AST
บทที่1852 – ฉลองจันทรา ชายคือตัวแทนพลังแห่งหยาง หญิงคือตัวแทนพลังแห่งหยิน
เวลาผ่านไปในชั่วพริบตาวันเฉลิมฉลองจันทราสำหรับเด็กครบรอบ 1 เดือนก็มาถึง ชิงสุ่ยอาศัยอยู่ที่นี่ได้ 1 เดือนโดยที่เขาแทบไม่รู้ตัว แต่ในวันนี้ชิงสุ่ยก็ไม่ได้เชิญใครมาเข้าร่วมพิธี มีเพียงแค่เขาและจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่ร่วมรับประทานอาหาร
เนื่องจากมีเพียง2 คนเท่านั้นที่ร่วมรับประทานอาหาร ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารมากมายนัก บนโต๊ะมีเพียงแค่สุราและอาหารจานเนื้อ โดยที่จักรพรรดินีผีดูดเลือดกุ้งลูกน้อยและจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังชวนเธอพูดคุยเหมือนที่ทำเป็นปกติ
ความเป็นครอบครัวมันทำให้เธอมีความสุขแล้วมันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหาคนดีเด่นแบบนี้มาคอยทำอาหารให้เธอและลูกสาวของเธอ
เด็กทารกเป็นวัยที่หลับง่ายก่อนที่ชิงสุ่ยจะเตรียมอาหารเย็นเสร็จสิ้น เด็กน้อยก็หลับไปแล้ว จักรพรรดินีผีดูดเลือดยังคงยืนเคียงข้างชิงสุ่ยและมองดูการทำอาหารของเขา ตัวเธอไม่รู้วิธีการปรุงอาหารจึงไม่อาจช่วยเหลืออะไรชิงสุ่ยได้เลย
”ชิงสุ่ย!!”จักรพรรดินีผีดูดเลือดเรียกชื่อของเขา
”มีอะไรผิดปกติหรือ?”ชิงสุ่ยหันกลับมามองจักรพรรดินีผีดูดเลือดอย่างฉับพลัน
สำหรับหญิงสาวที่สง่างามและมีเกียรติเช่นจักรพรรดินีผีดูดเลือดไม่ว่าจะมองทางใดก็ดูออกอย่างชัดเจนว่าคนประเภทนี้ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการอยู่ในครัว ซึ่งตัวเธอเองก็ได้แต่ยืนงุนงง ความจริงแล้วสายตาของเธอเมื่อมองดูชิงสุ่ยจากภายนอก เขาดูไม่เหมือนพ่อครัวเอาซะเลยแต่ถึงกระนั้น เขากลับสามารถผลิตและปรุงอาหารรสชาติน่าอัศจรรย์ออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
”ผู้หญิงทุกคนจะต้องเรียนรู้วิธีการทำอาหารอย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ชิงสุ่ยยิ้ม”ชายหญิงทุกคนล้วนเท่าเทียม ไม่มีกฏใดบนโลกใบนี้บอกว่าหญิงสาวจะต้องเรียนรู้วิธีการทำอาหาร”
”ความเท่าเทียม?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดยิ้มขณะกล่าวถาม
”โลกใบนี้เกิดขึ้นได้จากหญิงและชาย ผู้ชายคือตัวแทนพลังแห่งหยาง และผู้หญิงคือตัวแทนพลังแห่งหยิน หยินและหยางเมื่อเกิดการสมดุลจะก่อกำเนิดชีวิตใหม่ วนเวียนเป็นวัฏจักร เราเรียกมันว่าการสืบทอด”ชิงสุ่ยอธิบายอย่างช้าๆ
”นี้เจ้ากำลังจะวกกลับไปเรื่องไร้สาระของเจ้าอีกแล้วสินะ”จักรพรรดินีผีดูดเลือดรู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวเป็นความจริงแต่เธอก็เขินอายเกินกว่าจะยอมรับ ”อาหารใกล้จะเสร็จแล้วรอสักครู่นึงนะ”
”อืมแต่พรุ่งนี้เจ้าจะต้องสอนการทำอาหารให้กับข้า สักวันหนึ่งเจ้าจะต้องจากไป แล้วตอนนั้นข้าคงไม่อาจหาอาหารรสชาติแบบเดียวกับที่เจ้าทำได้อีกมันคงแย่สำหรับข้ามาก”
”ไว้ใจข้าได้เลยข้าจะทำให้เจ้าเรียนรู้มันอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้น ข้าจะตรวจสอบจนมั่นใจว่าอาหารที่จะเอาทำรสชาติแบบเดียวกับข้า”
เมื่อทุกอย่างในการควบคุมโดยที่มีวัตถุดิบที่เขาจัดเตรียม ชิงสุ่ยมั่นใจอย่างมากว่าเธอจะต้องทำมันจนชินชา และรสชาติจะต้องอร่อยแบบเดียวกับเขาอย่างแน่นอน
ทั้งสองร่วมรับประทานอาหารใต้แสงจันทราแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้าใส่จักรพรรดินีผีดูดเลือดยิ่งทำให้เธองดงามเหลือจันทราหลายเท่าตัว
ชิงสุ่ยไม่อาจรั้งตัวเองไว้ได้เขาค่อยๆประกบริมฝีปาก เขากับริมฝีปากเล็กๆของจักรพรรดินีผีดูดเลือดทันที เธอมองดูการกระทำของเขาอย่างใกล้ชิด แม้ทั้งสองจะยังไม่ได้ถึงจุดที่ชิงสุ่ยจะจูบเธอทุกวีวัน แต่ทั้งสองคนก็ทำมันบ่อยมากๆ ทุกครั้งที่ทั้งสองจุมพิต มันจะกินเวลาล่วงเลยไปอย่างน้อย 15 นาที
จักรพรรดินีผีดูดเลือดดูเหมือนจะคุ้นเคยกับชายคนนี้มากขึ้นทุกวันแม้ว่าเธอจะเป็นจักรพรรดินีผีดูดเลือด แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง โดยธรรมชาติเธอจึงยังคงคิดแบบหญิงสาว
ทุกคนล้วนกระหายความสัมพันธ์แม้แต่คนธรรมดาที่สุดก็ยังต้องการมัน ไม่ว่าเธอจะเย็นชามากเท่าไหร่ในใจของเธอก็ยังคงมีโลกใบเล็กๆเสมอ หญิงสาวทุกคนจึงใฝ่ฝันถึงเจ้าชายในฝันของตน
ในครั้งนี้พวกเขาใช้เวลานานในการรับประทานอาหารเย็นกลิ่นหอมยั่วยวนยังคงแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ชิงสุ่ยค่อยๆเงยหน้ามองดูจักรพรรดินีผีดูดเลือด ก่อนจะพบว่าใบหน้าของเธอนั้นแดงกล่ำกว่าปกติ
ชิงสุ่ยทุกสายตาของเธอรบกวนอย่างนั้นเขามองออกถึงเบื้องหลังใบหน้าแดงกล่ำที่เกิดขึ้น เขายังคงนิ่งเงียบก่อนจะลุกขึ้นอุ้มหญิงสาวที่แสนเยือกเย็นพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในห้องนอน
จักรพรรดินีผีดูดเลือดโอบคอของชิงสุ่ยก่อนที่ชิงสุ่ยจะค่อยๆโน้มตัวลงจุมพิตริมฝีปากจนร่างกายของเธอเริ่มสั่นเครือ ชิงสุ่ยรู้ดีถึงความตื่นเต้นอันแสนบริสุทธิ์และความกังวลจากภายในตัวของเธอ มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับครั้งแรกของหญิงสาว แน่นอนว่าผู้ชายก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ชิงสุ่ยค่อยๆวางตัวจักรพรรดินีผีดูดเลือดลงบนเตียงที่แสนนุ่มทุกอย่างรอบกายของเขาช่างนุ่มนวลรู้สึกสบายจนอยากจะตะโกนออกมาดังๆ
ร่างกายของเขาค่อยๆอยู่เหนือร่างกายที่แสนผอมเพียวโค้งมนเลือดในร่างกายของเขากำลังพุ่งพล่านสูบฉีด เขาค่อยๆจูบปากของเธออย่างพิถีพิถัน แล้วค่อยๆขยับไปที่ใบหู ก่อนจะใช้ลิ้นเลียติ่งหูของเธอเบาๆ ใบหูขาวอมชมพูค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำพร้อมกับร่างกายที่สั่นเครืออย่างต่อเนื่องเธอไม่รู้ว่าเธอควรทำเช่นไร นอกจากตอบสนองโดยการจูบกลับไป
ชิงสุ่ยค่อยๆย้ายมาอยู่บริเวณคอแล้วค่อยๆลงต่ำลงเรื่อยๆก่อนจะเข้าสู่ส่วนลึกของหน้าอก เขาค่อยๆกดใบหน้าลงบนเนินเขาขาวชมพู แม้จะมีชั้นของเสื้อผ้าขั้นกลางแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงยอดปทุมถันที่เริ่มชูชัน
จักรพรรดินีผีดูดเลือดเบี่ยงตัวเล็กน้อยเธอกอดคอชิงสุ่ยอย่างแน่น หลังจากนั้นไม่นานชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงครวญครางที่นุ่มนวล
ในชั่วพริบตาชั้นเสื้อผ้าขั้นกลางก็ถูกถอดออกจนหมด ชิงสุ่ยบรรจงประกบริมฝีปากเข้ากับยอดปทุมถัน ร่างกายของจักรพรรดินีผีดูดเลือดสั่นเครืออีกครั้ง เธอไม่สามารถควบคุมตนเองและปลดปล่อยเสียงครวญครางออกมาอย่างชัดเจน แม้จะเป็นเสียงที่แหบห้าว แต่ก็ทรงพลังและดึงดูดจิตใจของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยเงยหน้ามองดูใบหน้าที่เคยเย็นช้าตอนนี้มันได้กลายเป็นความงามที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เมื่อสายตาทั้งสองสบตากัน ชิงสุ่ยก็ไม่อาจต้านทาน มันคือดวงตาที่กระตุ้นให้ชิงสุ่ยถอดเสื้ออย่างรวดเร็ว
…………………………
ชิงสุ่ยสังเกตร่างกายที่แสนเพียวบางมันขาวราวกับหยกและเรียบเนียนดุจปุยฝ้าย เมื่อร่างกายทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่ง พลังงานอันแสนบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในร่างกายของจักรพรรดินีผีดูดเลือด ก็ค่อยๆถ่ายทอดเข้าสู่กายชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุขขณะมองดูใบหน้าที่แสนเขินอายของจักรพรรดิผีดูดเลือดร่างกายทั้งสองค่อยๆขับเคี่ยวพลัง ก่อให้เกิดแก่นแท้พลังแห่งรากฐานหมุนเวียนทั่วร่างกายทั้งสองคน
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปอีกประมาณ1 ถ้วยชา ชิงสุ่ยเริ่มสังเกตถึงพลังคลื่นเทพทิดาในร่างกายของเขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันเคลื่อนไหวเร็วกว่าช่วงที่เขาตกอยู่ในภวังค์ขณะมองดูภาพโฉมงามทั้ง 12 มันให้ความรู้สึกเหมือนห่าฝนกำลังโหมกระหน่ำสู่แผ่นดินแห้งแล้งจนผืนแผ่นดินเริ่มชุ่มฉ่ำ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือความรู้สึกสบายมากกว่าที่เคยเป็นถึง2 เท่า พลังบริสุทธิ์ที่เริ่มต้นขึ้นใหม่ภายในร่างกายของจักรพรรดินีผีดูดเลือดก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอพยายามทะลวงผ่านอุปสรรคมากมายหลายๆทางภายในครั้งเดียว โดยที่รากฐานพลังของเธอก็ถูกยกระดับขึ้น เหมือนกับตึกลับฟ้าที่ถูกเสริมรากฐานให้แข็งแกร่ง