เล่มที่ 18 ตอนที่ 27

Memorize

ตอนที่ 27 โดย ProjectZyphon

ครึ่งเทพเหรอ

ราชันแห่งยักษ์ทั้งปวงหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือไจแอ้นท์ลอร์ด ตอนนี้ผมชักจะหัวเราะไม่ออกเสียแล้วสิ

หลังจากนั้นเหล่าศัตรูที่เป็นผู้นำของเจ้ายักษ์ก็แห่กันเข้ามา น้ำที่เจิ่งนองอยู่เริ่มเข้ามาเกาะกันเป็นรูปเป็นร่างทีละนิดๆ

ผู้นำของพวกศัตรูเลือกที่จะรวมอำนาจไว้ในที่เดียวและบุกเบิกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเองมากกว่าที่จะเชื่อมต่อวาร์ปเกตและปราการเวทอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วหันมาเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว ดังนั้นเขาจึงทุ่มความสามารถและกลยุทธ์ที่ปิดซ่อนไว้ทั้งหมด เพราะนั่นหมายถึงความเป็นความตายของเขาในการต่อสู้ครั้งนี้

ในอีกทางหนึ่งนั้น แม้ว่าเหล่าผู้เล่นของทัพฝั่งประตูตะวันตกจะค่อยๆ พากันลุกขึ้นมาอย่างสะบักสะบอม แต่ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย

ผมมองไปด้านหน้าสักพักและได้สบตากับเจ้ายักษ์ตนนั้น ผมยังคงจ้องมองมันต่อไปและพยายามติดต่อฮวาจองไปด้วยในขณะเดียวกัน ทันใดนั้นเองเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มั่นคงภายในร่างกายก็พลันมอดไหม้ลงไป เมื่อรู้สึกถึงพลังชีวิตที่ท่วมท้นอยู่ในร่างกายแล้ว ผมก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปกำดาบที่เหน็บเอาไว้ที่เอวพร้อมกับส่งพลังเวทออกไปสุดแรงเกิดเท่าที่ผมจะสามารถส่งมันออกไปได้

ย้ากกก!

[‘นกฟักออกมาจากไข่ ไข่ก็คือโลก และผู้ที่ฟักออกมาจากไข่ก็จะต้องทำลายโลกทั้งใบนั้นเพื่อจะออกมาให้ได้’ ผนึกของดาบเวทคาลิโก อาบรักซัส(Calico Abraxas) ถูกปลดปล่อยแล้ว เริ่มการเปลี่ยนแปลง]

เมื่อรู้สึกถึงความมืดที่มือข้างขวา ผมก็ค่อย ๆ ก้าวออกมาด้านหน้า

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

เจ้ายักษ์ลดระยะทางลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว

บางทีเหล่าผู้เล่นที่ไปอยู่ที่เมืองอื่นอาจจะกลับมายังบาร์บาร่าทั้งหมดแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขากำลังได้เปรียบในเรื่องจำนวนคนอยู่ในตอนนี้

แต่ทางเราก็ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก เหล่าผู้เล่นทัพประตูตะวันตกตั้งสติได้แล้วและใช้เวลาในการรอคอยกำลังเสริมจากทัพอื่นมาช่วยอยู่ ดังนั้นสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็คือเวลา

ผมหยุดฝีเท้าที่กำลังเดินออกไปข้างหน้าลงอย่างกะทันหัน

ถึงแม้คูชาน ธอร์จะแตกต่างจากราชันแห่งยักษ์ทั้งปวงตนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก แต่ผมมั่นใจว่าผมกำลังเผชิญหน้ากับคนครึ่งเทพอยู่อย่างแน่นอน

แม้จะลังเลว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่าขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่ผมก็คิดได้ว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องทำมันอยู่ดี

ผมเดินหน้าออกไปในทันที

เหล่าศัตรูวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าที่เปียกชื้นมา ท่าทางที่วิ่งกรูเข้ามาพร้อมกันของพวกเขานั้นดูราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลบ่ามาในคราวเดียว

ฝ่ายศัตรูมีกันประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันคน และเพราะพวกเขาพุ่งทะยานผ่านที่ราบมาในเวลาเดียวกัน ทำให้ผมเหมือนจะรู้สึกสั่นสะเทือนในทุกครั้งที่เท้าของพวกเขากระทบพื้น

ที่แถวหน้าของเหล่าศัตรูคือ ‘คูชาน ธอร์ (Kushan Thor)’ ราชันแห่งยักษ์ทั้งปวง กำลังวิ่งมาอย่างเนิบนาบโดยที่กำไม้ตะบองยักษ์ไว้ด้วยในมือขวา ด้วยความสูงที่มากถึงสิบเมตร ทำให้ระยะทางถูกลดลงทีละหลายช่วงคนในทุกครั้งที่มันก้าวย่าง ดังนั้นระยะห่างระหว่างยักษ์กับเหล่าศัตรูเองก็ห่างกันหลายช่วงตัวด้วยเช่นกัน พวกเขาคงตั้งใจจะทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลกับเหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกก่อนที่จะตั้งสติกันได้ เลยจัดทัพให้ยักษ์วิ่งนำมาก่อน

เพราะระยะทางลดลงเรื่อยๆ ในระหว่างที่สบตากัน ทำให้ระยะห่างของผมกับคูชาน ธอร์เหลืออยู่เพียงนิด พริบตาเดียวเท่านั้นมันก็มาอยู่ใกล้ๆ แล้ว

และดูเหมือนเจ้ายักษ์จะสังเกตเห็นผมแล้ว เพราะมันส่งเสียงกรีดร้องน่ากลัวออกมาและเงื้อตะบองของทันขึ้นสูง

ย้ากกก!

ผมฉวยคาลิโก อาบรักซัสที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องมากำเอาไว้แน่นจนแทบจะหัก แล้วฟาดมันลงไปที่พื้นดินตรงหน้ายักษ์อย่างสุดแรง

หลังจากนั้นทั้งผมและเจ้ายักษ์ก็เข้าไปอยู่ในระยะการโจมตีของกันและกัน

ตุ้บ!

ไม่นานการเคลื่อนไหวของยักษ์ก็หยุดชะงักลง เท้าขวาที่กำลังก้าวมานั้นจมลึกลงไปในพื้นดินที่เฉอะแฉะจนเป็นโคลน และหลังจากนั้นก็มีลมแรงพัดโหมเข้ามาจนผมปลิวไปตามแรงลม ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมแรงกดที่หัว ผมก็เห็นตะบองยักษ์ที่ปักลงบนพื้นเหมือนกับจะแยกธรณีออกเป็นสองส่วน

มาแล้ว

ไม่มีเวลาให้ผมคิดแล้ว ผมรีบชูดาบขึ้นสุดกำลังเป็นการโต้กลับตะบองยักษ์ที่ตกลงมา จากนั้นภาพเลือนรางสีดำที่ให้ความรู้สึกอ่อนไหวก็วาดขึ้นเป็นเส้นบางๆ ก่อนที่ตะบองยักษ์จะทันได้ตกลงมาใส่หัว

พรึ่บ

คาลิโก อาบรักซัสและตะบองของยักษ์ชนกันอย่างแรงพร้อมกับแสงคล้ายระเบิดที่ปะทุออกมา

ปัง!

เสียงระเบิดดังสนั่นจนเจ็บหู และในขณะเดียวกันนั้นการมองเห็นก็พลันกลายเป็นสีขาว ถึงแม้สายตาจะฟื้นฟูสภาพอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็ส่งเสียงครางในลำคอออกมาด้วยอารมณ์คุกรุ่นโดยไม่รู้ตัว ความเงียบสงบโปรยปรายลงมาทั่วทั้งที่ราบ

และในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าสนั่นธรณีที่ดังมาตั้งแต่เมื่อสักครู่และเสียงตะโกนหวีดร้องเหมือนกับจะฆ่ากันให้ตายก็เงียบลงไปด้วยเช่นกัน

หลังจากความชาที่ข้อมือค่อยๆ หายไป ผมก็ได้เห็นผลของมันในท้ายที่สุด

ดาบและตะบองยักษ์ยังคงอยู่ในสภาพที่ชนกันค้างอยู่อย่างนั้น แต่ด้านบนสุดของตะบองซึ่งเป็นส่วนที่แตะสัมผัสกันนั้นกลับถูกเจาะจนเป็นรูโหว่ และรูที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นก็ถูกตัดเป็นครึ่งหนึ่งโดยมีคาลิโก อาบรักซัสเสียบอยู่ตรงกลาง

ฮื่อออ…

จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นมาจากด้านหน้า ทันใดนั้นเองตะบองยักษ์ก็ร่วงตกลงมาในแนวดิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง และเมื่อผมมองตรงไปเบื้องหน้าก็เห็นเจ้ายักษ์ค่อยๆ ก้าวถอยไปข้างหลังพร้อมทั้งอ้าปากกว้าง

ตุ้บ!

หลังจากนั้นมันก็คุกเข่าซ้ายลงและส่งเสียงร้องออกมาครั้งหนึ่ง

กำลังกาย, พลังเวท และคาลิโก อาบรักซัส ผมรวมพลังของทั้งสามสิ่งนี้เสริมด้วยแรงโจมตีที่ส่งมายังผมเข้าด้วยกันแล้วส่งทั้งหมดนี้กลับคืนไปให้อีกฝ่าย จริงอยู่ที่ทั้งหมดก็ไม่ได้กลับคืนไป ไม่สิ ความจริงแล้วมันไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะผลกระทบที่จะส่งมาถึงผมถูกทำให้ลดกำลังลงไปมากแล้ว ผมจึงพอจะทนได้อยู่

อย่างไรก็ตาม เจ้ายักษ์ดูจะเสียสมาธิไปช่วงหนึ่งราวกับว่ามันไม่สามารถเอาชนะแรงกระเทือนที่ผมตีกลับไปหามันได้

โอกาสนี้ล่ะ!

เมื่อผมเห็นว่าเจ้ายักษ์ทำตาเลิ่กลั่กไปมาผมก็รีบวิ่งเข้าใส่มันทันทีโดยไม่รอช้า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้ผมเข้าโจมตีมันได้อย่างราบรื่น มันรีบยกตะบองขึ้นเหยียดตรงแล้ววาดออกเป็นวงกว้าง

แต่ในตอนนี้ที่ผมใส่ออร์โธรส ลอง บู๊ทส์อยู่ ผมคงจะเป็นผู้เล่นที่น่าเศร้าน่าดูหากต้องกลายเป็นที่สองในเรื่องความคล่องแคล่วและพลังในการพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ ผมกระทืบเท้าอย่างแรงก่อนจะบินขึ้นสูงด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี รู้สึกถึงสายลมที่คมราวใบมีดเฉียดผ่านใต้เท้าทั้งสอง

พอมาคิดๆ ดูแล้ว ดวงตาที่สามของผมเรียกคูชาน ธอร์ว่าเป็นราชันรุ่นก่อนแห่งยักษ์ทั้งปวง เกี่ยวกับตรงนี้แม้ผมจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมแน่ใจว่าเจ้ายักษ์ตรงหน้านี้ไม่มีทางที่จะเป็น ‘คนครึ่งเทพ (Demi-God)’ อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะผมไม่มองไม่เห็นร่องรอยของ ‘พลังเหนือมนุษย์’ และ ‘การต่อต้านเวทมนตร์ที่สมบูรณ์’ ซึ่งเป็นพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของคนครึ่งเทพเลย

ถ้าหากผมคิดถูกล่ะก็ เจ้าคูชาน ธอร์ก็เป็นเพียงแค่สัตว์ประหลาดที่มีกำลังวังชามากๆ ตนหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ถือว่ามันอยู่ต่ำกว่ามาร์โวลโล เดอ ไอล์ไลท์มากเลยทีเดียว

พร้อมกันกับที่ผมคิดว่ามันกำลังจะจบลงในตอนนี้แล้ว ร่างกายของผมที่พุ่งขึ้นบนอากาศก็ผ่านส่วนหน้าท้องมาพอดี ในตอนนั้นเองร่างกายสีทองของยักษ์ก็เริ่มเปล่งแสงสว่างออกมาและมีสภาพเหมือนเวลาที่พลังงานหมดแล้วจึงกลายสภาพเป็นเกลียวเชือกที่ดูมั่นคงสี่เส้น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ผมอย่างแรง เส้นสายแห่งพลังเวทนั้นปล่อยสายฟ้าเส้นใหญ่ออกมา แต่น่าเศร้าที่มันไม่สามารถเจาะผ่านพลังต่อต้านเวทมนตร์ของผมได้

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

คูชาน ธอร์มองพลังเวทที่ละลายลงไปด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับมันกำลังรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไป และเมื่อมันเลื่อนสายตามามองผม ผมก็ลากคาลิโก อาบรักซัสลงเป็นเส้นตรงโดยที่ยังลอยอยู่บนอากาศอยู่เช่นนั้น

ฉึบ!

ทันใดนั้นผมก็รับรู้สัมผัสจากมือที่ตัดลงไปบนหนังหนาๆ ผมไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นและยิงพลังเวทที่ปะทุขึ้นออกไปผ่านดาบที่ยังคงติดอยู่ภายในตัวมัน

ปัง! ปัง!

โฮกกก!

พร้อมกันกับที่เกิดแผลพุพองตะปุ่มตะป่ำบนท้องกว้างใหญ่ ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความทรมานของเจ้ายักษ์ใหญ่ มันกวัดแกว่งตะบองไปมาสามสี่ครั้งขณะที่ซวนเซอย่างหนัก ความมุ่งมั่นตั้งใจที่ผมรู้สึกได้ในการโจมตีครั้งแรกเป็นการโจมตีที่ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองมาก่อนและยากนักที่จะได้เห็น

ผมเปลี่ยนทิศทางออกนอกวงโคจรไปยังมุมมืดโดยใช้การเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา และเมื่อผมกำลังเตะขึ้นไปบนอากาศเพื่อโจมตีมันอีกครั้ง

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงเสียดอากาศดังมาให้ผมได้ยินและทันทีที่ผมหันขวับไปมองก็ได้เห็นว่ามีลูกธนูนับสิบกำลังพุ่งตรงมาที่ผม เพราะความตั้งใจที่จะโจมตีให้ได้อย่างแม่นยำผมจึงขยับไปด้านข้าง และนั่นทำให้พวกศัตรูสังเกตเห็นผมเข้านั่นเอง

“อึก!”

ผมตีลังกาหมุนตัวกลางอากาศไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็วและหลบลูกธนูที่ถูกระดมยิงมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ผมก็ต้องยอมแพ้ที่จะไม่โจมตีกลับไปและกลับลงสู่พื้นดินในที่สุด และทันทีที่ผมลงมาผมก็รีบเว้นระยะห่างอย่างรวดเร็ว เพราะเหล่าศัตรูที่หยุดระดมยิงลูกธนูไปสักครู่นั้น ทำให้ผมรู้ว่าพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวกันอีกครั้งแล้ว

แทบจะไม่มีเวลาแล้ว เมื่อผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างใจเย็นผมก็ได้เห็นว่าที่ตัวของเจ้ายักษ์มีเยื่อสีฟ้าเข้มกำลังก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เยื่อสีฟ้าห่อหุ้มบาดแผลของมันโดยค่อยๆ ซึมผ่านเข้าไปเหมือนน้ำและเปล่งแสงสว่างออกมาด้วย หลังจากนั้นบาดแผลของมันก็ค่อยสมานเข้าหากันช้าๆ ก่อนที่มันจะมองกลับมาทางผมด้วยสายตาโหดร้ายอำมหิต

แม้ว่าจะมีครู่หนึ่งที่ผมคิดจะใช้งานฮวาจองแต่สุดท้ายผมก็สะบัดความคิดนั้นออกไป เพราะหากผมไม่สามารถควบคุมมันได้หรือเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันเหมือนครั้งที่แล้วขึ้นอีกล่ะก็ แค่คิดถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็น่าขนหัวลุกแล้ว ก็จริงอยู่ที่ผมจะใช้เขาหากมันเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่คูชาน ธอร์ยังอยู่ในระดับที่ผมสามารถจัดการได้โดยไม่ต้องยืมแรงของฮวาจอง

แต่คงจะน่าเสียดายที่จะปล่อยให้โอกาสในการจบเรื่องนี้หลุดลอยไป ในตอนนี้ผมเองก็มีปัญหามากมายพอแล้ว แต่ผมก็ยังตัดสินใจที่จะทำมันแม้ว่ามันจะเป็นการทำเกินตัวไปหน่อยก็ตาม ทันทีที่ตัดสินใจได้ดังนั้นผมก็วิ่งเข้าจู่โจมทันที

ครืน!

เสียงฟ้าคะนองหยุดฝีเท้าของผมที่กำลังจะเตะลงบนพื้นเอาไว้

นี่มัน…?

แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

สายฟ้ากว่าสิบสายจากท้องฟ้าฟาดลงมาที่หน้าอกของยักษ์