EG บทที่ 791 เปลี่ยนเป็นตึกไช่น่าสเตต

 

ตอนนี้ฮิเดกิ โยโกอิต้องการเงินด่วน เพราะบางทีเขาอาจจะได้รับการรักษาจาก รพ.นอกได้ ส่วนลูกชายทั้งสองคนของเขาต้องการเงินยิ่งกว่า บริษัทประกันภัยและธนาคารในประเทศญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะขายบริษัทและอสังหาริมทรัพย์ที่ตระกูลโยโกอิติดจำนอง หากไม่มีเงินจ่ายคืน พวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ แล้วทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเดกิ โยโกอิจะถูกธนาคารยึดทั้งหมด

คุนิฮิโกะ โยโกอิและน้องชายกำลังค้นหาหลักฐานที่ผิดกฏหมายของกิโกะ นากาฮาระ แล้วนำตึกเอ็มไพร์สเตตกลับคืนมา พ่อของพวกเขาเป็นคนซื้อตึกเอ็มไพร์สเตต แต่ทำไมข้อมูลของทั้งหมดที่แสดง กลับกลายเป็นว่าตึกนี้ไม่ใช่ทรัพย์สินของประเทศญี่ปุ่น

แต่คนที่พวกเขาต้องต่อกรด้วยในตอนนี้ ไม่ใช่แค่คู่สามีภรรยาอย่างกิโกะ นากาฮาระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กอย่างโดนัลด์ ทรัมป์

หลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาทรุดตัวลง สินทรัพย์ของทรัมป์ก็หดตัวลงถึงสองในสาม แต่เขาได้กู้เงินผ่านสินเชื่อเพื่อให้บริษัทดำเนินงานได้ต่อไป แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เขาจ่ายให้กับธนาคารในแต่ละปีสูงถึง200ล้าน$!

ในเวลานั้น ทรัมป์ได้ข่มขู่ธนาคารว่าหากคุณให้ผมล้มละลาย ก็อย่าหวังว่าจะได้ดอกเบี้ยเลย แม้แต่เงินต้นก็ไม่ได้ ธนาคารเลยต้องประนีประนอมยอมให้ทรัมป์เลื่อนการจ่ายดอกเบี้ย

แล้วในภายหลังทรัมป์ฟื้นตัวจากสถานการณ์ย่ำแย่นั้นอย่างไร? ส่วนหนึ่งคือการตีพิมพ์หนังสือและการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ อีกส่วนหนึ่งคือสิทธิการบริหารจัดการตึกเอ็มไพร์สเตต.. สัญญาของเขากับกิโกะ นากาฮาระบุว่าหากสามารถกำจัดผู้เช่ารายใหญ่ทั้งสองคนที่เช่าตึกเอ็มไพร์สเตตออกไปได้ เขาก็จะมีสิทธิ์เช่าตึกนี้อย่างสมบูรณ์ เป็นเพราะเขาได้สัดส่วนหุ้น50%ของตึกเอ็มไพร์สเตตมาในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทีนี้มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!

สิทธิการบริหารจัดการตึกเอ็มไพร์สเตตวุ่นวายมาก แถมตึกเอ็มไพร์สเตตก็ทรุดโทรมมาหลายปี ทำให้ผู้เช่าไม่พอใจ ผู้เช่าตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ส่วนมาก เดิมทีก็เป็นผู้เช่าตึกเอ็มไพร์สเตตนั่นแหละ

ตอนนี้ฮิเดกิ โยโกอิต้องการเงิน ลูกชายสองคนฮิเดกิ โยโกอิก็ต้องการเงินเช่นกัน ดังนั้นคนของคิริเลนโกะจึงมาพบคุนิฮิโกะ โยโกอิ ซึ่งเป็นลูกชายของฮิเดกิ โยโกอิ

ทันทีที่คุนิฮิโกะ โยโกอิได้ยินว่ามีคนยอมรับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของตึกเอ็มไพร์สเตต พวกเขาก็มีความสุขมาก แต่พวกเขามีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการ

“เฝิงหยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะซื้อบริษัทตึกเอ็มไพร์สเตต บริษัทแห่งนี้บริหารกันไม่ลงตัว ตึกเอ็มไพร์สเตตถูกฮิเดกิ โยโกอิซื้อไปไม่ใช่เหรอ?  แล้วทำไมผู้ที่มีอำนาจจัดการในตอนนี้คือทรัมป์และบริษัททรัสต์ของฝรั่งเศสล่ะ? มันไม่เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่นด้วยซ้ำ” คิริเลนโกะปวดหัวมาก ทำไมการซื้อตึกเอ็มไพร์สเตตยากแบบนี้นะ?

เฝิงหยู่แค่พยายามเกลี้ยกล่อมคิริเลนโกะไม่ให้ซื้อตึกแฝดเวิลด์เทรดและอย่าเช่าในระยะยาว จึงพูดส่งเดชว่าซื้อตึกเอ็มไพร์สเตตจะดีกว่า เขาไม่คาดคิดว่าจะทำให้คิริเลนโกะสนใจจะซื้อมากขนาดนี้

“พี่คี เคยไปเยี่ยมชมตึกเอ็มไพร์สเตตแล้วหรือยัง ผมได้ยินมาว่าตึกเก่าทรุดโทรม สายเคเบิลจะหล่นลงมาจากเพดาน หน้าต่างปิดไม่มิด น้ำรั่วไหลตอนฝนตกหนัก แถมยังมีหนูเพ่นพ่าน ซื้อตึกแบบนี้มา ค่าซ่อมแซมที่ลงทุนคงไม่น้อยเลยนะครับ! เฝิงหยู่โน้มน้าว

“แล้วมันยังไง นี่คือตึกที่เป็นสถานที่สำคัญในอเมริกาเลยนะ ผมก็แค่อยากซื้อ! แล้วผมก็หาคนมาประเมินแล้ว ถ้าได้ปรับปรุงใหม่ก็สามารถเพิ่มค่าเช่าได้ ไม่ขาดทุนแน่นอน” คิริเลนโกะกล่าวอย่างดื้อรั้น

ชาวอเมริกันมากอบโกยเงินรัสเซีย ซื้อโรงงานและแบรนด์ต่างๆที่รัสเซียภาคภูมิใจ เขาจึงต้องการซื้อความภาคภูมิใจของชาวอเมริกันบ้าง เพื่อให้โลกรู้ว่ารัสเซียก็มีคนร่ำรวยเช่นกัน! แน่นอนว่าการลงทุนนี้จะไม่ขาดทุน

เฝิงหยู่คิด “ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียวครับ คือทำให้ฝ่ายนั้นประนีประนอมแล้วตัดสินใจขายตึกเอ็มไพร์สเตต ตอนนี้ต้องให้ฮิเดะกิ โยโกอิออกมาพิสูจน์ว่าตึกเอ็มไพร์สเตตทั้งหมดเป็นของฮิเดกิ โยโกอิ”

ฮิเดกิ โยโกอิเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ถ้าเสนอราคาดีดี ฮิเดกิ โยโกอิก็น่าจะขายตึกเอ็มไพร์สเตต แต่ต่อให้เขาไม่อยากขาย ธนาคารและบริษัทประกันภัยจะบังคับให้เขาขายอยู่ดี

อสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นๆทั้งหมดของฮิเดกิ โยโกอิในประเทศญี่ปุ่นอยู่ในการจัดการของธนาคารแล้ว แต่เขายังเป็นหนี้สินจำนวนมาก ธนาคารธนาคารเหล่านั้นจึงยังเพ่งเล็งฮิเดกิ โยโกอิ

เฝิงหยู่สงสัยว่าการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ของตึกเอ็มไพร์สเตตนั้น จริงๆแล้วเป็นฝีมือของฮิเดกิ โยโกอิ ซึ่งต้องการทิ้งทรัพย์สินไว้เพื่อลูกชายทั้งสองของเขา

เพราะหากอุตสาหกรรมนี้อยู่ในมือของเขา ก็คงถูกธนาคารยึดแน่ และถ้าอยู่ในเงื้อมมือของกิโกะ นากาฮาระ สุดท้ายมันก็จะถูกโอนไปเป็นชื่อของลูกชายทั้งสองของเขา แม้จะได้เพียง10%ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นี่คงเป็นเหตุผลที่กิโกะ นากาฮาระเข้าแทรกแซงการดำเนินการนี้

แล้วที่ฮิเดกิ โยโกอิเป็นเดือดเป็นร้อน มันก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น คนอย่างเขาจะยอมรับเรื่องการโอนสินทรัพย์ไปเป็นของคนอื่นได้หรือ?

หลังจากที่ฮิเดกิ โยโกอิถูกปล่อยตัวออกจากคุก เขาสามารถยื่นขอล้มละลายได้ ตอนนั้นเขาคงมีอายุมากกว่าแปดสิบและยังเหลือชีวิตอีกแค่ไม่กี่ปี.. ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอย่างมาก นักธุรกิจใหญ่ทุกคนในประเทศญี่ปุ่นจึงต้องการสร้างครอบครัวที่รุ่งเรือง ฮิเดกิ โยโกอิก็ไม่มีข้อยกเว้น

ทว่าเขาหมดสิ้นแล้ว ยังดีที่สามารถทิ้งทรัพย์สินให้ลูกชายของเขาได้มีโอกาสฟื้นตัว ส่วนกิโกะ นากาฮาระก็ไม่ใช่คนนอกที่ไหน เธอเป็นลูกสาวที่เกิดจากคนรักของเขา

ดังนั้น ต้องให้ฮิเดกิ โยโกอิออกหน้าเรื่องนี้ แล้วให้ฮิเดกิ โยโกอิเอาสิทธิ์การเช่าและสิทธิการจัดการทั้งหมดของตึกเอ็มไพร์สเตตกลับคืนมา ไม่เช่นนั้น ต่อให้ซื้อมาได้แต่ยังมีคนอื่นที่จัดการและเช่าอยู่ จึงไม่มีทางกอบโกยเงินได้แน่

แต่ก็เป็นไปได้ว่ากิโกะ นากาฮาระต้องการฮุบทรัพย์สินนี้จริงๆ ดังนั้นฮิเดกิ โยโกอิจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจริงๆ แต่จะอย่างไรเสีย ขอเพียงเดกิ โยโกอิออกตัว ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาสุดท้ายได้

“ฮิเดกิ โยโกอิยังอยู่ในคุกอยู่เลย ผมให้คนไปติดต่อคุนิฮิโกะ โยโกอิแล้ว เขาเป็นลูกชายคนโตและยังเป็นทายาทสำดับหนึ่งที่ได้รับสิทธิ์สืบทอดหลังจากที่ฮิเดกิ โยโกอิเข้าคุก” คิริเลนโกะกล่าวอย่างหดหู่

ถ้าเขาสามารถติดต่อฮิเดกิ โยโกอิได้ก็ดีน่ะสิ

“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องพูดคุยกับฮิเดกิ โยโกอิว่าให้ตระกูลโยโกอิดำเนินการต่อได้ไหม แล้วดูท่าทีว่าเขาจะเลือกแบบไหน ถ้าเขาฉลาดพอ เขาก็น่าจะรู้ควรเลือกอะไร พี่คี เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ผมจะให้คนไปเจรจากับฮิเดกิ โยโกอิ แล้วเราจะซื้อตึกตึกเอ็มไพร์สเตตนี้กัน”

แต่เดิม สาขาย่อยของเจี้ยนลี่เป่าในอเมริกามาซื้อตึกเอ็มไพร์สเตตทั้งชั้นเอาไว้ แต่ต่อมามันถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาเช่า สองปีก่อนหน้านี้จึงต้องไปซื้อชั้นที่26ในอาคาร420บนถนน5th Aveที่แมนฮัตตันเพื่อทำเป็นสำนักงานใหญ่ประจำสาขาอเมริกา

ในเวลานี้ เจี้ยนลี่เป่าได้เปิดตลาดในอเมริกาแล้ว ในช่วงสองปีก่อนการหาเสียงตำแหน่งของคลินตัน ได้มีการส่งเครื่องดื่มเจี้ยนลี่เป่าไปให้ภรรยาของผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งสองคน แล้วถ่ายรูปเผยแพร่ใน จนกลายเป็นไวรัลโด่งดัง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจี้ยนลี่เป่ามีชื่อเสียงมากในอเมริกา ขณะที่ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มทั้งสองค่ายของอเมริกาอย่างCoca-colaและPepsiได้เข้ามาตีท้ายครัวโดยการเปิดตลาดในเอเชีย เฝิงหยู่เลยรู้สึกชื่นชมมาก

หากซื้อตึกเอ็มไพร์สเตตได้ เฝิงหยู่ตั้งใจที่จะกำจัดผู้เช่าเดิมทั้งหมดแล้วเลือกผู้เช่าใหม่ เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รวมตัวกันของบริษัทจีนในอเมริกา แล้วให้เจี้ยนลี่เป่ากลับมา บางทีอาจสามารถเจรจาร่วมมือกับเจี้ยนลี่เป่าได้ และให้เเครื่องใช้อีเล็กทรอนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯของบริษัทFengyuมาเปิดสาขาในอเมริกา เปลี่ยนตึกเอ็มไพร์สเตต … ให้กลายเป็นตึกไช่น่าสเตต!

ติดตามเพจใหม่ได้ที่ https://www.facebook.com/ceonovel23