กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1117 แก่งแย่ง

“หยุดเดี๋ยวนี้”

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนได้หยุดการเคลื่อนไหวของจอมมารไว้

“ปล่อยเขาไป”

ทุกคนต่างหันมามองกู้ชูหน่วน

“ปล่อยเขา? เขาเป็นถึงขั้นกลางระดับเจ็ด ไม่มีใครในโลกที่สามารถเอาชนะเขาได้”

“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนวางเซี่ยวอวี่เซวียนลงอย่างไม่เต็มใจพร้อมกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

“เยี่ยจิ่งหาน ในที่สุดเจ้าก็หายดีแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”

“อาหน่วน……”

“อาม่อ วรยุทธ์ของเจ้ากลับคืนมาแล้ว ข้าเองก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”

“พี่หญิง อาม่อเองก็ขึ้นไปสู่ขั้นเจ็ดแล้ว อาม่อเองก็เป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เป็นเจ้าสุนัขน้อยขี้อ้อนที่หลงใหลในภรรยาอันเป็นที่รัก”

กู้ชูหน่วนหันไปยิ้มให้พวกเขา

หัวใจของจอมมารเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ แต่เขาไม่เห็นรอยยิ้มของกู้ชูหน่วน

มีบางอย่างที่ผิดปกติไป

และหากกล่าวว่าสิ่งผิดปกตินั้นคืออะไร มันคงเป็นความโศกเศร้าและความเจ็บปวด

แต่เยี่ยจิ่งหานสัมผัสได้ถึงความผิดปกตินี้

เขากลัวว่ากู้ชูหน่วนจะได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว

ดวงวิญญาณทั้งเจ็ดยังไม่หลอมรวม หากความทรงจำของนางกลับคืนมา เกรงว่าชีวิตของนางคงเดินทางมาถึงจุดจบแล้ว

เขากุมมือของกู้ชูหน่วนไว้ “อาหน่วน คนตายไม่อาจฟื้นคืน ระงับความเศร้าโศก เรื่องทั้งหมดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”

ฝูกวงและลั่วอิ่งรีบเข้ามาทันที

เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นเซี่ยวอวี่เซวียนกำลังนอนจมอยู่บนกองเลือด

สีหน้าของฝูกวงดูไม่ได้

ร่องรอยของความเจ็บปวดและการตำหนิตัวเองฉายออกมาในดวงตาของลั่วอิ่ง

เป็นเพราะเขา

ทั้งหมดเป็นเพราะเขา

หากเขาไม่จัดการกับคนในจวนแม่ทัพ

เซี่ยวอวี่เซวียนจะบุกทำลายเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไร ที่เหวินเส่าอี๋ตามแก้แค้นเซี่ยวอวี่เซวียน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขา

คนที่สมควรตายที่สุดน่าจะเป็นเขา

ควับ……

หยางเหมยและเฉินหลิงฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจ ยกร่างของเซี่ยวอวี่เซวียนบินหนีไปทันที

ลั่วอิ่งเตรียมก้าวออกไป คิดจะชิงร่างของเซี่ยวอวี่เซวียนกลับคืนมา

กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาว่า “ปล่อยพวกเขาไปเถิด เฉินหลิงเป็นคู่หมั้นของเซี่ยวอวี่เซวียน นางรักและเป็นห่วงเสี่ยวเซวียนเซวียนมากกว่าใคร”

“นายท่าน……”

“ฝูกวง เจ้าไปนำแผ่นอักษรสีเหลืองมา”

ฝูกวงชำเลืองมองทุกคน

เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่นี่ จอมมารเองก็อยู่ที่นี่ เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยกองกำลังของกองทัพอี้ก็ไม่อาจแย่งชิงแผ่นอักษรสีเหลืองไปได้

ฝูกวงถึงนำแผ่นอักษรสีเหลืองออกมา

เมื่อแผ่นอักษรสีเหลืองปรากฏออกมา ทุกคนต่างให้ความสนใจ

โดยเฉพาะคนของกองทัพอี้

ผู้อาวุโสอวี๋กล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท มอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้แก่หวงกุ้ยจวินได้หรือไม่ ไม่ว่าฝ่าบาทมีเงื่อนไขอะไร พวกข้าล้วนยินดี”

ขณะที่กำลังลูบผมของเขา จอมมารกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าคิดอะไรอยู่ แผ่นอักษรสีเหลืองเป็นของพี่หญิงคนเดียวเท่านั้น”

ตราบใดที่จิตวิญญาณครึ่งหนึ่งถูกหลอมรวมกับแผ่นอักษรสีเหลือง พี่หญิงของเขาก็สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง

นอกจากพี่หญิง ไม่มีใครมีสิทธิ์จะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองไปทั้งนั้น

เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “อี้หยุนเฟย หากเจ้ายอมปล่อยแผ่นอักษรสีเหลืองไป ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดข้าล้วนเต็มใจมอบให้เจ้า”

ไม่รอให้อี้หยุนเฟยกล่าวออกมา พวกของผู้อาวุโสอวี๋ก็ไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป

“พวกเจ้าทั้งสองจะมากเกินไปแล้ว พวกเจ้าก็รู้ว่านายท่านน้อยของข้าต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองเพื่อรักษาชีวิต แต่พวกเขากลับคิดจะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองไปจากเขา หัวใจของพวกเข้าทำด้วยสิ่งใด? หรือพวกเจ้าเพียงต้องการความโปรดปราน?”

นอกจากความโปรดปราน เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าเหตุใดต้าเฟิงโห้วและเสี่ยวเฟิงโห้วถึงได้ต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองมากถึงเพียงนี้

เพียงแต่……

เหตุผลที่เสี่ยวเฟิงโห้วต้องการแย่งชิงแผ่นอักษรสีเหลือง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะต้องการแย่งชิงความโปรดปราน

เหวินเส่าอี๋เฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา

กองทัพอี้และพวกของเยี่ยจิ่งหานกำลังอยู่ในสภาวะสงคราม

แม้ว่าจอมมารจะอยู่เพียงลำพัง ไม่มีลูกน้องคอยติดตาม แต่ตัวเขาเพียงคนเดียวก็เทียบได้กับกองทหารนับพัน ไม่ง่ายที่จะเข้าไปก้าวก่าย

และในช่วงเวลานั้น ความวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้น

พวกของฝูกวงชักดาบออกมา “นายท่าน พวกเราจะช่วยใคร?”

กู้ชูหน่วนนำแผ่นอักษรสีเหลืองมาจากมือของฝูกวง จากนั้นก้าวไปด้านหน้าของอี้หยุนเฟย มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของนางอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ “เสี่ยวหยุนเฟย ขอบใจเจ้ามาก ขอบใจที่เจ้ายอมสละชีวิตของเจ้าเพื่อช่วยข้าโดยไม่คิดถึงชีวิตตนเอง แผ่นอักษรสีเหลืองนี้ เจ้ารับไว้เถิด”

ควับ……

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

เยี่ยจิ่งหานไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาได้เห็น

จอมมารทำกำลังที่กำลังลูบผมของเขาอยู่ถึงกับแข็งทื่อ

ฝูกวงอ้าปากค้าง

ลั่วอิ่งกล่าวออกมาว่า “นายท่าน กรุณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน”

แสงอันเยือกเย็นที่แสนจะน่าหวาดกลัวส่องประกายในดวงตาที่ว่างเปล่าของเหวินเส่าอี๋

ไม่นานเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยาม

เขาเกือบจะยืมไปแล้ว

ในใจของนาง เขาไม่เคยมีค่ามาตั้งแต่แรกแล้ว

ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่เคยอยู่ข้างเขา

และเวลานี้นางจะมาอยู่ข้างเขาได้อย่างไร

อี้หยุนเฟยมองแผ่นอักษรสีเหลืองด้วยความตะลึงงัน “มอบ……มอบให้ข้า?”

นางเองก็ต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองมากไม่ใช่หรือ?

สิ่งของที่ล้ำค่าเช่นนี้ นางบอกว่าจะให้ก็ให้เลยงั้นหรือ?

ผู้อาวุโสอวี๋กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น “นายท่านน้อย ในเมื่อฝ่าบาททรงมอบให้ท่าน เช่นนั้นท่านก็รีบรับมันไว้เถิด”

เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาว่า “ใครที่รับแผ่นอักษรสีเหลืองไป ข้าเยี่ยจิ่งหาน จะไล่ล่ามันผู้นั้นจนสุดชีวิต”

“เจ้าเห็นกองทัพอี้ของพวกข้าเป็นสัตว์กินพืชอย่างนั้นหรือนายท่านน้อย รีบรับมันไว้เร็ว”

จอมมารกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “อี้หยุนเฟย เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนหากเจ้ารับแผ่นอักษรสีเหลืองนั่นไว้”

“ฮึ พวกเจ้าไม่เห็นหัวพวกข้าเลยหรืออย่างไร หากพวกข้ายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้พวกเจ้าอยู่ในขั้นเจ็ดแล้วอย่างไร คิดว่าพวกข้ากลัวอย่างนั้นหรือ?”

อี้หยุนเฟยส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าแผ่นอักษรสีเหลืองสำคัญกับเจ้ามา เจ้าเก็บไว้เถิด น้ำใจของเจ้าในครั้งนี้มันก็ทำให้ข้ามีความสุขมากแล้ว”

ผู้อาวุโสอวี๋ตกใจ “นายท่านน้อย……”

“ฝ่าบาท ช่วงนี้นายท่านน้อยไม่สบาย สมองไม่ปลอดโปร่ง ข้าขอรับไว้แทนนายท่านน้อย”

ผู้อาวุโสอวี๋ยื่นมือออกมา คิดจะรับแผ่นอักษรสีเหลืองไว้

ทันใดนั้น จิตสังหารจำนวนมากมุ่งไปยังมือของผู้อาวุโสอวี๋

กู้ชูหน่วนไม่สนใจคำเตือนของทุกคน นางนำแผ่นอักษรสีเหลืองใส่มือของอี้หยุนเฟยด้วยตัวของนางเอง

“ในเมื่อมอบให้เจ้าไปแล้ว เจ้าก็รับไว้เถิด ข้าไม่เคยมอบของขวัญให้เจ้ามาก่อน แผ่นอักษรสีเหลืองนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้า”

อี้หยุนเฟยถือแผ่นอักษรสีเหลืองไว้ในมือราวกับแบกรับภูเขาอันหนักอึ้ง

ดวงตาของเขาเป็นสีแดง “น้องหญิง……”

กู้ชูหน่วนมอบรอยยิ้มอันอบอุ่นให้เขา จากนั้นก็หันไปมองที่เยี่ยจิ่งหานและจอมมาร

“ข้ามอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้อี้หยุนเฟยด้วยความเต็มใจ หากใครแย่งมันไปจากเขา ต้องก็ข้ามศพข้าไปก่อน แม้พวกเจ้าจะแย่งแผ่นอักษรสีเหลืองกลับมาได้ก็ตาม แต่ข้าก็ไม่มีวันใช้ประโยชน์จากมัน”

“อาหน่วน”

“พี่หญิง”

“เก็บไว้ให้ดี จำเอาไว้ว่าเจ้าต้องรีบให้ผู้อาวุโสอวี๋ใช้มันเพื่อช่วยชีวิตของเจ้าให้เร็วที่สุด”

พวกของผู้อาวุโสอวี๋คุกเข่าลง ก้มศีรษะอย่างเต็มใจ “ขอบพระคุณฝ่าบาท หากในอนาคตฝ่าบาททรงมีรับสั่ง พวกข้าจะตอบแทนท่านเป็นแน่ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”

แม้ว่าเยี่ยจิ่งหานและจอมมารไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ยอมแพ้

เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะยอมให้แผ่นอักษรสีเหลืองตกอยู่ในมือของอี้หยุนเฟยเช่นนี้

แม้ว่าจะทำให้นางขุ่นเคือง พวกเขาก็ไม่มีวันยอมเป็นอันขาด

“แคก แคก……”

เหวินเส่าอี๋กระอักเลือดออกมา

เวลานี้เขายืนขึ้นมา แต่ไม่อาจทรงตัวได้ เขาทำได้เพียงยืนพิงต้นไม้ และก็ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานและจอมมารร่วมมือกันอย่างไรถึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

กู้ชูหน่วนค่อย ๆ ก้าวมาด้านหน้าของเหวินเส่าอี๋ “เสี่ยวเซวียนเซวียนตายไปแล้ว ความแค้นในใจของพวกเจ้าลดลงบ้างแล้วหรือไม่”

“ฮึ……แต่เจ้ายังมีชีวิตอยู่”

“หากข้าตายไป เช่นนั้นจะทำให้ความแค้นในใจของเจ้าดับสลายงั้นหรือ”

เหวินเส่าอี๋หันหน้านี้ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ก็จริง ชีวิตคนนับหมื่น แลกมากับชีวิตของเสี่ยวเซวียนเซวียนเพียงคนเดียวจะทำให้ความแค้นของเจ้าสิ้นสุดลงได้อย่างไร เช่นนั้น……หากรวมข้าเข้าไปด้วยเล่า?”

แครก……

ในมือของกู้ชูหน่วนมีกริชปรากฏออกมาหนึ่งเล่ม

ไม่มีใครคิดมาก่อนว่านางจะใช้กริชแทงเข้าที่หัวใจของตนเองอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากร่างกายของกู้ชูหน่วน