ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 492 กล้ามอบกระบวนทัพให้เจ้า ย่อมมีวิธีควบคุมเจ้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวงกวงเลี่ย มุมปากค่อยๆ โค้งขึ้น “สำหรับที่พึ่งพาที่พวกเจ้าเจอในโลกซ้อนโลก โลกแปดพิภพในสายตาของพวกเขาเหมือนกับที่อยู่ที่ค้นพบชั่วคราว สิ่งที่พวกเขาต้องการคือผู้คุมที่เชื่อฟังคำสั่งและมีความสามารถ เพื่อเป็นผู้นำสารของพวกเขา ช่วยเขาปรับปรุงโลกใบนี้”

“เนื่องจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่านได้รับการติดต่อจากพวกเขา จึงได้โอกาสก่อนใคร พวกเขามอบผลประโยชน์ให้กับพวกท่านจำนวนหนึ่งโดยไม่เสียดาย”

“แต่ถ้าพวกท่านทำไม่สำเร็จ กลายเป็นเพียงโคลนที่ฉาบกำแพงไม่ได้ อีกฝ่ายย่อมต้องเปลี่ยนผู้รักษาการณ์ที่มีความสามารถยิ่งกว่า”

“หากสืบสาวจนถึงที่สุดแล้ว ผู้รักษาการณ์จะเป็นใครล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือจะปกป้องผลประโยชน์ในโลกแปดพิภพของพวกเขาได้หรือไม่”

“แน่นอนว่าใช้คนแปลกหน้าย่อมสู้ใช้คนคุ้นเคยไม่ได้ ถ้าหากศักยภาพในการพัฒนากับพลังใกล้เคียงกัน อีกฝ่ายย่อมเอนเอียงไปทางพวกท่านมากกว่าเดิม”

“แต่พวกท่านต้องการพิสูจน์ตนเอง เพื่อให้คุ้มค่าที่อีกฝ่ายช่วยเหลือ”

ชายหนุ่มแบมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่ข้าเดาอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็น่าจะใกล้เคียงกระมัง?”

ในตอนที่หวงกวงเลี่ยได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงโลกซ้อนโลก สีหน้าของก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย “ที่แท้พวกเจ้าก็ทราบถึงการดำรงอยู่ของโลกซ้อนโลก?”

สีหน้าของเขากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว สายตากวาดมองเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋อย่างเรียบเฉย “พวกเจ้าสองพ่อลูกเป็นอัจฉริยะจริงๆ”

“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าการทำสงครามกับปีศาจอัคคี และนพยมโลกในครั้งนี้เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม”

“แต่ก่อนที่เยียนตี๋เจ้าจะเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่พวกเจ้าเขากว่างเฉิงจะแสดงค่ายกลที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องกล่าวว่า ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโอกาสในครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย”

“ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ถ้าหากว่าครั้งนี้ไม่ร่วมมือกับพวกเจ้าจัดการปีศาจอัคคี สำนักของข้าก็คงต้องเจอกับอันตราย”

สายตาอันเรียบเฉยของหวงกวงเลี่ยสุดท้ายจับจ้องอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอ “จัดการเจ้าก่อนแล้วกัน จะได้ไม่เกิดเพทภัยมากมายตามมา เพราะมาถึงตอนนี้ ความเร็วในการเติบโตของเจ้ายังเร็วกว่าเยี่ยนตีเสียอีก”

“เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ส่งผลเสียต่อสำนักของข้ามากมาย ล้วนมีเงาของเจ้าอยู่ ข้าเก็บเจ้าไว้ไม่ได้”

ขณะที่พูด หวงกวงเลี่ยก็ยกมือขึ้น แสงสีทองบดบังฟ้าดิน ครอบคลุมมาหาเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมีท่าสีสบายอารมณ์ “หวงกวงเลี่ย พลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองของท่านสูงส่งนัก ตัวท่านเองก็ค่อนข้างมีฝีมือในด้านวรยุทธ์”

“แต่ท่านนึกว่าค่ายกลไท่อีถล่มทลายของข้าทำความเข้าใจได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

เขาแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “เหตุใดจึงคิดไม่ออกเล่า? ในเมื่อกล้ามอบกระบวนทัพส่วนหนึ่งให้ท่าน ข้าย่อมมีวิธีควบคุมท่านเช่นกัน”

เสียงเพิ่งจะขาดลง ค่ายกลไท่อีถล่มทลายก็สั่นสะเทือนเสียงดังสนั่น ร่างมายาสีทองที่มาแทนตำแหน่งของหวงกวงเลี่ยที่ใจกลางค่ายกลค่อยๆ ถูกแสงสีทองโจมตี

ร่างแสงที่เป็นสีทองในตอนแรก ยามนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว!

ขณะมองดูเยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ในใจของหวงกวงเลี่ยก็บังเกิดความกระสับกระส่ายอย่างรุนแรง

แต่ไม่รอให้เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวต่อ ก็พบว่าบนร่างของตัวเองมีแสงสีขาวห่อหุ้มอยู่ชั้นหนึ่ง

หวงกวงเลี่ยขับเคลื่อนความคิด คิดพุ่งตัวออกจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

แต่ว่าภายใต้การสั่นไหวของแสงสีขาว ร่างของเขาเพิ่งเคลื่อนที่ ก็ถูกดึงกลับมายังตำแหน่งใจกลางค่ายกลอีกครั้งเสียแล้ว

ร่างมายาที่กลายเป็นสีขาว รวมเข้ากับร่างกายของหวงกวงเลี่ย โซ่แสงสีขาวมากมายพันบนร่างของเขา ดึงเขาลงมาที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนที่อยู่ใจกลางทะเลเพลิงด้านล่างพร้อมกับโลกสีขาว

หวงกวงเลี่ยร้องคำรามด้วยความโมโห แสงอาทิตย์สีทองทั่วร่างส่องสว่าง แต่ว่าภายใต้ผลของค่ายกล แสงสีทองกลายเป็นแสงสีขาวจนหมด แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังค่ายกล

เยี่ยนตี๋มีสีหน้าใจเย็นตั้งแต่ต้นจนจบ เขากล่าวอย่างราบเรียบว่า “หวงกวงเลี่ย อย่าลืมว่าข้าเป็นผู้นำค่ายกลนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวงกวงเลี่ย รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นเย็นชา “วันหน้าพวกเราค่อยคิดบัญชีกัน ตอนนี้ทำอย่างที่ท่านว่า ตั้งสมาธิรับมือกับปีศาจอัคคีอย่างว่าง่ายเถอะ”

หวงกวงเลี่ยมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก คล้ายกับต้องการสลักหน้าตาของเขาไว้ในไขกระดูก

ผู้อาวุโสม่อกับซ่งอู๋เลี่ยงมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย ฝ่ายผู้อาวุโสม่อดูเหม่อลอย ส่วนสีหน้าของซ่งอู๋เลี่ยงเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วคั้งล่า จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สีหน้าของเขามีความแปลกใจอยู่บ้าง “ตามคำกล่าวของคนแซ่หวง คนในโลกซ้อนโลกไม่ยอมให้นพยมโลกและปีศาจอัคคีทำลายโลกแปดพิภพตามอำเภอใจ ถ้าเหตุการณ์ไปถึงขั้นที่กลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พวกเขาถึงจะลงมือหรือ?”

หวงกวงเลี่ยปิดปากไม่พูดจา

ซ่งอู๋เลี่ยงรู้สึกฝาดขมในปาก “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะลงมืออย่างไร ถ้าหากทำได้จริงๆ เช่นนั้นทั้งหมดที่พวกเราทำในตอนนี้ การเสียสละทั้งหมด จะมีความหมายใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเรียบๆ “ย่อมมีความหมายขอรับ สิ่งที่อีกฝ่ายเป็นคิดก็คือ ไม่ต้องการให้โลกใบนี้พังทลายเพราะมารจริงแท้จากนพยมโลก หรือแม้กระทั่งจากน้ำมือของปีศาจอัคคี แต่ว่าในช่วงเวลานี้มีใครตายไปบ้าง พวกเขาคงไม่ใส่ใจเป็นแน่”

“เหมือนสุภาษิตที่ว่า แปลกหน้าไม่สู้รู้จัก สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาอาจจะยอมช่วยดูสักครั้ง แต่สำหรับคนอื่นนั้นไม่แน่นอน”

“บางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากได้คนที่มีความสามารถจำนวนหนึ่งจากโลกแปดพิภพ เพื่อให้พวกเขารับเข้าสำนัก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง หวังว่าจะรวบรวมยอดฝีมือที่มีศักยภาพและมีคุณสมบัติจำนวนหนึ่งในโลกแปดพิภพที่เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สาม เให้เข้าร่วมกับพวกเขา และเสริมความแข็งแกร่งของพวกเขา”

“แต่ว่าคนเช่นนี้ก็มีอยู่น้อยเต็มที”

“ส่วนสำหรับพวกเราแล้ว คนที่ไม่อยากจะสูญเสียไปมีมากมายนัก”

ซ่งอู๋เลี่ยงได้ยินก็พยักหน้าอย่างเงียบงัน ตำแหน่งของเมืองทะเลมรกตอยู่ตรงกลาง ระหว่างปฐพีพิภพและทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ได้รับผลกระทบจากการคุกคามของนพยมโลกและปีศาจอัคคีที่สุด

ผลทบกระที่เกิดขึ้นจากโลกซ้อนโลกก่อนหน้านี้สลายไปแล้ว จิตใจของซ่งอู๋เลี่ยงมั่นคงอีกครั้ง เขาตระหนักได้ว่า คนเราเกิดมา สุดท้ายต้องพึ่งตัวเอง

จอมยุทธ์ที่ฝึกปรือย่างเขามีจิตใจแน่วแน่มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อถูกสั่นคลอนจิตใจจากข้อมูลของโลกซ้อนโลกสั่นไหว ก็เกิดความคิดพึ่งพาอาศัย ในตอนนี้จิตใจมั่นคงขึ้นอีกครั้ง ความคิดก่อนหน้าจึงหายไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองบนท้องฟ้า

หวงกวงเลี่ยถูกลากกลับมาในค่ยกล ภายใต้การทำงานของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย แสงที่เกิดจากตะเกียงสีทองเหนือศีรษะเขาถูกทำลายไป

ดินแดนปริศนากลางท้องฟ้าก็หายไปเช่นกัน

ทว่าหลังจากแสงวิญญาณหายไปได้ไม่ทันไร ท้องฟ้าก็เกิดการสั่นไหว มีแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นด้านบน

ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอหดตัวลง ก่อนจะพบว่าด้านนอกค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย มีตะเกียงสีทองที่รูปร่างเหมือนกันไม่มีผิดลอยขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

ไฟตะเกียงสีทองทะลุค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย กลายเป็นแสงครอบคลุมหวงกวงเลี่ยไว้อีกครั้ง

ลำแสงพุ่งขึ้นฟ้า ทะลุท้องนภาอีกหนหนึ่ง!

ดินแดนปริศนาแห่งนั้นกับร่างที่อยู่ระหว่างสองโลกปรากฏขึ้นใหม่

ภายใต้การครอบคลุมของแสงสว่าง หวงกวงเลี่ยส่งเสียงกู่ร้อง ฉวยโอกาสเคลื่อนไหว!

แต่ว่าในตอนนี้เอง เขารู้สึกว่าด้านบนศีรษะมืดลง ครั้นเงยหน้าก็มองเห็นเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎขึ้นที่ด้านข้างแสงนั้น จากนั้นชายหนุ่มยื่นมือออกไปในแสง ประคองเตาเครื่องหอมสีดำอันหนึ่งไว้

แสงอันเลือนราง ทว่ายิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ในตอนนี้ทะลักเข้าไปในเตาเครื่องหอมสีดำ เหมือนกับแม่น้ำร้อยสายไหลลงสู่ทะเล!

เยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้าลงมองหวงกวงเลี่ย หัวเราะขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าจะควบคุมท่าน รออย่างเชื่อฟังเถอะ”