ระเบิดลงช่องสตรีม

 

ซูจิ้งได้ปล่อยพลังธรรมชาติเข้าไปในร่างของแม่ของหมินถัง เพื่อทำการรักษา ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าพลังธรรมชาติ จะรักษาอวัยวะที่เสื่อมสภาพได้รึเปล่า แต่ด้วยการที่พลังนี้ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้วมันก็คุ้มค่าที่จะได้ลองดู ถ้ามันช่วยไม่ได้จริงๆ ก็แค่ทำการเปลี่ยนไตแค่นั้นเอง

 

ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วการขอรับบริจาคอวัยวะนั้น ต้องมีการเข้าคิวรอรับบริจาค นอกจากนั้นต้องดูความเข้ากันได้ของอวัยวะ และใช้เงินจำนวนมากในการผ่าตัด เงินที่ใช้อย่างต่ำก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวน นอกจากนั้นยังต้องมีค่าใช้จ่ายหลังผ่าติดอีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าเงินหนึ่งแสนนี้ไม่เพียงพอแน่นอน ต่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วยังไงก็ไม่พออยู่ดี เพราะฉะนั้นการลองรักษาถ้าได้ผลถือว่าได้กำไรกว่าเห็นๆ

 

หลังจากผ่านไปซักพัก ซูจิ้งก็ถอนมือออกมาพร้อมเอ่ยถามว่า “คุณป้า ตอนนี้คุณป้ารู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”

แม่ของหมิงถังเมื่ออยู่ต่อหน้าดาราที่มีชื่อเสียงแล้ว เธอเองก็ยังเกิดความรู้สึกอึกอักอยู่เหมือนกัน ก่อนที่เธอจะตอบบกลับไปว่า

 

“ฉัน ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”

ซูจิ้งได้เรียกหมอเข้าหมอตรวจร่างกายของแม่ของหมิงถัง หมอนั้นก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ที่ทำไมเขาต้องเข้าไปตรวจอีกทั้งๆที่เพิ่งตรวจไปเมื่อไม่นานมานี้ ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนผลตรวจได้หรอก แต่หมอเองก็จำซูจิ้งได้เขากลัวมีปัญหากับซูจิ้งเลยจำใจต้องเข้าไปตรวจ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามผลมันก็ไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี

ผลที่ออกมานั้นไม่ได้ทำให้ซูจิ้งประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะพลังธรรมชาตินั้นเท่าที่เขาพอรู้มันแค่ช่วยรักษาบาดแผลได้เท่านั้น มันไม่มีผลต่อการฟื้นคืนสภาพอวัยวะอยู่แล้ว ถ้าให้พูดอีกอย่างคือพลังของเขายังอ่อนแอเกินกว่าที่ จะให้พลังธรรมชาติแสดงผลได้อย่างสมบูรณ์ เขาเองก็อยากจะเข้าใจทักษะในการรักษาของเขามากขึ้นต่อเหมือนกัน แต่ไม่มีทางที่เขาจะใช้แม่ของเพื่อนมาเป็นหนูทดลองแน่นอน ในตอนนี้วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาก็คือการเปลี่ยนไต

ในเรื่องเปลี่ยนไตนั้นซูจิ้งก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้ไตของเต็งหมินถัง เขายอมที่จะจ่ายเงินซื้อจำนวนมากจากคนอื่นที่ยอมขายไต และต้องเป็นไตที่เข้ากับแม่ของหมิงถังได้ นั่นทำให้ครอบครัวของหมิงถังตกใจจนถึงกับพูดไม่ออก

 

“พี่จิ้งฉันจะรับสิ่งที่พี่ทำได้ยังไงมันมากเกินไป….” หมิงถังเองก็รู้สึกไม่ดีในสิ่งที่ซูจิ้งทำให้เธอ

 

“คุณซูพวกเราไม่ได้ต้องการเงินของคุณหรอกนะ” ทั้งพ่อกับแม่ของหมิงถังเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับหมิงถัง

 

“สำหรับผมแล้ว เงินพวกนี้ช่างน้อยนิดซะจนเปรียบได้ดั่งการตักเงินขึ้นมาหนึ่งถัง ด้วยถังน้ำถังเดียวเท่านั้น มันไม่ได้มากมายอย่างที่คุณคิดหรอกนะ พวกคุณรับไว้เถอะ หมิงถังเองก็ช่วยเหลือผมไม่น้อยเหมือนกัน ถือว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

 

ซูจิ้งบอกไปอย่างนั้นทำให้ครอบครัวหมิงถังดีใจจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา ครอบครัวของหมิงถังไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกแล้ว ซูจิ้งเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยอยู่คุยกับพวกเขาอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะออกไปทางประตู เฉียนหยินหนิงเองก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า “ดูเหมือนฉันจะช่วยอะไรไม่ได้เลยซินะ” ปันเสวี่ยเองก็รู้สึกแบบเดียวกันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

เมื่อซูจิ้งออกจากห้องเขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่เล่นคอมพิวเตอร์อยู่ เขาพบว่าเด็กนั่นกำลังสตรีมการเล่นเกมแบบสดๆ อยู่ ข้างๆเขาเองก็มีสเก็ตบอร์ดวางอยู่อันหนึ่ง ซึ่งมันค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว มันดูไม่เหมาะกับเด็กเรียนดีเลยแม้แต่น้อย

 

“เขาเป็นน้องชายของหมินถังค่ะ ชื่อว่า เต็งหมินจี้ ขนาดแม่ของเขาเป็นอย่างนี้แล้วเขาก็ยังทำตัวอย่างนี้อีก เด็กนี่ช่าง..” ปันเสวี่ยพยายามอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างโกรธ ขนาดแม่ของเขาป่วยขนาดนี้ยังมานั่งเล่นเกมอยู่อีก ช่างเป็นเด็กที่ไม่ได้เรื่องเลย

 

“ไม่เป็นไรน่า” ซูจิ้งยิ้มออกมาพร้อมทั้งเดินไปนั่งข้างๆ เขาดึงหูฟังออกจารหมิงจี้ออกข้างนึง หมินจี้ตกใจเล็กน้อยพร้อมถามออกมาว่า “คุณทำอะไรน่ะ”

 

“นายไม่รู้จักฉันหรอ” ซูจิ้งถาม

 

“รู้สิ พี่สาวของผมสรรเสริญคุณจะตาย ก็แล้วยังไงหล่ะ” หมินจี้ดึงสายหูฟังกลับมาแล้วใส่ไว้ที่หูเขาเหมือนเดิม

 

“ที่นายเล่นเกมนี่อยู่ก็เพราะจะหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลใช่ไหม” ซูจิ้งถาม

 

เต็งหมินจี้ตกใจเล็กน้อยแล้วหันไปมองซูจิ้งด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนซูจิ้งจะมองเห็นถึงเจตนาของหมิงจี้อย่างทะลุปรุโปร่ง แม้แต่ปันเสวี่ยและเฉียนหยินหนิงเองก็ยังประหลาดใจ พวกเธอก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

“ใช่แล้ว ร้องไห้ไปก็เท่านั้นนี่ เอาเวลาไปหาเงินมาจ่ายค่ารักษาดีกว่า” หมิ่นจี้เองพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจแต่สายตาของเขานั่นแดง เหมือนกำลังจะร้องไห้ ความจริงการที่เขาสตรีมการเล่นเกมสดแบบนี้ ทำให้เขานั้นได้เงินเฉลี่ยเดือนละสองพันหยวน เงินทั้งหมดที่หาได้ก่อนเกิดเรื่องเขาได้ใช้ไปหมดแล้ว เขาเองรู้สึกผิดที่ไม่ได้เก็บเงินส่วนนั้นไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงนำมาช่วยแม่ของเขาได้บ้าง

 

“ฉันขอร่วมวงในช่องของนายด้วยได้รึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมา

 

“คุณ คุณอยากเป็นแขกรับเชิญในช่องของผมงั้นหรอ” หมินจี้ตาลุกวาวทันที เขาเองไม่ใช่คนโง่เขาย่อมรู้แน่นอนว่าถ้าซูจิ้งเข้ามาร่วมในการสตรีมในช่องของเขาล่ะก็เขาเองก็ไม่อยากคิดถึงผลตอบรับที่เกิดเลยซักนิด

 

“ใช่แล้ว แต่ไม่ใช่การสตรีมเกมนะ” ซูจิ้งพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

 

“ถ้าคุณอยากจะสตรีมจริงๆ คุณเลือกได้เลยว่าอยากจะทำอะไร” หมิงจี้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

 

“ฉันเห็นชุดของนายกับสเก็ตบอร์ด แสดงว่านายน่าจะชอบกีฬาพอสมควรนะ เอาเป็นถ่ายทอดสดการเล่นกีฬาของฉันดีรึเปล่า”

ซูจิ้งนั้นลองถามหยั่งเชิงดูแต่หมิงจิ้พยักหน้ารับรัวๆทันทีเหมือนไก่จิกกินข้าวสารอยู่ เขานั้นไม่ได้คิดหรอกว่าการสตรีมตอนเล่นกีฬาเท่าไหร่นัก แต่ถ้าคนที่เล่นเป็นซูจิ้งเขาบอกได้เลยว่าถ้าคนดังระดับซูจิ้งที่ช่วยเหลือผู้คนมามากมายนั้นอย่าว่าแค่เล่นกีฬาเลย ต่อให้สตรีมตอนเขาหลับเขาก็ยังมีคนดูอยู่ดี

 

“งั้นก่อนอื่นไปหาสถานทีถ่ายกันก่อนดีกว่า” ซูจิ้งเดินออกไปพร้อมเต็งหมินจี้โดยมีปันเสวี่ยและเฉียนหยินหนิงเดินตามออกไป พวกเขาเดินฝ่าแฟนคลับของซูจิ้งที่มาคอยมองอยู่ที่ประตู ในที่สุดเขาก็เลือกไปสตรีมกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆโรงพยาบาล ที่นั่นมีคนน้อยและบรรยากาศดีมาก

 

ที่นี่ปกตินั้นจะมีคนพลุกพล่านแต่ด้วยตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงทำให้อากาศร้อนจนคนค่อนข้างน้อย

 

“นายจับภาพด้วยคอมของนายไว้นา…” ซูจิ้งพูดด้วยเสียงสบายๆ

 

“นาย นาย นายคงไม่” หมิงจี้ถึงกับพูดลิ้นพันกันนั่นก็เพราะว่าลานสเก็ตบอร์ดอันนี้ต้องใช้บันไดถึง 20 ขั้นถึงจะขึ้นไปถึงยอดได้ ซึ่งดูเหมือนว่าซูจิ้งจะไถลเสก็ตบอร์ดลงมาจากสแตนด์นี้ มันอันตรายมาก

 

“คุณซู คุณจะเล่นมากไปรึเปล่า” เฉียนหยินหนิงแสดงความกังวลออกมา

 

“พี่จิ้งนี่มันอันตรายเกินไปนะ” ปันเสวี่ยเองก็กังวลเช่นเดียวกัน

 

“ไม่เป็นไรน่า เริ่มถ่ายทอดแล้วก็เปิดรายการเร็วๆนะ ฉันจะทำให้นายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าพลาดเป็นอันขาดหล่ะ”

 

ทันทีที่ซูจิ้งพูดเสร็จหมินจิ้เองก็รีบสตรีมพร้อมกล่าวเปิดอย่างรวดเร็ว เขายินอยู่อยู่ข้างซูจิ้งพร้อมพูดออกมาว่า

 

“สวัสดีทุกคน วันนี้ฉันขอแนะนำแขกรับเชิญพิเศษของช่องเรานะ เขาคือ……”

 

“ฉันเห็นไม่ผิดใช่ไหม นั่นซูจิ้งนี่”

 

“เป็นไปไม่ได้ เขาก็แค่คนหน้าเหมือนน่า”

 

“ซูจิ้งจะมาทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน แต่นี่ซูจิ้งจริงๆนี่”

 

“ช่องนี้เชิญซูจิ้งมาด้วยหล่ะ โคตรเจ๋งอ่ะ”

 

“ฮ่าฮ่า ซูจิ้งเป็นถึงคนที่ช่วยเครื่องบินไว้นะ เขาจะสตรีมเล่นอย่างนี้ได้ไง เขาว่างขนาดนั้นเลยหรอ”

 

ข่าวเรื่องที่ซูจิ้งกำลังสตรีมสดนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าตอนที่เขาบินขึ้นไปช่วยเครื่องบินไว้จะถือว่าร้อนแรงแล้ว แต่ตอนนี้กลับร้อนแรงยิ่งกว่า ซูจิ้งนั้นเป็นที่นิยมไม่น้อยกว่าดาราชั้นสองเลยในตอนนี้ แม้แต่ดาราชั้นหนึ่งบางคนยังสู้ไม่ได้

 

ตอนนี้จำนวนคนที่ดูสตรีมค่อยๆเพิ่มขี้น จากหนึ่งพันเป็นสองพันอย่างรวดเร็ว

 

“ฉันได้ยินมาว่าพี่จิ้งกำลังไลฟ์สดอยู่ ไม่อยากเชื่อว่าแค่ลองเข้ามาดูจะใช่ตัวจริง”

 

“พี่จิ้งกำลังจะทำอะไรน่ะ”

 

“ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเจ๋งๆอีกแล้วสิ”

 

แฟนคลับมากมายของซูจิ้งต่างเข้ามาดู

ในไม่ช้าจำนวนคนก็เพิ่มเป็นห้าหมื่นคนและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รายการสตรีมสดอันนี้พุ่งขึ้นอยู่ในอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นยิ่งทำให้คนยิ่งเห็นยิ่งเข้ามาดูมากขึ้น

 

แม้แต่ช่องอื่นที่กำลังสตรีมอยู่ยังแจ้งข่าวกันสดๆ และเข้ามาดูด้วยเหมือนกัน สำหรับเว็บที่มีจุดประสงค์หลักในการถ่ายทอดสดนั้น ซูจิ้งคือตัวประหลาดอย่างแท้จริง ก่อนที่ซูจิ้งจะเริ่มสตรีมนั้นก็พอจะมีดาวเด่นประจำเว็บสตรีมอยู่บ้างแล้ว คนดูช่องของพวกเขาก็ยังถูกแย่งมาโดยซูจิ้ง นั่นทำให้หมินจิ้ตาลุกวาวเลยทีเดียว

 

“เอาหล่ะน้า….” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยเสียงกระจ่างใส

 

“ระวังนะครับ ถ้าคุณเจ็บตัวพี่ผมเล่นงานผมตายแน่” หมินจี้รีบพูดออกมา

 

“อย่าห่วงไปเลยน่า เตรียมตัวน้า” ซูจิ้งพูดเสร็จซูจิ้งทรงตัวไว้บนสเก็ตบอร์ดแล้วไถลไปไกลพอสมควร ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วไปที่บันไดก่อนที่จะกระโดดขึ้น พร้อมสเก็ตบอร์ดบินขึ้นไปบนอากาศและลงมายังพื้นอย่างสวยงาม

 

ทุกคนที่เห็นในขณะนั้นต่างมองไปอย่างตาไม่กระพริบด้วยความอึ้ง แม้แต่คนที่ดูสตรีมอยู่ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทุกคนทำได้แต่ร้องว้าวออกมานั่นก็เพราะว่าทั้งความเร็วทั้งความสูง และระยะทางตอนลงไกลกว่าปกติมากมายนักจนทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาในระดับนึงตอนลงเลย