเพียงอัจฉริยะอีกคนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจวิธีคิดของพวกเขาได้

 

ในฐานะที่ผู้ท้าชิงก่อนหน้าออกจากหอคอยศิษย์สายตรงแล้ว หลี่ฟู่เฉินจึงเดินไปข้างหน้าหลายก้าวและเข้าไปในหอคอย