บทที่491
ผู้แปล : N.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนวูเต๋อชิงยังคงพูดออกมาอย่างสุภาพว่า: “คุณลู! ผมต้องเตือนว่าการนำยาที่ไม่ได้รับอนุมัติมาใช้ มันอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยได้โดยตรง และในตอนนี้สภาพของผู้ป่วยเองก็อยู่ในสภาพที่แย่เป็นอย่างมาก ถ้าเราให้เขาทานยาอื่นเข้าไปมันอาจจะทำให้อาการของเขาแย่ลงก็ได้ “
ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศทั้งสองคนเองก็เห็นด้วยกับเช่นกัน บรูเออร์ได้พูดขึ้นว่า ” ผมเห็นด้วยกับคุณวู! จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังได้ศึกษาทางเลือกการรักษาใหม่ๆที่ดีสำหรับผู้ป่วยตลอดเวลา ดังนั้นผมจึงอยากจะให้คุณลูอดทนรออีกระยะหนึ่ง “
เบอนัวต์เองก็พูดว่า ” ทำไมคุณลูถึงไม่แสดงข้อมูลของยานี้ให้พวกเราดูละ? ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะบอกได้แบบคร่าวๆว่ายานี้มีสรรพคุณอย่างที่เพื่อนของคุณพูดไหม? “
ลูชินรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวพวกเขาด้วยการพูด ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะส่งข้อมูลบางอย่างของตัวยานี้ให้พวกเขาดู ” เป็นความคิดที่ดี! ผมสามารถแสดงข้อมูลบางอย่างให้พวกคุณดูได้”
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ลูชินพูดออกมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้รับข้อมูลของยามาก็รีบอ่านมันทันที
“หืม? การรักษาแบบเฉพาะ?” วูเต๋อชิงเป็นคนแรกที่อ่านจบและได้ตะลึงกับข้อมูลที่เขาอ่าน
สำหรับการรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะกลุ่มในระดับเซลล์และโมเลกุลนั้นเป็นสิ่งที่ชื่นชอบของวงการแพทย์มาโดยตลอด และวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่อันตรายต่อร่างกายของผู้ป่วยน้อยกว่าการรักษาด้วยรังสีหรือเคมีบำบัด
และถ้าทีมแพทย์สามารถกำหนดเป้าหมายของเซลล์มะเร็งได้โดยตรง พวกเขาก็สามารถใช้การรักษาในระดับโมเลกุลได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็มีเพียงโรงพยาบาลไม่กี่แห่งในโลกที่ใช้ และพวกเขายังได้กำหนดชนิดของมะเร็งที่จะทำการรักษาอีกด้วย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายการรักษาโรคมะเร็งปอดนั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีสถาบันการวิจัยหรือองค์กรทางการแพทย์ใดๆที่เผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาก่อน
“ พระเจ้า! นี้พวกเขาสามารถระบุโมเลกุลของยาเฉพาะที่สามารถป้องกันการผลิตเซลล์มะเร็งได้จริงเหรอ?” บรูเออร์เป็นอีกคนที่ได้ถามคำถามนี้ออกมา
ลูชินได้พยักหน้าเป็นการยืนยันและพูดว่า “มันเป็นความจริง”
“จริงเหรอ?” บรูเออร์ถึงกับไม่สามารถทำใจเชื่อได้ เขาจึงได้ก้มลงไปอ่านข้อมูลอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดกับตัวเองเบาๆว่า “เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาสามารถหาโมเลกุลยาที่บล็อกเซลล์มะเร็งได้จริง! ไม่! ฉันต้องการทราบรายละเอียดมากกว่านี้! “
สัญชาตญาณแรกของเขายังคงไม่เชื่อมีสิ่งต่างๆเช่นนี้ ในโลกของวงการแพทย์ เมื่อใดก็ตามที่ทีมวิจัยใดประกาศว่าพวกเขาสามารถคิดค้นหรือผลิตยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับรักษาโรคบางชนิดได้ถึง 98% ของยาได้ ต้องเชื่อเอาไว้ก่อนว่านี้เป็นเรื่องหลอกล่วงทั้งนั้น
“รายละเอียดส่วนผสมผมคงไม่สามารถบอกได้” แน่นอนว่าลูชินจะไม่บอกรายละเอียดส่วนผสมออกไปอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งนี้เป็นความลับทางการแพทย์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก
ตามรายงานที่ออกโดยศูนย์วิจัยการพัฒนายาในสหรัฐอเมริกา ราคาเฉลี่ยของการพัฒนายาชนิดใหม่ที่รักษาโรคทั่วไปนั้นมีมูลค่าถึง 2.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ!
สามารถจินตนาการได้ว่าถ้ายาระงับการแพร่กระจายของมะเร็งปอดตัวใหม่นี้ประสบความสำเร็จ และมันจะมีมูลค่าสูงขนาดไหน!
“ผมต้องขออภัยด้วยที่ถามออกไปแบบนี้! แต่ผมก็ยังคิดว่ายานี้ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมากอยู่ดี”
เบอนัวต์เองก็พูดว่า “ดร.บรูเออร์พูดถูก” เขายังพูดต่ออีกว่า “ผมได้อ่านเอกสารเหล่านี้หมดแล้ว และเห็นได้ชัดว่าเพื่อนนักวิจัยของคุณนั้นมีความเข้าใจในโรคมะเร็งในระดับสูงเป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังมีความเสี่ยงมากอยู่ดีกับการนำยาที่พึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นครั้งแรกแบบนี้มาใช้กับผู้ป่วยโดยตรง ”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองก็ได้พยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคนี้ของผู้เชี่ยวชาญเบอนัวต์ :” ผมเองก็คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่สามารถทำได้โดยพวกเรา! ดังนั้นผมคิดว่าเราควรจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับครอบครัวของผู้ป่วย เพื่อที่ว่าจะให้พวกเขาเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“เป็นความคิดที่ดี” ตอนนี้ลูชิรู้แล้วว่าเขานั้นไม่สามารถโน้มน้าวพวกแพทย์เหล่านี้ได้ ” ผมจะอธิบายเรื่องนี้กับครอบครัวของผู้ป่วยเองก็แล้วกันครับ “
หลังจากการพูดคุยครั้งนี้จบลง ลูชินก็ได้ทำการติดต่อไปหาซูเสียวทันทีและเขาได้อธิบายเรื่องที่เขากำลังทำนี้อีกครั้ง ซูเสียวนั้นนิ่งเงียบตลอดการอธิบายของลูชิน จนเมื่อลูชินพูดจบเธอจึงได้พูดขึ้นว่า “ฉันต้องไปถามความเห็นจากพ่อของฉันก่อน ถ้าเขาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฉันเองก็เห็นด้วย แต่ถ้าเขาปฏิเสธมัน…. “
ลูชินได้พยักหน้าเป็นการเคารพความคิดเห็นของซูเสียว และเมื่อพวกเขาได้นำเสนอการรักษานี้แก่ซูหยาน เขาก็ได้แสดงสีหน้ามีความสุขออกมาทันที ก่อนที่เขาจะตอบตกลงใช้ยาตัวที่ลูชินนำมา เขาไม่ได้ถามลูชินด้วยซ้ำว่าได้ยานี้มายังไง
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลได้ทำหนังสื่อลงนามในข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มทดสอบยาตัวใหม่นี้โดยเฉพาะ
สำหรับยาตัวใหม่นี้ทางผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก และหลังจากผ่านไปอีกไม่กี่วันผู้เชี่ยวชาญที่ลูชินได้เชิญมาก็ได้ขอตัวกลับไปยังสถาบันของพวกเขา
“คุณลู! ผมต้องพูดว่าสภาพของคุณซูนั้นยังไม่แน่นอน ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะดูอาการของเขาอย่างใกล้ชิด” บรูเออร์ที่กำลังขึ้นเครื่องบินได้พูดเตือนขึ้นมา
“ถ้าคุณเจอปัญหาที่ร้ายแรงสามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลา” ทางวูเต๋อชิงเองก็ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ
เช่นเดียวกันกับทุกคน เบอนัวต์ที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระดับโลกเองก็ได้แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน และเขายังได้พูดอีกว่าเขาจะคอยมาตรวจสอบผลของยาตัวใหม่นี้เป็นระยะ
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่เชื่อในการใช้ยาตัวใหม่แบบนี้ ซึ่งพวกเขาไม่เคยรับรู้ถึงผลข้างเคียงที่ตัวยานั้นทำขึ้นมาเลย และในท้ายที่สุดซูหยานก็อาจเป็นเพียงหนึ่งในกรณีความล้มเหลวก็ได้
เซงหงแพทย์ที่เข้าร่วมในครั้งนี้เองก็อยู่ภายใต้แรงกดดันเช่นกัน เมื่อซูหยานได้เริ่มใช้ยาตัวใหม่นี้เป็นครั้งแรก เขาถึงกับบอกให้พยาบาลตรวจสภาพผู้ป่วยทุกครึ่งชั่วโมง
ซูเสียวเองก็ยังเป็นห่วงเกี่ยวกับอาการของพ่อของเธอเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงได้ค่อยอยู่ข้างๆพ่อของเธอตลอดเวลา
แต่หลังจากที่ซูหยานทานยาเข้าไปเป็นเวลาถึงสิบชั่วโมง เขาก็ยังไม่ได้แสดงอาการในแง่ลบออกมาแต่อย่างใด ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถลดแรงกดดันลงไปได้บ้าง
ในวันถัดไป ปริมาณอาหารที่ซูหยานทานเข้าไปก็ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวาน วันที่สามเองก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อยเช่นกัน
“ จากสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ป่วย ดูเหมือนว่ามะเร็งจะบรรเทาอาการลงชั่วคราวโดยไม่มีการเสื่อมสภาพต่อไป อย่างไรก็ตามเราจะต้องติดตามอาการของผู้ป่วยอีกสองสัปดาห์” เซงฮงได้รายงานสถานการณ์ของซูหยานให้กับผู้อำนวยการแผนกฟัง
“ ยาตัวใหม่นี้ใช้ได้จริงหรือ?” โมเซียวจินรู้สึกแปลกใจกับผลที่ออกมาเช่นกัน :“ ถ้าหากนายพบการเปลี่ยนแปลงใดๆก็รีบแจ้งฉันทันที เข้าใจไหม?”
“ รับทรายครับ!”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา สภาพของซูหยานก็ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เขาสามารถทานอาหารได้ในระดับคนปกติแล้ว และเขายังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติเช่นกัน
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ ทางทีมแพทย์เองก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก จนพวกเขาต้องขอทำการตรวจสอบร่างกายของเขาอีกครั้ง
ในห้องให้คำปรึกษา หัวหน้าแผนกและแพทย์ที่เข้าร่วมกำลังรอคอยผลตรวจอย่างกระวนกระวายยิ่งกว่าผู้ป่วยเสียอีก เพราะผลตรวจนี้จะไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ถึงวิธีการรักษาเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเปิดโลกใหม่ของวงการแพทย์อีกด้วย
“รายงานออกมาแล้วค่ะ!” พยาบาลได้เข้ามาพร้อมกับผลตรวจของซูหยาน
เมื่อพวกเขาได้เห็นข้อมูลในนั้น พวกเขาถึงกับตะโกนออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ว่า : “เป็นไปไม่ได้! จำนวนเซลล์มะเร็งเริ่มลดลงจริงๆ ! มันกำลังถูกระงับจริงๆ!”