ตอนที่ 298 สบตากับสุนัขป่าน้อย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลันนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยขนกระต่าย ในสมองมีแต่เสียงวิ้งวิ้งดังไปมา กระดูกทั่วร่างคล้ายจะหักไปหลายส่วน 

 

 

สองตาของนางมีแต่รอยเส้นเลือด เอาแต่จับจ้องไปปยังเถาวัลย์ที่เลื้อยเกาะอยู่บนผนังถ้ำ 

 

 

ที่แย่ที่สุดก็คือ ส่วนเอวของนางตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว 

 

 

หากว่ายังมีความเจ็บก็ยังดี ….ไม่เจ็บต่างหากที่น่ากลัว 

 

 

คนที่ลงมือกับนางตอนที่อยู่ในช่องทางกาลเวลาผู้นั้น….อำมหิตจริงๆ 

 

 

บนโลกใบนี้ นางอาศัยอยู่แต่ในวังหลัง หากจะบอกว่าผิดใจกับใครล่ะก็ เกรงว่าทั้งในที่ลับและที่แจ้งคงจะมีเป็นโขยงใหญ่ แต่คนที่มีความสามารถที่จะทำให้นางเป็นถึงขนาดนี้….ในสมองของนางปรากฏภาพคนผู้หนึ่งขึ้นมา 

 

 

บุรุุษม่วงผู้นั้น คืนนั้นนางได้เจอกับเขา ไอหยินจากร่างของเขานางจดจำได้อย่างชัดเจน กลิ่นอายจากผีเสื้อดำเหล่านั้นเหมือนกับกลิ่นอายของเขาไม่มีผิด 

 

 

บุรุษผู้นั้น….. 

 

 

สายตาของนางเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มกว่าเดิม พลางก้มลงมองดูรูโหว่ที่หน้าท้อง 

 

 

นางใช้ยันต์แลกอาการบาดเจ็บของจีเฉวียนเปลี่ยนมาอยู่บนร่างของตนเอง ทั้งหน้าท้อง และหัวไหล่ล้วนถูกดาบสีดำแทงทะลุ 

 

 

ความเจ็บปวดที่เสมือนกับเข็มนับพันนับหมื่นคอยทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ กำลังรุมเร้าทำร้ายนาง ทำเอาตู๋กูซิงหลันไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการแม้แต่น้อย 

 

 

นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่า จีเฉวียนได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงได้ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ทั้งยังมาเที่ยวกล่าวคำหวานบอกความในใจกับนางได้ตั้งมากมาย 

 

 

เขา….ตอนนี้คงจะได้รับขุมสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือไปแล้วล่ะมั้ง คงคิดว่านางกลับไปยังที่ที่สมควรจะไปแล้วใช่ไหม? 

 

 

ทันที่ช่องทางแห่งกาลเวลาเคลื่อนไหว คนที่อยู่ด้านนอกไม่อาจมองเห็นสภาวะภายในได้ 

 

 

นางเองก็เช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้สบตากับเขา ก็เห็นดวงพักตร์ที่งดงามไร้ที่ติของเขามีแต่ความเจ็บช้ำและหมดสิ้นความหวัง 

 

 

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็คิดว่าหัวใจของนางก็ยังมิได้หวั่นไหวเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกว่ามีแรงหน่วงบางๆ สายหนึ่งเกิดขึ้น ความอาวรณ์ทั้งหมดจมลงอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ 

 

 

นางได้แต่นอนอยู่อย่างนั้น ความเจ็บปวดบนร่างกายครึ่งบนและความชาตลอดร่างกายครึ่งล่างเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผ่านไปอีกพักใหญ่นางถึงได้ขยับร่างกายน้อยๆ อยู่บนผ้าปูนุ่ม มองดูขาทั้งสองข้างของตนเอง ดวงตาดอกท้อทั้งสองข้างทอประกายเย็นยะเยือกออกมา 

 

 

คติในการดำรงชีวิตของนางนั้นเรียบง่าย หากไม่จัดการอีกฝ่ายถึงตาย ก็ต้องถูกเขาฆ่า 

 

 

เรื่องที่จะยอมเหลือเพียงครึ่งชีวิตเช่นนี้ นางย่อมไม่มีทางกล้ำกลืนโทสะลงไปได้อย่างเด็ดขาด 

 

 

“นั่นเอ่อ….หรือว่าข้าผู้เป็นเทพจะไปจับหมอมาให้เจ้าสักหลายๆ คนดีไหม? สภาพของเจ้าดูไม่ดีเท่าไหร่เลย” ชือหลีนั่งลงที่ข้างกายนาง ต่อให้ไม่ต้องใช้พลังเซียนก็สามารถบอกได้ว่ากระดูกบนร่างกายของตู๋กูซิงหลันนั้นแหลกไปหมดแล้ว 

 

 

ถูกแรงบดขยี้จากมิติกาลเวลา แล้วยังจะสามารถรอดออกมาได้ ก็ต้องนับว่านางมีโชคมากแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ นางรู้สึกว่าตนเองยังพอจะมีทางหายได้เองอยู่บ้าง 

 

 

ชือหลีเดินออกไปทางปากถ้ำ พอเดินออกไปสองก้าวก็คิดอะไรออก รีบหันกลับมามองตู๋กูซิงหลันทันที “ข้าคิดออกแล้ว ใกล้นี้ยังมีหมอผีของหนานเจียง อืม แต่ก็พึ่งไม่ค่อยได้ หรือว่าข้าจะส่งเจ้ากลับไปวังหลวงของต้าโจวดี?” 

 

 

“ฟังว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงในวังสูงส่งมาก เจ้าอย่าพึ่งสิ้นหวัง…” 

 

 

ชือหลีพูดแล้วก็ชะงักไป ยื่นมือทุบลงไปบนขาของนางครั้งหนึ่ง 

 

 

ขาของนางไม่ขยับแม้แต่น้อย 

 

 

ชือหลี “อ๋า อีกหน่อยคงต้องเป็นคนพิการแน่แล้ว” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” หากไม่ใช้วาจาเฉือดเฉือนกันล่ะก็ พวกนางยังคงเป็นสหายกันได้ 

 

 

ชือหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายตลบ ก็กล่าวปลอบออกมาว่า “หากว่าไม่ไหวจริงๆ …..ก็ทิ้งร่างนี้เสีย ไปสิงอีกร่างเป็นไง?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเงียบไป นานพักใหญ่ถึงได้พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “ศิษย์สำนักหุบเขาภูติเร้นลับอย่างข้าไม่เคยทำเรื่องแย่งชิงสิงร่างของผู้อื่น” 

 

 

“กะกะ กะต๊าก!” 

 

 

ติ๊งต๊องสะบัดปีก ดวงตาไก่กุ๊กของมันรื้นไปด้วยหยดน้ำตา ครั้งนี้มันเห็นด้วยกับชือหลี พี่สาวตัวน้อย ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ จะต้องเจ็บปวดอย่างมาก นอกเสียจากว่าได้พบเจอกับหมอเทวดา มิเช่นนั้นคงไม่มีหวังที่ชาตินี้จะยืนขึ้นมาได้อีก 

 

 

มิสู้มองหาร่างใหม่สักร่าง แบบนี้ยังจะรวดเร็วมากกว่าไหม? 

 

 

ต้องโทษตัวมัน….ที่ไปไล่ตามแม่ไก่สาวนั่นระหว่างทาง! ถึงแม่ไก่นั่นจะน่ากินแค่ไหน แต่ไหนเลยจะสำคัญเท่ากับพี่สาวตัวน้อยได้! 

 

 

ที่สำคัญคือนังไก่แก่ๆ นั่น….เนื้อแข็งอย่างกับท่อนฟืน รสชาติไม่ได้เรื่องเลย 

 

 

หากว่ามันอยู่ข้างกายพี่สาวตัวน้อยอยู่ตลอดเวลา พี่สาวตัวน้อยก็คงไม่ต้องรับบาดเจ็บมากขนาดนี้ 

 

 

ยังมี…..ไอ้หมาโง่ถวนจื่อนั่นอีก มันได้รับบาดเจ็บหนักจากแรงบดขยี้ในมิติกาลเวลา ตอนนี้ก็เอาแต่หลับหูหลับตาจำศีลอยู่ข้างๆ ….. 

 

 

มันไม่น่าจะกินนังแม่ไก่แก่ๆ นั่นจนหมด ควรจะเหลือเอาไว้ให้เจ้าหมาโง่นี่บ้างถึงจะถูก ถึงแม้ว่าเจ้าหมาโง่นี่จะน่ารังเกียจ ……แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของพี่สาวตัวน้อย มันก็สมควรจะปกป้องเจ้าตัวนี้สักหน่อย 

 

 

ที่จริงแล้ว…..ราชาสุนัขป่าตะวันตกก็คิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน 

 

 

มันโสดมาตั้งนานหลายปี สุนัขป่าในฝูงไม่มีสักตัวที่เข้าตา ไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอกับรักแรกพบเข้าสักตัว อีกนิดเดียวก็จะได้ร่วมกันให้กำเนิดสุนัขป่าน้อยขึ้นมาแล้วแท้ๆ ตอนนี้ต้องมาดูเจ้าสุนัขป่าน้อยนี่เกือบจะมอดม้วยแทน 

 

 

ยังดีที่ไม่ตาย เช่นนี้ก็หมายความว่ายังช่วยเอาไว้ได้ 

 

 

ราชาสุนัขป่าตะวันตกหมอบอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน มันก้มศีรษะลง แลบลิ้นออกมาเลียเจ้าวิญญาณทมิฬ 

 

 

เจ้าไก่ขนฟูขนลุกฟู่ขึ้นมาในทันที มันกระชับสองปีกข้างเอว ถลึงตามองดูราชาสุนัขป่าพลางส่งเสียงร้องกะกะกะต๊าก 

 

 

เจ้าสุนัขโง่นี่ถึงจะใช้การไม่ได้ แต่อย่างไรเสียก็ยังมีเจ้าของ ไม่ใช่สิ่งที่ใครที่ไหนก็จะมาเอาไปกินเป็นอาหารได้ง่ายๆ นะ 

 

 

วิญญาณทมิฬตัวสั่นน้อยๆ ใช้กำลังทั้งหมดที่มีขยับตัวเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของตู๋กูซิงหลัน ใช้น้ำเสียงที่อ่อนแออ้อแอ้ราวกับทารกกล่าวกับตู๋กูซิงหลันว่า “อาหลัน ทำไมข้าถึงได้มีลางสังหรณ์แปลกๆ รู้สึกไม่ดีเลย” 

 

 

หลังจากนั้นมันก็กระตุกชายเสื้อของนาง กล่าวอย่างน่าสงสารกับนางว่า “เจ้าจะต้องปกป้องตัวน้อยๆ ที่กำลังน่าสงสารและช่วยเหลือตนเองไม่ได้อย่างข้าด้วยนะ” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันค้อนขวับใส่มันครั้งหนึ่ง ทุบลงไปบนขาเสมือนท่อนไม้ที่ไม่ความรู้สึกเลยสักนิดของตนเอง “พูดเสียอย่างกับว่าข้าไม่ได้อ่อนแอ น่าสงสารและช่วยเหลือตนเองไม่ได้อย่างนั้นแหละ” 

 

 

วิญญาณทมิฬ “…..” 

 

 

“ไอ้เจ้ามือมืดที่สมควรฆ่าทิ้งสักพันดาบนั่น รอให้อั๊วฟื้นฟูได้เมื่อไหร่ จะกลืนกินมันให้หมดทั้งตระกูลไปเลย!” 

 

 

หากไม่ใช่เพราะว่าถูกคนทำร้ายระหว่างทาง พวกมันก็คงจะสามารถกลับไปยังโลกปัจจุบัน ได้เจอกับซื่อมั่วที่สุดแสนจะคิดถึงไปแล้ว 

 

 

ติ๊งต๊องกับราชาสุนัขป่าสบตากันรอบหนึ่ง ตัวหนึ่งก็กระพือปีกขึ้น อีกตัวก็ส่ายหางไปมา 

 

 

“กะกะกะต๊าก!” เฮียจะช่วยเจ้ากินมันด้วย 

 

 

“อาฮวู้~” ศัตรูของสุนัขป่าน้อยก็คือศัตรูของเราราชาสุนัขป่า 

 

 

วิญญาณทมิฬตัวสั่นน้อยๆ มันได้แต้ใช้สองมือสั้นๆ ปิดหน้าเอาไว้ 

 

 

ชือหลีที่ดูอยู่ด้านข้างสีหน้าว้าวุ่นใจ 

 

 

คนงามย่อมมีวาสนารักวุ่นวาย ขนาดสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ยังพลอยมีวาสนารักสับสนไปด้วย ดูเอาสิ ความรักที่ข้ามเพศข้ามเผ่าพันธุ์นี้ไม่เรียกว่าพิศดารหรือไร 

 

 

ตอนที่หนึ่งไก่หนึ่งสุนัขป่านี้ไล่ตามมา นางยังนึกว่าพวกมันจะมาท้านางสู้เสียอีก จุ๊ จุ๊ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะมาถูกใจเจ้าสุนัขป่าน้อยที่ตู๋กูซิงหลันเลี้ยงเอาไว้ 

 

 

ชือหลีส่ายศีรษะ ค่อยกล่าวว่า “ถ้าหากว่าเจ้าไม่คิดจะแย่งชิงชีวิตของผู้อื่น เช่นนั้นไยไม่กลับวังหลวงไป?” 

 

 

นางเป็นเทพธิดาแห่งสายน้ำ มิใช่เทพโอสถ ประกอบกับร่างทิพย์ของนางเองก็ยังไม่ฟื้นคืนอย่างเต็มที่ จึงยิ่งไม่มีพลังจะมารักษาตู๋กูซิงหลัน 

 

 

“อาการบาดเจ็บครั้งนี้เกิดจากพลังหยินของยมราชและพลังบดขยี้ของมิติแห่งกาลเวลา หมอหลวงในวังไหนเลยจะรักษาได้กัน” ตู๋กูซิงหลันกระพริบตาถี่ๆ ในใจของนางรู้ดี ร่างนี้ต้องถือว่าพิการไปแล้ว 

 

 

นอกเสียจากว่าจะได้พบกับท่านหมอที่มีวิชาเวทย์สูงส่ง ที่สามารถรักษาภูติผีและเทพเซียนได้โดยเฉพาะ ในโลกก่อนทุกครั้งที่นางได้รับบาดเจ็บล้วนมีท่านอาจารย์เป็นผู้รักษาจนหายดี 

 

 

มิว่าจะบาดเจ็บหนักหนาเพียงไร ขอเพียงได้ผ่านมือของท่านอาจารย์สักครั้ง ก็ล้วนหายดีได้