“แล้วคุณพ่ออย่าเสียใจภายหลัง!”
หลี่เฟิงคำรามประโยคหนึ่ง หันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่คำนึงถึงเลือดที่อยู่บนใบหน้า
หลี่กั๋วหรงหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เคยคิดว่าลูกชายคนโตที่ตนเองทุ่มเทบ่มเพาะความสามารถเพื่อเป็นทายาทสืบทอด จะเป็นคนที่สายตามองการณ์ตื้นเขินขนาดนี้!
เขาไม่ได้กังวลหรือสนใจเรื่องที่หลี่ซื่อกรุ๊ปถูกตรวจสอบและอายัด
ลูกชายคนโตมีสายตามองการณ์ตื้นเขินขนาดนี้ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแท้จริง
เขาเป็นลูกชายคนโตของหลี่กั๋วหรง ทำไมเขาไม่สามารถเข้าใจเรื่องที่ง่าย ๆ เช่นนี้ได้!
ถึงแม้ว่าตอนนี้หวางซีจะเป็นคนที่บริหารหลี่ซื่อกรุ๊ป และหลี่หลานเป็นผู้นำตระกูลหลี่ แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของหลี่เฟิง
หลี่กั๋วหรงเข้าใจนิสัยของหวางซี ตอนนี้ถึงแม้ว่าเธอจะยอมรับเป็นผู้บริหารหลี่ซื่อกรุ๊ป แต่เธอก็จะคืนกลับมาให้ครอบครัวของคุณ
และหลี่หลานก็ควบคุมดูแลตระกูลหลี่เพียงชั่วคราวเท่านั้น และเธอก็ไม่ได้ถือโอกาสนี้ทำอะไรเลย
เนื่องจากตอนนี้พวกเธอได้รับการสนับสนุนจากเย่เซิ่งเทียน และถึงแม้จะไม่มีหลี่ซื่อกรุ๊ป พวกเธอก็ยังสามารถพัฒนาได้เป็นอย่างดี
บริษัทหัวหยวนและหมิงซื่อกรุ๊ปล้วนอยู่ภายใต้การบริหารของหวางซี ซึ่งตอนนี้พัฒนาได้ดีที่สุดในห้ามณฑลในเจียงหนาน
และช่วงนี้บริษัทหัวหยวนเริ่มวางผังอุตสาหกรรมวัฒนธรรม ตามข้อมูลที่หลี่กั๋วหรงได้รับ หวางซีครอบครองหุ้นจำนวนมากของบริษัทบันเทิงใหญ่ที่สุดในเมืองเฉียนถัง และทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือทำงานแล้ว
และในอุตสาหกรรมก่อสร้าง บริษัทหัวหยวนมีหมิงซื่อกรุ๊ปคอยสนับสนุน ตอนนี้ได้ร่วมมือทำงานกับตระกูลจ้าวในเมืองเฉียนถังแล้ว ช่วงนี้บริษัทได้อาศัยความช่วยเหลือจากตระกูลจ้าว จนสามารถบุกเปิดอุตสาหกรรมการก่อสร้างในเมืองเจียงหนานแล้ว ซึ่งการร่วมมือทำงานนั้นเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งสองอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นรากฐานของตระกูลหนานกงและตระกูลซุนในเมืองเฉียนถัง ตอนนี้ถูกบริษัทหัวหยวนครอบครองแล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าบริษัทหัวหยวนเพิ่งจะวางรากฐานที่เมืองเฉียนถังเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพวกเขาได้ปูทางไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นแผนเชิงกลยุทธ์ที่ใหญ่มาก เมื่อเปิดตัว มันจะกระจายไปทั่วห้ามณฑลในเจียงหนานอย่างรวดเร็ว แล้วใครจะสามารถขวางได้?
สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเป็นโครงการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่เฉียนถัง ซึ่งเจ้าเทพเป็นคนออกคำสั่งด้วยตนเอง แล้วมอบโครงการทั้งหมดให้กับบริษัทหัวหยวน เมื่อเขตเศรษฐกิจใหม่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ลองถามคนทั่วห้ามณฑลในเจียงหนานว่าใครจะสามารถขวางหวางซีได้?
ตอนนี้ตระกูลซ่งกำลังตรวจสอบและอายัดบริษัทของหวางซี แล้วอายัดได้ไหม? สามารถทำให้บริษัทล่มสลายได้ไหม?
ตระกูลที่ถูกเรียกว่าสามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองโมตู และเมื่อหวางซีผงาดขึ้น แล้วพวกเขาจะสามารถเทียบได้เหรอ?
หลี่กั๋วหรงเงยหน้าและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา แต่เรื่องเหล่านี้เพียงแค่ตรวจสอบเล็กน้อยก็จะสามารถรู้ได้ แล้วคนตระกูลหลี่พวกนี้ล่ะ? หลี่เฟิงลูกชายคนโตของเขาล่ะ?
พวกเขารู้เพียงแค่แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น และจ้องแต่ผลประโยชน์เล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
หลี่กั๋วหรงรู้สึกผิดหวังกับคนของตระกูลหลี่เป็นอย่างมาก
โศกเศร้ากับความโชคร้ายของคนบางคน รู้สึกโกรธและเสียใจกับคนไม่เอาถ่าน!
เขาพยายามอย่างมากเพื่อรั้งหลี่หลานและหวางซีไว้ในตระกูลหลี่ เพียงเพื่ออนาคตของตระกูลหลี่
เย่เซิ่งเทียนมองความคิดนี้ของเขาออก ดังนั้นเมื่อก่อนทั้งสองคนเคยสนทนาที่มีความหมายในแนวนี้มาก่อน
โชคดีที่ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะมองแผนการของเขาออก แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน ขอเพียงแค่หวางซีและหลี่หลานไม่คัดค้าน เขาก็จะไม่สนใจ
เพียงแต่ตระกูลหลี่ต้องการบีบบังคับให้สองคนนี้ออกไปจากตระกูลหลี่ แล้วหลี่กั๋วหรงจะไม่โกรธได้อย่างไร!
พวกกลุ่มลูกหลานล้างผลาญ!
พวกไร้ประโยชน์!
“คุณทวด ทำอะไรอยู่ค่ะ?”
ซือซือถือดอกไม้หนึ่งดอก โดยมีพี่เลี้ยงจูงมือแล้ววิ่งเข้ามา
เมื่อเห็นเหลนสาว ความเศร้าโศกบนใบหน้าของหลี่กั๋วหรงก็หายไปทันที ราวกับว่าตนเองอายุน้อยลงหลายสิบปี อุ้มซือซือนั่งบนตักตนเองแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซือซือ คุณทวดดีต่อหนูไหม?”
ซือซือพยายามทัดดอกโบตั๋นไว้ที่หูของหลี่กั๋วหรง และกล่าวอย่างมีความสุขว่า “ดีค่ะ คุณทวดดีกับหนูที่สุดเลย”
หลังจากนั้นเด็กน้อยก็จับเคราของหลี่กั๋วหรง และกล่าวอย่างมีความสุข “คุณทวด เคราของคุณทวดขาวเยอะมากแล้ว หนูช่วยคุณทวดถอนดีไหม?”