ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่****210: แม่มดที่แสนเร้าใจ

“นางน่ะหรือ?” หลังจากที่ฮัวจิงซือได้ยินเช่นนั้น เขาไม่สามารถยับยั้งนอกจากอุทานออกมา “เจ้าอาจจะต้องทบทวนเรื่องนี้สักหน่อย สตรีผู้นี้เป็นบ้าโดยสมบูรณ์ นางไม่เพียงแต่ล่วงละเมิดลูกทีมของตนเอง บางครั้งนางก็สังหารพวกเขาเพียงเพราะนางหงุดหงิด สาเหตุที่มีที่นั่งว่างในทีมของนางถึงสามที่เพราะว่านางสังหารพวกเขาทิ้งหลังจากที่พวกเขาฝ่าฝืนกฏของนาง! ถ้าไม่หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ทีมของนางนั้นก็แข็งแกร่งไม่แพ้กับทีมนักบวชดำ เพราะแม้ว่านางจะขาดคนถึงสามแต่ก็ยังอยู่ในอันดับที่สามของทั้งหมด”

“ข้าเชื่อว่านางไม่สามารถสังหารข้าได้!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างเฉยเมย “ในความจริง มันน่าตื่นเต้นอย่างมากที่ต้องปราบม้าพยศให้เชื่อง!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าช่างเลือดร้อนเสียจริง!” ฮัวจิงซือกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะเขียนจดหมายแนะนำตัวให้เจ้า ข้าเชื่อว่านางจะดูแลเจ้าอย่างดีและจะยังเห็นแก่หน้าของข้า อย่างน้อยนางก็ไม่อาจสังหารเจ้าได้!”

“โอ้!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาโบกมือ “อย่าเขียนจดหมายถึงนาง ข้าไม่ต้องการตกเป็นเป้าหมายใด ๆ ท่านเพียงส่งตัวข้าตามขั้นตอนปกติ เช่นนี้จะทำให้เรื่องราวสนุกขึ้นยิ่งกว่าเดิม!”

“เจ้าจะทำตัวเป็นหมูกินเสืองั้นหรือ?” ฮัวจิงซือรู้ตัวทันทีว่าเจ้าอ้วนต้องการอะไรพร้อมกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก ๆ เจ้าช่างเป็นบุรุษที่แท้จริง! เอาล่ะ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าตามที่เจ้าว่า!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ฮัวจิงซือยื่นยันต์หยกสองอันมอบให้กับเจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรง จากนั้นเขาบรรจุปราณจิตวิญญาณวิเศษลงไปในนั้น หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว เขากล่าวว่า “เจ้าจงแสดงยันต์หยกนี้ให้นางดูและนางจะรู้เองว่าเจ้าเป็นคนใหม่ที่พันธมิตรส่งมาให้ ที่ตั้งของนางอยู่บนที่ราบสูงไม่ห่างจากที่นี่นัก นี่คือแผนที่ จงเก็บมันให้ดี!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาส่งมอบแผนที่ของทะเลตะวันออกให้กับเจ้าอ้วน บนแผนที่มีเครื่องหมายอยู่สองสามแห่งที่แสดงว่าจุดนี้อันตราย เห็นได้ชัดว่าไม่ควรไปที่นั่น

เจ้าอ้วนรับมันพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณและพูดคุยกับเขาต่อสักพักก่อนที่จะเดินทางออกไปพร้อมกับมู่ซื่อหรง

ฮัวจิงซือลุกขึ้นและส่งพวกเขาออกไป ถ้าหากเขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั่วไป แน่นอนว่าฮัวจิงซือจะไม่มีวันสนใจ แต่สถานะของเจ้าอ้วนนั้นแตกต่าง เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิที่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งเช่นนี้ แน่นอนว่าฮัวจิงซือไม่อาจล่วงเกินได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้าอ้วนมากที่สุด

เมื่อทั้งสามเดินออกมาถึงหน้าอาคารร้อยบุบผาพร้อมทั้งกล่าวคำร่ำลา ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังลั่น “นั่นไงมัน! ไขมันบัดซบนั่นมันทำร้ายข้า! ท่านพี่ ท่านต้องแก้แค้นให้กับข้า!”

ทั้งสามคนหันหลังกลับมามองทันทีและพบว่ามีผู้ฝึกตนสามคนกำลังบินตรงมาหาพวกเขา ผู้ฝึกตนทั้งสองคนด้านหลังนั้นเจ้าอ้วนจำพวกเขาได้อย่างแม่นยำ เขาเป็นศิษย์ของสำนักปีศาจและหอเฉวียนจี้ที่พ่ายแพ้ต่อเขาในระหว่างทาง ส่วนบุคคลที่อยู่ด้านหน้านั้นเป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคน แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสง่างามและดูยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน

เมื่อทั้งสามมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าอ้วน ผู้ฝึกตนปีศาจที่กลายเป็นขันทีต้องการที่จะด่ากราดเจ้าอ้วนทันที แต่เขาถูกหยุดไว้โดยผู้ฝึกตนระดับจินตัน จากนั้นผู้ฝึกตนระดับจินตันโค้งคำนับให้กับฮัวจิงซือพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทำความเคารพศิษย์พี่ฮัวจิงซือ!”

“โอ้ เป็นเจ้านี่เองหลีเฟิง ศิษย์น้องหลีจากสำนักพันปีศาจ!” ฮัวจิงซือตอบกลับ “ข้าสงสัยว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่ในวันนี้?”

“ฮ่าฮ่า ท่านอ่อนน้อมเกินไปแล้ว ข้ามีบางอย่างต้องการจะพูดคุยกับน้องชายผู้นี้ อา ข้าสงสัยว่าท่านรู้จักเขาหรือไม่?” หลีเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปที่เจ้าอ้วนด้วยสายตาที่เป็นมิตร

“โอ้ นี่เป็นศิษย์น้องของข้าจากสำนักเสวียนเทียน ทำไมหรือ? ศิษย์น้องหลีเฟิงมีอะไรกับเขางั้นรึ?” ฮัวจิงซือถามกลับอย่างสงบ เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกเขาแล้วในบ่ายที่ผ่านมาและเพียงถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น

เมื่อหลีเฟิงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนทันที จากนั้นเขากล่าวว่า “ศิษย์พี่ฮัวจิงซือ ศิษย์น้องของท่านหยาบคายและทำให้น้องชายของข้าบาดเจ็บสาหัสโดยไร้เหตุผล ข้าสงสัยว่าศิษย์พี่สามารถอธิบายเรื่องนี้กับข้าได้หรือไม่!”

“เป็นเรื่องปกติที่เหล่าคนรุ่นใหม่จะมีความขัดแย้งกันเอง มันคงไม่ดีนักถ้าหากว่าเราเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา ถูกไหม?” ฮัวจิงซือถามกลับ “อย่าบอกข้านะว่าศิษย์น้องหลีเฟิงต้องการสอนบทเรียนให้กับน้องชายของข้าเป็นการส่วนตัว?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลีเฟิงแทบจะตายทันที ฮัวจิงซือจงใจว่ามันเป็นเรื่องของเด็ก ๆ แต่ความจริงคนที่ถูกทำร้ายคือน้องชายของหลีเฟิง กล่าวก็คือทั้งหลีเฟิงและน้องชายของเขาอายุน้อยกว่าฮัวจิงซือ

อย่างไรก็ตามสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้! หลีเฟิงอยู่ในระดับจินตันขั้นต้นเท่านั้นแต่ฮัวจิงซือนั้นอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นมากเกินไป อีกทั้งฮัวจิงซือนั้นมาจากสำนักเสวียนเทียน ซึ่งสำนักขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ได้ส่งผู้ฝึกตนระดับจินตันมาเพียงคนเดียว จำนวนของพวกเขานั้นมากกว่าสิบ โดยปกติแล้วพวกเขามักจะไม่ติดต่อกันมาก แต่ความจริงก็คือพวกเขามีองค์กรเล็ก ๆ เป็นของตนเอง ถ้าหากผู้ใดในกลุ่มเดือดร้อน คนอื่นที่อยู่ในกลุ่มจะต้องเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน ซึ่งหมายความว่าทั้งหมดไม่ใช่คนธรรมดาที่สามารถเข้าไปยั่วยุได้ตามใจชอบ

ถึงแม้ว่าสำนักพันปีศาจจะเป็นสำนักขนาดใหญ่เช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้มีผู้ฝึกตนระดับจินตันมากเท่ากับสำนักเสวียนเทียนภายในทะเลตะวันออกนี้ นอกจากนี้การต่อสู้ในกลุ่มของสำนักพันปีศาจนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หลีเฟิงเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตันเมื่อไม่นานมานี้ และไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อกรกับฮัวจิงซือที่เต็มไปด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกยั่วยุหรือเยาะเย้ยโดยฮัวจิงซือ เขาจึงต้องเก็บกักความโกรธไว้พร้อมทั้งบังคับใบหน้าให้เปื้อนรอยยิ้มเพื่อตอบกลับ “ข้าไม่กล้าทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน พี่ชายนักบวชกล่าวถูกแล้ว มันไม่ถูกต้องถ้าหากเราจะเข้าไปยุ่งเรื่องของมือใหม่ ข้ามีอย่างอื่นต้องทำเพราะฉะนั้นขอตัวก่อน!” ขณะที่เขากล่าวจบเขารีบลากน้องชายของตนพร้อมทั้งผู้ฝึกตนหญิงสาวออกไปทันที

เมื่อเห็นฉากเช่นนี้ ฮัวจิงซือไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหัวเราะออกมา “แม้แต่เหล่ากระดูกหมายังกล้ามาเรียกร้องความยุติธรรมที่อาคารร้อยบุบผางั้นหรือ? เขาช่างวอนหาที่ตาย!”

ฮัวจิงซือหันไปกล่าวกับเจ้าอ้วน “ซ่งจงเจ้าจงจำไว้ นอกเหนือจากปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออก เจ้าไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด ข้าจะคอยสนับสนุนเจ้าเอง!”

เมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของฮัวจิงซือ เจ้าอ้วนมีความสุขอย่างมากพร้อมกับคำนับให้เขา “ขอบคุณศิษย์พี่ ศิษย์น้องจะจดจำไว้!”

“ดีมาก!” ฮัวจิงซือโบกมือด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไปได้แล้ว!”

“เช่นนั้นศิษย์น้องขอตัวลา!” เจ้าอ้วนเดินออกไปพร้อมมุ่งหน้าสู่ที่ราบสูงสีเขียวทันที

สำหรับคนธรรมดา ระยะทางสองถึงสามพันลี้นั้นไกลมาก แต่สำหรับซ่งจงในตอนนี้มันเป็นเพียงการเดินเล่นเท่านั้น ด้วยการเรียกใช้งานดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าและดาบเทวะเงาครามขั้นสุดท้าย ซ่งจงและมู่ซื่อหรงเดินทางมาถึงภูเขาภายในเวลาสองชั่วโมง

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองเดินทางมาถึงจุดหมายที่เขียนไว้ในแผนที่ ซ่งจงยังไม่ได้ลงพื้นทันที เขามองไปรอบ ๆ ก่อนสองถึงสามรอบ เขาตระหนักว่าที่ราบสูงสีเขียวนี้มีความยาวไม่กี่พันฟุต มีหน้าผาที่คลื่นทะเลซัดเข้ามาตลอดเวลา ทำให้เกิดภาพที่งดงามอย่างยิ่ง

บนยอดเขานั้นมีหอคอยไม้สูงประมานหนึ่ง ตรงกลางของภูเขามีหอคอยสำหรับฝึกฝน เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างจะเหมาะสมและน่าอยู่มาก

ในขณะที่ซ่งจงมาถึง เขาพบว่ายอดเขาแห่งนี้นั้นสวยงามเสียยิ่งกว่าลานม่านหมอกของเขาเสียอีก เขาตื่นเต้นอย่างมากพร้อมกับพามู่ซื่อหรงไปที่หอคอยและพบกับบุคคลทั้งเจ็ดซึ่งกำลังดื่มชากันอยู่

ซ่งจงไม่ได้หลบซ่อนแต่อย่างใด เขาพามู่ซื่อหรงเข้าไปเปิดเผยต่อหน้าคนทั้งเจ็ด จากการมองครั้งแรก ทั้งเจ็ดคนมีท่าทีประหลาดมาก

บุคคลที่เรียกตนเองว่าผู้นำกลุ่มนั้นมีท่าทีที่ประหลาดมาก นางมีเพียงผ้าบาง ๆ เท่านั้นคลุมร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสีผิวของนาง ทั้งยอดเขาและหุบเขาที่ซ่อนอยู่ ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน

ไม่เพียงแต่การแต่งตัวของนางที่เปิดเผยอย่างมาก นางดูเหมือนมีความต้องการที่เหลือล้น ริมฝีปากของนางถูกเลียอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของนางแสดงออกถึงความต้องการและมือจับที่หน้าอกของตนเองอยู่เสมอ ทั้งรูปร่างและการแต่งตัวพร้อมท่าทางเช่นนี้ทำให้นางมีเสน่ห์อย่างมาก มันเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเดือดดาลจากภาพนี้อย่างไม่อาจควบคุมได้ โดยเฉพาะซ่งจงที่จ้องมองนางอยู่ในตอนนี้ เขากำลังได้รับผลกระทบมากที่สุด! นางคงจะเป็นแม่มดเปลือยกายผู้โด่งดังคนนั้น!

แต่ซ่งจงนั้นได้รับภูมิต้านทานหลังจากที่เขาเข้ารับการทดสอบของเหล่าแม่มดเทวะ ดังนั้นเขาจึงไม่สูญเสียการควบคุมโดยง่าย

ด้านขวาของหญิงสาวเป็นบุรุษสูงใหญ่รูปร่างสง่าอยู่ในชุดสีดำ นับตั้งแต่ที่ซ่งจงและมู่ซื่อหรงมาถึง สายตาของเขาหยุดลงที่มู่ซื่อหรงราวกับว่าต้องการข่มขืนนางให้กลายเป็นของเขาผ่านสายตา!

ถัดจากเขาเป็นชายแก่หน้าตาเจ้าเล่ห์ อย่างไรก็ตามความกล้าหาญและสถานะของเขาไม่มากเท่ากับบุรุษด้านข้าง ดังนั้นเขาเพียงแค่แอบดูและไม่แสดงความปรารถนาออกมามากนัก

บุคคลที่อยู่ด้านซ้ายของแม่มดเปลือยกายเป็นเด็กผู้ชายแต่งตัวด้วยชุดสีขาว ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับเขาเป็นเพียงก้อนหินโดยสมบูรณ์ หลังจากที่ซ่งจงและมู่ซื่อหรงมาถึง เขาไม่สนใจอะไรและอยู่ในสมาธิตลอดเวลา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจอะไรนอกจากการฝึกฝน

ข้างเขามีหญิงสาวสองคนแต่งกายด้วยชุดขาวเช่นกัน ร่างกายของพวกนางนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์แต่หน้าตากลับน่าเกลียดจนรับไม่ได้ มีรอยแผลสดมากมายบนใบหน้าของพวกนางพร้อมทั้งหนองไหลออกมาตลอดเวลา ส่งกลิ่นเหม็นอบอวล มันยิ่งทำให้ดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก

ในขณะที่ซ่งจงเฝ้าสังเกตทั้งเจ็ดคน พวกเขาก็กำลังสังเกตุเจ้าอ้วนพร้อมทั้งมู่ซื่อหรงเช่นกัน หลังจากผ่านไปชั่วขณะ แม่มดเปลือยกายได้กล่าวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “อา อ้วนน้อยที่พาคนรักของตนเองมาที่นี่ อย่าบอกข้านะว่ามาเพื่อพบรักกัน?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่เช่นนั้น!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างสุภาพ “ข้าเป็นสมาชิกใหม่!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบเอายันต์หยกจากฮัวจิงซือออกมา ในขณะนั้นมู่ซื่อหรงก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้เห็นเช่นนั้น นางตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นนางหยิบยันต์หยกมาเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ หลังจากนั้น นางสาปแช่งออกมา “มารดามัน พวกเจ้าทำอะไรอยู่? ทำไมพวกเขาจึงมอบขยะชิ้นนี้ให้กับข้า? ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นกลางกับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นต้นอย่างนั้นหรือ? เขาปล่อยขยะเช่นนี้มาอยู่ในทีมของข้าได้อย่างไรกัน?”