บทที่ 2284+2285

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2284 เข้าอาณาจักรมาร 6

กู้ซีจิ่วโยนอัญมณีของเขาไป อุ้มหมาป่าน้อยตัวนั้นขึ้นมา ลูบขนที่ตั้งชันของมันลง

“หมาป่าน้อยตัวนี้มีความพิเศษ ร้อยกษาปณ์มารอย่างมากก็ให้ท่านชมดูได้เท่านั้น ถ้าขายมันต้องได้อย่างน้อยหนึ่งแสนกษาปณ์มาร”

ชายคนนั้นตะลึง

ในที่สุดเขาก็ไม่หมายปองหมาป่าน้อยตัวนี้แล้ว ทอดถอนใจ

“ราคานี้…ไม่มีผู้ใดซื้อได้หรอก นอกเสียจาก…”

“นอกเสียจากอะไร?”

“นอกเสียจากองค์หญิงน้อยของที่นี่จะพึงใจมัน ถึงมีความเป็นไปว่าท่านราชันย์มารจะซื้อมัน มีเพียงพวกเขาที่มีกำลังทรัพย์พอ”

หมาป่าเงินตัวน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก กู้ซีจิ่วดีดหัวมันทีหนึ่ง พลางสอบถามเรื่ององค์หญิงน้อยผู้นั้น

กู้ซีจิ่วจึงได้ทราบจากปากชายคนนั้นว่าองค์หญิงน้อยคือพระขนิษฐาของท่านราชันย์มาร ราชันย์มารโปรดปรานเอ็นดูนางอย่างยิ่ง แทบจะขอสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น

และองค์หญิงน้อยผู้นี้ก็มิใช่คนที่ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจจนเหลิงลำพอง ตรงกันข้าม นางกลับรู้ความยิ่งนัก อ่อนน้อมใจกว้าง รักราษฎรดุจลูกหลาน รูปลักษณ์ก็สิริโฉมยิ่ง ได้รับความนิยมจากประชาชนชาวมารนัก

กู้ซีจิ่วฟังอย่างเงียบงันอยู่ตลอด ไม่น่าเชื่อว่าหนูน้อยที่อยู่ในเข่งสะพายหลังของเธอก็ฟังอย่างจดจ่อยิ่งนักเช่นกัน ราวกับกำลังฟังอย่างเพลิดเพลินได้อรรถรส

“เด็กคนนี้…ลูกเจ้ารึ?”

ในที่สุดสายตาของชายคนนั้นก็หันเหไปที่ใบหน้าของหนูน้อยแล้ว ดวงตาคู่เล็กคู่ใหญ่สบกันแวบหนึ่ง หนูน้อยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง หัวใจชายคนนั้นปานจะหลอมละลาย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

กู้ซีจิ่วหัวเราะฮ่าๆ ไม่ตอบรับทว่าไม่ปฏิเสธ

“เขาน่ารักไหม?”

“นี่เป็นคุณชายน้อยกระมัง? งดงามยิ่ง! ข้ายังไม่เคยพบพานหนูน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย!”

ชายคนนั้นชมเชยอย่างอดใจไม่อยู่

ทว่าสายตาของหนูน้อยคนนั้นกลับจับจ้องอยู่ที่หว่างเอวเขา ป้ายไม้สีทึบอันหนึ่งแขวนอยู่ตรงนั้น

หนูน้อยยื่นมือเล็กๆ ออกไปหาป้ายไม้

ชายคนนั้นหัวเราะฮ่าๆ ใจกว้างนัก ปลดป้ายไม้ตรงหว่างเอวยื่นให้พ่อหนูน้อย

“อยากเล่นสิ่งนี้หรือ? เอ้า ให้เจ้าเล่นแล้วกัน แต่ว่าถ้าถึงปากทางเข้าเมืองแล้วต้องคืนให้ท่านอานะ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ท่านอาจะเข้าเมืองไม่ได้”

มือน้อยๆ ของพ่อหนูคว้าป้ายไม้ไว้ กู้ซีจิ่วก็มองไปที่มือของหนูน้อยแวบหนึ่ง

ป้ายไม้อันนั้นละเอียดประณีต บนป้ายสลักลายเมฆาก้อนหนึ่งไว้ ด้านบนระบุชื่อแซ่และฐานะตัวตนไว้

หลัวเจิ้งพ่อค้าอัญมณี อายุยี่สิบห้าปี

ชัดเจนยิ่งนัก นี่คือป้ายประจำตัวสำหรับผ่านเข้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักรมาร

กู้ซีจิ่วค่อนข้างกลัดกลุ้มยิ่ง ถึงแม้เธอจะปะปนเข้าอาณาจักรมารมาได้ แต่ก็ไม่มีป้ายไม้เช่นนี้จริงๆ เธอเงยหน้ามองไปด้านหน้า ที่ปลายขอบฟ้ามองเห็นกำแพงเมืองสีทึบอยู่ลิบๆ แล้ว

“ฮูหยินท่านนี้ เจ้าก็เอาป้ายประจำตัวมาเตรียมไว้เถิด ด้านหน้าก็คือเมืองฟั่นอินแล้ว”

“ได้สิ…”

กู้ซีจิ่วตอบรับ แสร้งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อครู่หนึ่ง…

จากนั้นก็หน้าถอดสี

“แย่แล้ว! ป้ายประจำตัวข้าหายไป!”

หลัวเจิ้งอุทานคราหนึ่ง

“หายไปได้อย่างไร? ไม่มีป้ายประจำตัวก็เข้าเมืองไม่ได้นะ…”

กู้ซีจิ่วแทบจะร้องไห้แล้ว

“จะทำยังไงดี? ข้ามาสองคนกับลูก เด็กคนนี้ชอบเล่นป้ายประจำตัว เมื่อกี้ข้าส่งให้เขาเอาไปเล่น ลืมเก็บคืนมา คาดว่าคงถูกเด็กคนนี้ทำหล่นหายไประหว่างทางแล้วแน่ๆ!”

เด็กน้อยคนนั้นกำลังเล่นป้ายประจำตัวของหลัวเจิ้งอยู่ จู่ๆ ก็โดนยัดข้อหาให้ จึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตาจ้องกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง

กู้ซีจิ่วไม่สนใจสายตาติเตียนร้องทุกข์ของเขา มองไปที่หลัวเจิ้งด้วยนัยน์ตารื้นน้ำ

“พี่หลัวเจิ้ง ท่านก็เห็นว่าไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะได้เข้ามาสักเที่ยว ท่านให้ข้าอ้างว่าเป็นภรรยาท่าน พาพวกเราแม่ลูกเข้าเมืองไปด้วยได้ไหม”

ถึงแม้ตอนนี้รูปโฉมของกู้ซีจิ่วไม่เลอโฉมเป็นล้นพ้น แต่ดวงตาของเธอราวกับพูดจาได้ ยามที่เอ่ยขอร้องผู้อื่นด้วยเสียงอ่อนหวานเช่นนี้ ย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดคน

—————————————————————————-

บทที่ 2285 เข้าอาณาจักรมาร 7

ใบหน้าหล่อเหลาของหลัวเจิ้งแดงก่ำเล็กน้อย เขาเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง

“เจ้า…เจ้าบอกว่าจะอ้างตัวเป็นเมียข้าหรือ? ข้า…ข้ายังไม่ได้แต่งงาน บนป้ายก็ระบุไว้”

บนป้ายไม่นั้นเขียนคำว่า ‘เป็นโสด’ สองคำไว้จริงๆ

กู้ซีจิ่วเอ่ยไปอีกว่า

“ก็ไม่จำเป็นหรอก แค่บอกว่าข้าเป็นพี่สาวของเจ้าอะไรก็ได้…”

หลัวเจิ้งมีสีหน้าลำบากใจ

“แม่นาง เจ้าก็รู้ ทุกคนที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรมารได้ล้วนถูกตรวจสอบประวัติครอบครัวอย่างชัดเจนแล้ว ข้า…ข้าโดดเดี่ยวลำเค็ญมาตั้งแต่เล็ก พี่น้องสักคนก็ไม่มีเลย…เรื่องพวกนี้เหล่าทหารรักษาการณ์ของอาณาจักรมารล้วนทราบกระจ่างยิ่ง อีกอย่างการเข้าเมืองก็ใช้หนึ่งป้ายต่อหนึ่งคน ต่อให้มาพร้อมกันทั้งตระกูล นอกจากเด็กที่ยังไม่เติบใหญ่แล้ว ล้วนต้องมีป้ายประจำตัวทั้งสิ้น”

กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง

ช่างเถอะ ถ้าเธอเข้าไปตรงๆอย่างถูกต้องตามกฎไม่ได้ ประเดี๋ยวค่อยหาจังหวะเคลื่อนย้ายเข้าไปก็ได้!

ขณะที่เธอกำลังจะอ้างว่าปวดฉี่แล้วขอลงจากรถม้า เด็กน้อยอยู่ในเข่งสะพายหลังของเธอก็สะบัดมือคราหนึ่ง เกิดเสียงดัง แกรกๆ ขึ้นสองครา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีป้ายไม้หล่นลงมาสองอัน ร่วงลงตรงแทบเท้าของหลัวเจิ้งพอดี หลัวเจิ้งจึงหยิบขึ้นมาตามสัญชาตญาณ พลันยิ้มแล้วเอ่ยว่า

“แม่นางน้อย ป้ายประจำตัวเจ้าอยู่นี่ไง ที่แท้เจ้าก็ทำสิ่งนี้หล่นไว้ในผ้าอ้อมของลูกชายเจ้า…”

พลางยื่นป้ายไม้มาให้

กู้ซีจิ่วรับป้ายไม้อันนั้นมากวาดตามองแวบหนึ่ง ลวดลายบนป้ายก็เป็นลายเมฆาเช่นกัน

ระบุประวัติฐานะของกู้ซีจิ่วไว้

‘หวาซวี่เยวี่ยปรมาจารย์สัตว์วิญญาณ อายุยี่สิบปี สมรสแล้ว’

ทักษะการปลอมแปลงของเจ้าตัวเล็กแกร่งกล้ายิ่ง!

ในระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างของเลียนแบบป้ายประจำตัวเช่นนี้ออกมาได้แล้ว! แถมมองจากลวดลายและวัสดุแล้ว แทบจะเหมือนกับของหลัวเจิ้งผู้นั้นเป๊ะเลย!

แถมชื่อปลอมที่ตั้งให้เธออย่างกะทันหันก็ไพเราะยิ่ง มีวรรณศิลป์ยิ่งนัก

เจ้าหนูนี่เป็นสิ่งใดมาเกิดกันแน่?

ซุนหงอคงหรือ?

สุ่มดึงขนออกมาสักเส้นก็เสกเป็นป้ายประจำตัวได้สินะ?

เจ้าตัวเล็กใช้ผมไฟของเขาสร้างป้ายประจำตัวนี้ขึ้นมาหรือเปล่านะ?

กู้ซีจิ่วมองเด็กน้อยแวบหนึ่งอย่างอดไม่อยู่ ตั้งใจมองเส้นผมของเขาเป็นพิเศษ

เด็กอายุไม่กี่เดือนเท่านั้น เส้นผมกลับดูดกหนายิ่ง

เจ้าตัวเล็กอ้าปากหาวคราหนึ่ง จากนั้นก็หดลงไปในเข่ง หลับตาพักผ่อนแล้ว

“เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ!”

หลัวเจิ้งมิใช่คนที่ชื่นชอบเด็กเป็นพิเศษ แต่พอเห็นเด็กคนนี้แล้วก็ยังอยากลองอุ้มดู

กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

เอ่ยเสริมอยู่ในใจประโยคหนึ่ง

‘เป็นเด็กวิปริต สิถึงจะถูก!’ ไม่รู้ว่าเป็นบิดามารดาเช่นใดกันที่ให้กำเนิดทารกเช่นนี้ออกมา

มีป้ายประจำตัวแล้ว กู้ซีจิ่วย่อมเข้าเมืองได้โดยไร้กังวล

ในเมืองครึกครื้นจอแจ คนสัญจรไปมา รุ่งเรืองคึกคักอย่างยิ่ง

ร้านรวงเรียงรายสองฟากถนน บ้านเรือนตั้งเรียงอย่างมีแบบแผน รูปแบบของสิ่งปลูกสร้างก็มีรสนิยมยิ่ง ทุกแห่งแฝงความสง่างามเรียบง่ายอย่างหนึ่งไว้ ทำให้กู้ซีจิ่วเกือบสงสัยแล้วว่าได้ทะลุมิติมายังยุคราชวงศ์ชิงราชวงศ์หมิงอันรุ่งโรจน์…

ไม่น่าเชื่อว่าอาณาจักรมารจะได้รับการบริหารจัดการจนสงบสุขเช่นนี้ เห็นทีว่าราชันย์มารตนนี้จะมีความสามารถเหนือธรรมดาโดยแท้!

กู้ซีจิ่วนึกถึง ‘ชาวเผ่า’ ของตนขึ้นมา ลอบทอดถอนใจอยู่ภายใน

หากว่าคนเหล่านั้นได้มาที่นี่ อยู่ที่นี่อย่างผาสุกร่มเย็น เช่นนั้นจะดีมาก!

เพียงน่าเสียดายที่พวกเขาเป็นคนธรรมดา บนร่างไม่มีไอมารเหมือนชนพื้นเมืองของที่นี่ ไม่สามารถดำรงชีวิตที่นี่ได้…

เห็นได้ชัดว่าหลัวเจิ้งเป็นแขกประจำของที่นี่ สินค้าของเขามีร้านที่รับซื้อโดยเฉพาะ ข้าวของทั้งคันรถของเขาถูกลากไปขายให้ร้านค้าที่คุ้นเคยกันดีแล้ว

ขายได้ราคาไม่เลวเลย หลัวเจิ้งมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ถามกู้ซีจิ่วที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอดว่าวางแผนไว้อย่างไร?