ตอนที่ 2624 ห้องมรดกที่น่าอัศจรรย์

คำว่า “การควบคุมธาตุ” เป็นคำที่แปลกสำหรับผู้เล่นทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ เพราะโดยปกติแล้วผู้เล่นจะเข้าใจว่าคำว่าควบคุมธาตุหมายถึงอะไรก็หลังจากที่พวกเขามาถึงขั้นสาม และเริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองแล้ว

เพื่อให้ได้มาซึ่งการ “ควบคุมธาตุ” มันต้องใช้ความแม่นยำในการควบคุมธาตุมานาทุกประเภท และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผู้เล่นจะต้องเข้าใจคุณสมบัติของธาตุมานาทุกประเภท และอย่างน้อยที่สุดผู้เล่นก็จะต้องเข้าใจหลักการเบื้องต้นของการขับเคลื่อนสี่ธาตุมานาหลัก

อย่างไรก็ตามในระยะนี้ของเกม นับประสาอะไรกับการควบคุมมานาธาตุทั้งหมดให้ได้อย่างแม่นยำ มหาอำนาจต่างๆยังคงไม่เข้าใจแม้แต่หลักการเบื้องต้นของการขับเคลื่อนสี่ธาตุมานาหลักด้วยซ้ำ

ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนกำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ชายที่ยืนอยู่ในห้องมรดกนั้นก็กำลังควบคุมมานาอยู่โดยราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และเขายังใช้มันเพื่อเสริมพลังให้กับวงเวทย์ของห้อง ซึ่งนี่นับเป็นสิ่งที่ผู้เล่นนักเวทย์ทุกคนใน God domain ล้วนต้องการจะทำให้ได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจอย่างแท้จริงนั่นก็คือตัวตนของผู้ชายคนนี้

แบล๊คเฟรม !!

เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นระยะประชิดมักจะปรับตัวให้เข้ากับมานาได้น้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์ นอกจากนี้ผู้เล่นระยะประชิดยังใช้มานาในการต่อสู้น้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคุ้นเคยกับมานาน้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์

แต่กระนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงราชันดาบขั้นสาม แต่ซือเฟิงก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมธาตุมานา

“พวกคุณมาถึงแล้วสินะ …” ซือเฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะเริ่มเร่งการทำงานของวงเวทย์ในห้องมรดกทันที จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “วงเวทย์ของห้องเกือบจะเปิดใช้งานได้อย่างเต็มที่แล้ว พวกคุณทั้งสามคนจะได้เรียนรู้วิธีการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองที่นี่ และในขณะเดียวกันนั้น พวกคุณแต่ละคนก็จะมีเวลาได้สัมผัสกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเป็นเวลาห้านาที ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อได้สัมผัสถึงอะไรแบบนี้นั่นก็คือ จดจำความรู้สึกว่ามานาภายในร่างกายของคุณไหลเวียนอย่างไร หลังจากนั้นพวกคุณก็จะต้องคิดหาวิธีที่จะทำซ้ำความรู้สึก จำไว้ว่าคุณแต่ละคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียว”

“สัมผัสกับร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เป็นเวลาห้านาทีงั้นหรอ ?” หยานเซี่ยวเฉียนรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของซือเฟิง

แม้ว่าช่วงเวลาที่ได้สัมผัสจะเป็นเพียงห้านาทีสั้นๆ แต่ถ้าเธอได้รู้ว่าร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วรู้สึกอย่างไร เธอก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองในภายหลัง ยิ่งไกว่านั้นเธอก็ยังไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางหรืออ้อมไปไหนไกล เธอสามารถจะมุ่งตรงไปยังเป้าหมายของเธอได้เลย

“นี่คือเบื้องหลังความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” โซริทารี่ฟรอสต์จ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ

ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆของ God domain กำลังดิ้นรนเพื่อหาสถานที่ที่จะช่วยให้ผู้เล่นของตนปรับปรุงการควบคุมมานาของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับสามารถให้ผู้เล่นของตนสัมผัสได้ถึงประสบการณ์การ การที่ร่างมานาถูกปลดล๊อคศักยภาพแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้เป็นเวลาห้านาที ซึ่งนี่มันหมายความว่ากิลยืนอยู่ในสนามแข่งขันของเรื่องนี้ในสภาพที่แตกต่างจากมหาอำนาจอื่นๆอย่างมาก

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงมีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจำนวนมาก หากมหาอำนาจอื่นๆรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างมากแน่นอน” ซินฟูลเฟรมรีบเข้าไปตรวจสอบห้องมรดกอย่างใกล้ชิด เมื่อได้ยินคำอธิบายของซือเฟิง

แม้ว่าผู้เล่นที่มีพรสวรรค์จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้อย่างเต็มที่แน่นอน หากมีเวลาที่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างตรงที่ยิ่งผู้เล่นทำได้เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งสามารถเข้าไปสำรวจสถานที่ที่อันตรายที่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปสามารถเข้าไปได้ เร็วขึ้นเท่านั้น และพวกเขาก็จะมีเวลามากขึ้นสำหรับการสำรวจหรือฝึกฝนในด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตามการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นก็ต้องใช้เวลานานมากๆ และมหาอำนาจต่างๆก็กำลังพยายามดำเนินการในเรื่องนี้อยู่เพื่อให้ระยะเวลามันสั้นลง
หลังเปิดใช้งานวงเวทย์ในห้องอย่างเต็มที่ ซือเฟิงก็หันไปจ้องมองที่ซินฟูลเฟรมและคนอื่นๆ พลางถามว่า “เอาล่ะ ใครจะเข้าไปเป็นคนแรก ?”

“ฉันจะเข้าไปก่อน แล้วก็เป็นโซริทารี่ฟรอสต์ และหยายเซี่ยวเฉียนตามลำดับ” ซินฟูลเฟรมกล่าว

ทั้งโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนล้วนพยักหน้าเห็นด้วยทั้งคู่ ไม่มีใครไม่พอใจกัการตัดสินใจของซินฟูลเฟรม เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่า คนแรกที่เลือกจะเข้าไปนั้น มันจะไม่ต่างจากหนูลองยาก่อน ….

ซึ่งการส่งซินฟูลเฟรมเข้าไปก่อนก็นับเป็นความคิดที่ดีที่สุด เนื่องจากเมื่อเขาได้รับประสบการณ์มาแล้ว เขาจะได้นำมันกลับมาสอนพวกเขาเพื่อจะให้พวกเขาปรับตัวและใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจากเรื่องนี้

“เยี่ยม เชิญเลยผู้อาวุโสเฟรม …” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดินออกจากห้องมรดก และเปิดทางให้ซินฟูลเฟรมเข้าไป

เมื่อซินฟูลเฟรมเข้าไปในห้องมรดก ประตูของมันก็ปิดลงทันที จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ

โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นไม่สามารถที่จะซ่อนความกังวลใจและสงสัยของพวกเขาได้เลย ในขณะที่พวกเขามองไปยังประตูที่ปิดอยู่

แม้แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งวันจริงไหม

เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขารู้ดีว่ายิ่งปลดล๊อคศักยภาพมานาไปได้เปอเซ็นต์สูงมากเท่าไหร่ การจะคืบหน้าไปเพิ่มเติมมันก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนี่มันไม่ใช่ความสำเร็จที่จะสามารถทำได้โดยการสัมผัสถึงประสบการณ์การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเพียงชั่วครู่ และการลองผิดลองถูกนั้นก็ต้องใช้เวลานานมาก

ในขณะที่โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ ห้านาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาต่อมาประตูห้องมรดกก็ค่อยๆเปิดออก และมานาที่หนาแน่นนั้นก็หลั่งไหลออกมาทางประตู

ทั้งหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์นั้นล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นซินฟูลเฟรเดินออกมา พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่ามานาที่หนาแน่นที่หลั่งไหลออกมานั้นเป็นของซินฟูลเฟรม ยิ่งไปกว่านั้นออร่าของซินฟูลเฟรมยังแข็งแกร่งขึ้นมากจนทำให้พวกเขาที่อยู่ใกล้ๆและสัมผัสได้ถึงออร่ารู้สึกอึดอัด

“ผู้อาวุโสเฟรม คุณปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?”
หยานเซี่ยวเฉียนอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เธอรู้ดีว่าก่อนหน้านี้นั้นซินฟูลเฟรมได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าแปดสิบเปอเซ็นต์เล็กน้อยแล้ว ดังนั้นการจะเข้าถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้มันจึงน่าจะใช้เวลาพอสมควร แต่ตอนนี้หลังจากเข้าสู่ห้องมรดกไปห้านาที เขากับปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว จะให้เธอทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?

ในขณะนี้นับประสาอะไรกับหยานเซี่ยวเฉียน แม้แต่ซือเฟิงก็ยังประหลาดใจกับสถานการณ์นี้

เดิมทีเขาตั้งใจจะให้ช่องที่เหลือสามช่องของห้องมรดกกับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากหอการค้าอาซู และมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมอบทั้งสามช่องนี้ให้หอการค้าอาซู

แต่ถึงกระนั้นซือเฟิงก็ไม่คิดว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่หอการค้าอาซูคัดเลือกมานั้นจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันทีที่เข้าไปในห้องมรดก เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งสามนั้นไม่เคยได้สัมผัสกับการฝึกจากประตูมรดกแบบไฟเออร์แดนซ์หรือคนอื่นๆมาก่อนเลย ก่อนจะมาใช้ห้องมรดกที่นี่

ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เตรียมที่จะมอบโพชั่นโบราณที่เขาได้รับจากเมืองพิษให้ทั้งสามด้วย และเมื่อรวมกับเอฟเฟคของห้องมรดก และลานฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง มันก็น่าจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามของหอการค้าอาซูสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ภายในหนึ่งวัน

อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่คิดเลยว่าพรสวรรค์ของซินฟูลเฟรมจะสูงขนาดนี้

ซินฟูลเฟรมประสบความสำเร็จในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ หลังจากที่ได้เข้าใช้ห้องมรดกเพียงครั้งเดียว พรสวรรค์ของเขามันจัดว่าน่ากลัวมากจริงๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ซินฟูลเฟรมก็ได้หันไปมองหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์ก่อนจะให้คำแนะนำว่า “เมื่อคุณทั้งสองคนเข้าไปด้านในแล้ว อย่าใช้วิธีการที่คุณเคยใช้ก่อนหน้านี้ ให้สัมผัสกับประสบการณ์ในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาทั้งหมดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสัมผัสกับมานาในร่างกาย และให้มุ่งเน้นไปที่การตรวจจับว่ามานาภายในร่างกายของคุณไหลเวียนอย่างไร มันมีข้อผิดพลาดมากมายในวิธีที่เราค้นคว้า หากคุณยังคิดจะใช้วิธีเดิม คุณก็จะประสบความยากลำบากแน่นอนที่จะปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้ หลังจากได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบนี้”

“ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่อยู่ข้างใน ฉันสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการเข้าถึงศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่เท่านั้น แม้ว่าตอนนี้ฉันจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของฉันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันด้อยกว่าร่างมานาที่ฉันรู้สึกได้ในห้องมาก อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของฉันนั้นมีจำกัด ฉันจึงสามารถทำได้มากที่สุดแค่นี้ และนอกเหนือจากนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกล่าวจำทุกอย่างให้ดี ซึ่งหากคุณทำได้ เผลอๆคุณอาจทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ในคราวเดียวเลยก็ได้ …”

เมื่อได้ยินคำพูดของซินฟูลเฟรม หยานเทียนซิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

สำหรับโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียน พวกเขามองไปที่ซือเฟิงด้วยความลำบากใจในตอนนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของซือเฟิงมากนัก โดยถือว่ามันเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าซือเฟิงกำลังให้คำแนะนำแก่พวกเขา

ในความเป็นจริงแม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังตกใจกับคำพูดของซินฟูลลเฟรม เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ ที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้นั้นมันก็แค่วิธีพื้นฐานในการใช้ห้องมรดกเท่านั้น แต่ก็แน่นอนว่าซือเฟิงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้าของเขา เขาเพียงแค่พยักหน้าอย่างเงียบๆให้กับคำพูดของซินฟูลเฟรมเท่านั้น
หลังจากนั้นโซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนก็เข้าไปในห้องมรดกตามลำดับ

เวลานั้นก็ไหลไปเหมือนกับสายน้ำ และสามวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ….

….

ในป่าโบราณที่อยู่ห่างไกลจากจักรวรรดิจันทราสีเงิน เมืองไวโอเล็ตไลท์นั้นตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นป่าได้ทั้งหมด

เมืองนี้เต็มไปด้วยสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดและไมโทโลจี้ ซึ่งผู้ฝึกสอนทอร์เร้นและคนอื่นๆจากไวโอเล็ตซอร์ดก็พึ่งจะมาถึงเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้พวกเขาก็ยืนอยู่บนกำแพงเหนือประตูหน้าของเมือง

“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ตอนนี้ทุกคนพร้อมแล้ว เรารอแค่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น …” คริมสันสตาร์รายงาน ขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้ทอร์เร้น

“ฉันได้ยินมาว่าไมโทโลจี้ได้ร่วมมือกับมหาอำนาจหลายกลุ่ม โดยทีมจู่โจมของพวกเขานั้นพยายามจะลองโจมตีการทดสอบในโหมดขั้นสูงเมื่อวานนี้ ซึ่งทีมจู่โจมของพวกเขานั้นมีสองร้อยคน และอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หรือสูงกว่านั้นกันทั้งหมด บางคนนั้นถึงขั้นที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันได้ยินมาว่าแม้ว่าร่างมานาจะถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันก็ยังให้ความช่วยเหลือได้น้อยมากๆในการทดสอบ และในท้ายที่สุดทีมจู่โจมของไมโทโลจี้ก็ล้มเหลวในการจะเอาชนะบอสของการทดสอบ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่พวกเขาก็แทบไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ในกิลเลย ฉันกลัวว่าเราจะไม่สามารถเข้าถึงบอสของการทดสอบโหมดฮีโร่ได้ด้วยซ้ำ …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวกล่าวพลางยิ้มเยาะ

“ฉันเองก็คิดแบบนั้นนะ ไม่รู้เลยจริงๆว่าแบล๊คเฟรมคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเขาได้รู้ถึงความล้มเหลวของไมโทโลจี้ เขาอาจจะเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ก็ได้ …” คริมสันสตาร์กล่าวเสริม ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “และหากทีมของเขาโดนสังหารหมู่สักสองถึงสามครั้ง เขาจะต้องมาขอกำลังเสริมจากเราแน่”

การทดสอบโหมดขั้นสูงในดินแดนลับโบราณนั้นลดข้อได้เปรียบของศักยภาพร่างมานาที่ถูกปลดล๊อคได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วลงไปอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะสมาชิกทีมจู่โจมของไมโทโลจี้มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูง พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงบอสของการทดสอบในโหมดขั้นสูงได้เลย ไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการจะฆ่าซึ่งมีน้อยกว่ามาก

หากแม้แต่การทดสอบในโหมดขั้นสูงยังปราบปรามศักยภาพของร่างมานาอย่างหนัก ดังนั้นการปราบปรามในโหมดฮีโร่จะต้องมากกว่านี้แน่นอน และในกรณีนี้ โอกาสที่ทีมของสภาสิบแปดปีกจะเข้าไปเจอกับบอสของการทดสอบได้ มันก็แทบจะเป็นศูนย์เลย ไม่ต้องพูดถึงการเคลียร์มัน

ในขณะที่ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์กำลังพูดคุยกันอยู่ ขบวนของสภาสิบแปดปีกที่เต็มไปด้วยอะเม้าท์บินได้ขนาดมหึมาหลายตัว และยักษ์เหล็กก็ได้มาถึงเมืองไวโอเล็ตไลท์ ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วเมืองไวโอเล็ตไลท์ทันที