ตอนที่ 873 ข้าได้ยินมาว่าชายาขององค์ชายผู้นี้มาที่นี่
  ตอนที่873 ข้าได้ยินมาว่าชายาขององค์ชายผู้นี้มาที่นี่
  “อะไรนะ? ใครมาหลานโจว ? ” เฟิงจินหยวนรู้สึกงุนงงมากขณะที่เขาเดินอ้อมโต๊ะมาอย่างรวดเร็วและมาถึงตรงหน้าเสี่ยวหยา ลากนางเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาปิดประตูและถามอย่างเร่งด่วนว่า “พูดมา อธิบายให้ชัดเจน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
  เสี่ยวหยาหยิบชาจากโต๊ะตรงหน้าก่อนที่จะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่นางเห็นซวนเทียนหมิงบนถนนโดยเน้นว่าซวนเทียนหมิงได้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพภาคใต้แล้ว หลังจากพูดอย่างนี้แล้ว นางก็ถามเฟิงจินหยวนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ภาคใต้เป็นอาณาเขตขององค์ชายแปดไม่ใช่หรือ ทหาร 300,000 นายในภาคใต้ไม่ได้เป็นของพระองค์หรือ ? ทำไมจู่ ๆ ก็กลายเป็นองค์ชายเก้า ? เมื่อพระองค์มา เราจะทำอย่างไรดี ? เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายแปด ? ทำไมเจ้าเมืองหลานโจวถึงไม่แจ้งอะไรก่อนหน้านี้ ? ”
  เฟิงจินหยวนก็สงสัยเช่นเดียวกันกับคำถามที่เสี่ยวหยาถามเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมสิ่งต่าง ๆ จึงกลายเป็นเช่นนี้ โดยทั่วไปเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องใหญ่จะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าเมืองหลานโจวควรได้รับข่าวนี้ นอกจากนี้ทุกคนไม่รู้เรื่องนี้หรือเฉพาะครอบครัวของพวกเขา ?
  ในขณะที่เฟิงจินหยวนไตร่ตรองคำถามเหล่านี้ในทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหาที่สำคัญกว่า “องค์ชายเก้ามาได้อย่างไร ? มากี่คน ? เฟิงหยูเฮงมาด้วยหรือไม่ ? ”
  เสี่ยวหยาส่ายหน้าของนาง“ข้าไม่รู้ว่าเฟิงหยูเฮงมาหรือไม่ ข้าเห็นพระองค์ขี่ม้าตัวใหญ่และมีกองทัพขนาดใหญ่มองไปสุดลูกหูสุดตายืนอยู่ข้างหลังพระองค์ ข้าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย ท่านพ่อ ในเวลานั้นข้าตื่นตระหนก และไม่คิดว่าจะมองหาเฟิงหยูเฮง ! เมื่อข้าเห็นดอกบัวสีม่วงที่บนหน้าผากขององค์ชายเก้า ข้าก็สั่นแล้ว ท่านพ่อ พวกเราจะหนีไปได้อย่างไร ! องค์ชายแปดนั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือได้ แม้ว่าพระองค์ต้องการที่จะช่วยเรา มันจะไม่ทันการ ! ”
  “อย่าตกใจ”เฟิงจินหยวนสร้างความมั่นคงให้กับอารมณ์ของเสี่ยวหยา “ถ้าเจ้าตื่นตระหนกแบบนี้ สิ่งต่าง ๆ จะไม่ได้ผล” เฟิงจินหยวนสงบใจเสียก่อนกล่าวว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เราต้องไปถามใต้เท้าจื่อ นับตั้งแต่เรามาถึงภาคใต้ การสื่อสารของเรากับองค์ชายแปดต้องพึ่งพาเขา เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาต้องอธิบายให้เราฟัง”
  เฟิงจินหยวนไม่รอช้าหลังจากตัดสินใจได้ เขาก็เริ่มออกเดินทางและเสี่ยวหยาก็รีบตามไป “ท่านพ่อ ข้าจะไปด้วยเจ้าค่ะ ! ”
  ใครจะรู้ว่าเมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าที่พักประตูก็จะเปิดออก และพวกเขาก็เห็นร่างสีม่วงบนม้าตัวใหญ่ ข้างหลังเขามีกองทัพประมาณหนึ่งแสนที่มาจากเมืองหลวง
  เฟิงจินหยวนเกือบล้มลงกับพื้นจะต้องบอกว่าเขาตกใจมากกว่าเสี่ยวหยาที่เห็นองค์ชายเก้า ในทันใดนี้เขาไม่เพียงนึกถึงความเจ้าเล่ห์ขององค์ชายเก้าที่เขาได้ยินและเห็นในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการปราบปรามที่เขาเผชิญหลังจากเฟิงหยูเฮงกลับมาที่คฤหาสน์ ถึงตอนนี้เฟิงจินหยวนก็ยังจำองค์ชายเก้าที่ตีเฉินซื่อและทำลายข้อมือของเฟิงเฟินได เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เท้าที่ก้าวออกไปนั้นถูกดึงกลับทันที
  เสี่ยวหยาก็กลัวจนนางไม่กล้าหายใจนางซ่อนตัวอยู่หลังเฟิงจินหยวนและแอบมองไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะซ่อนอีกครั้งทันที แม้ว่าซวนเทียนหมิงไม่ได้มองทิศทางของนาง นางก็ยังรู้สึกผิด ท้ายที่สุดแล้วนางแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของเขา ถ้าองค์ชายเก้านี้เกิดโกรธขึ้นมา นางจะไม่ถูกฆ่าอย่างมดหรอกหรือ ?
  แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าซวนเทียนหมิงไม่ต้องการฆ่ากองทัพเพิ่งเข้ามาในเมือง เขาไม่สามารถดึงแส้ของเขาออกมาและฆ่าคนที่พลเมืองส่วนใหญ่คิดว่าเป็นองค์หญิงจี่อัน การถูกฆ่าโดยไม่มีพยานใด ๆ ชายาของเขาคงไม่ชอบใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นพลเมืองที่ถูกหลอกให้ฝังศพองค์หญิงตัวปลอม นั่นจะเป็นโชคร้ายอย่างแท้จริง
  นอกจากนี้เขายังเพิกเฉยต่อเฟิงจินหยวนที่คุ้นเคยและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ป้ายบนทางเข้า เขาพูดพึมพำว่า “คฤหาสน์ตระกูลเฟิง ? เมืองหลวงก็มีคฤหาสน์ตระกูลเฟิงแต่ก็ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม ข้าสงสัยว่าคฤหาสน์ตระกูลเฟิงนี้มีความเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ในเมืองหลวงหรือไม่” ในขณะที่ไตร่ตรอง เขาถามเป่ยจื่อ “เจ้าคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกันหรือไม่ ? ”
  เป่ยจื่อกล่าวเสียงดัง“ข้าก็ไม่ทราบขอรับ ! แต่ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นคนที่อยู่ในเมืองหลวงที่ย้ายมาที่นี่ ท้ายที่สุดพวกเขาไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้ เฟิงจินหยวนไม่สามารถจ่ายค่าแรงให้บ่าวรับใช้ในบ้านได้ และเขาจำเป็นต้องขายบ่าวรับใช้ ข้าได้ยินมาว่าเขาต้องพึ่งพาเงินของคู่หมั้นที่บุตรสาวคนที่สี่มอบให้เพื่อใช้ดำเนินชีวิตต่อไป”
  “โอ้! ” ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ช่างเลียนแบบ ! แต่เมื่อองค์ชายคนนี้เข้าสู่เมืองหลวง ข้าก็ได้ยินว่าองค์หญิงจี่อันก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ? ชายาขององค์ชายผู้นี้เดินทางมาภาคใต้เมื่อใด นางไม่ดูแลมณฑลจี่อันหรือ ? เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมานางส่งจดหมายบอกว่านางจะมาหลังจากองค์ชายผู้นี้มาถึงที่นี่”
  จากนั้นเป่ยจื่อก็กล่าวว่า“แน่นอนมันเป็นอย่างนี้ พระชายาไม่สามารถมาถึงหลานโจวก่อนพวกเราได้ ข้าจะไปตรวจสอบว่าผู้ใดแอบอ้างเป็นองค์หญิงจี่อันในวันพรุ่งนี้”
  “อืม”ซวนเทียนหมิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงมองหาคฤหาสน์ของตระกูลเฟิง ข้อมือของเขาสะบัดขณะที่แส้ถูกดึงออกมา หักป้ายเป็น 2 ท่อน
  ป้ายนั้นตกลงไปที่พื้นและแตกออกเป็นชิ้นๆ เมื่อมองไปที่กองทัพของซวนเทียนหมิง พวกเขาถูกพาตัวออกไปจากทางเข้าคฤหาสน์ของตระกูลเฟิงแล้วเหยียบย่ำป้ายที่หักในขณะที่มุ่งหน้าไปภาคใต้
  เฟิงจินหยวนและเสี่ยวหยาดูภาพนี้ด้วยความตกใจกองทัพกว่า 100,000 นายเดินผ่านหน้าบ้านของพวกเขา หลังจากผ่านไป 1 ชั่วยามกว่าที่กองทัพเดินทัพผ่านไปได้หมดทุกคน แต่แม้หลังจากที่กองทัพผ่านไป พลเมืองที่เฝ้าสังเกตยังคงอดทนอยู่ ในเวลานี้พวกเขายืนอยู่บนถนน มองเฟิงจินหยวนและเสี่ยวหยาด้วยใบหน้าที่ดูงุนงง
  มีคนครุ่นคิดกับตัวเองว่า“ตอนนี้องค์ชายเก้ามาที่นี่เป็นเรื่องจริง ท้ายที่สุดมีกองทหารและม้ามากมาย และพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งการกองทหารเหล่านั้น เราทุกคนเห็นมันเมื่อพวกเขาเข้าไปในเมือง แต่องค์ชายเก้าบอกว่าองค์หญิงจี่ผู้นี้เป็นตัวปลอม มันอาจจะเป็น…”
  มีคนพูดขึ้นมาทันทีว่า“ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่แปลก ๆ ลองคิดดู คนส่วนใหญ่ในหลานโจวได้เห็นองค์ชายแปด แม้ว่าพระองค์จะสง่างามและน่าประทับใจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าวันนี้ เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าองค์ชายแปดไม่ดูดีเท่าพระองค์ ? ”
  ผู้คนพยักหน้าและแสดงเห็นด้วยองค์ชายเก้านั้นรูปงามเกินไปจริง ๆ พลเมืองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเริ่มอธิบายรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างไร พวกเขารู้สึกว่าเขาไม่เพียงแต่รูปงาม แต่เขายังดูลึกลับโดยเฉพาะกับดอกบัวสีม่วงที่เพิ่มเข้ามาในกลิ่นอายลึกลับ
  ดังนั้นทุกคนจึงพูดว่า“ทุกคนในราชวงศ์ต้าชุนรู้ว่าองค์หญิงจี่อันหมั้นหมายกับองค์ชายเก้าตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งสองเข้ากันได้ดี แต่ทำไมนางถึงทิ้งองค์ชายเก้าและเลือกองค์ชายแปด ? เมื่อพูดถึงหน้าตา เว้นแต่ว่าองค์หญิงจี่อันจะตาบอด ไม่เช่นนั้นนางจะยกเลิกการหมั้นองค์ชายเก้าแล้วเลือกองค์ชายแปดหรือ”
  “ไม่ใช่แค่พูดจากรูร่างแต่ในแง่ของสิทธิทางทหาร องค์ชายแปดไม่สามารถเปรียบเทียบกับองค์ชายเก้าได้ ไม่พูดถึงทหาร 300,000 นายที่ถูกส่งมอบให้กับองค์ชายเก้า แต่ในเรื่องอื่น ๆ ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายเก้ามีอำนาจเหนือกองทัพทางตะวันตกเฉียงเหนือและภาคเหนือทั้งหมด เฉียนโจวก็ถูกยึดครองโดยพระองค์และองค์หญิงจี่อัน ทำไมองค์หญิงจี่อันถึงยกเลิกการหมั้นหมายกับองค์ชายเก้า ? ”
  “ทุกคนกล่าวว่าหลังจากหลานโจวเปิดร้านห้องโถงสมุนไพรและมีองค์หญิงจี่อันในฐานะหมอ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการรักษา แต่มองที่ตอนนี้ นางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหรือหลีกเลี่ยงที่จะไปที่นั่นและไม่รักษาผู้คน สิ่งนี้หมายความเช่นไร ? เท่าที่ข้าเห็น นางเป็นตัวปลอม นางไม่รู้วิธีรักษาผู้คน ! ”
  เมื่อสิ่งนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาความสงสัยต่อเสี่ยวหยาเพิ่มขึ้น ภาพลักษณ์ที่มีต่อเฟิงจินหยวนและเสี่ยวหยาก็เต็มไปด้วยความสงสัยมากขึ้น และไร้ความเมตตาอย่างยิ่ง
  ในที่สุดเฟิงจินหยวนก็ได้สติเขาดึงเสี่ยวหยากลับเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ปิดประตูดัง “ปัง” อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปิดประตู เขามองไปที่เสี่ยวหยาและพบว่านางกำลังมองไปในทิศทางที่ซวนเทียนหมิงออกไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
  เฟิงจินหยวนไม่ต้องการคิดมากเกินไปและเตือนเสี่ยวหยาว่า “อย่าคิดถึงสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เราทำงานหนักมานานแล้ว เราไม่สามารถปล่อยมันไปได้อย่างแน่นอนเพราะองค์ชายเก้าเข้ามาในเมือง เพียงรออยู่ในบ้าน แม้ว่าเราจะไม่ไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมือง ท่านใต้เท้าจื่อก็จะต้องมาหาเราอย่างแน่นอน มันควรจะรู้ว่าทั้งสองครอบครัวจะถูกผูกไว้ด้วยกันบนเชือกเดียวกัน หากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดีสำหรับเรา ชีวิตของเขาก็จะไม่ดีเช่นกัน”
  เสี่ยวหยาฟื้นตัวทันทีและพยักหน้ารับรู้โดยทันทีพร้อมกล่าวว่า “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร” แต่คำพูดของนางไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป และมันก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนบางอย่าง
  เฟิงจินหยวนเฝ้าดูเสี่ยวหยาหันกลับไปและกลับไปที่เรือนของนาง เขาเต็มไปด้วยความกังวล และเขามีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เหตุผลที่พวกเขาสามารถเล่นละครฉากนี้ในหลานโจวได้ เป็นผลมาจากการมีเสี่ยวหยาอยู่ เป็นเพราะนางเหมือนเฟิงหยูเฮงที่ทำให้ทุกอย่างสามารถดำเนินต่อไป หากเสี่ยวหยาหันกลับไปและไม่ให้ความร่วมมือ ละครฉากนี้ก็จะสูญเสียนักแสดงนำ จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ?
  เฟิงจินหยวนเป็นกังวลเล็กน้อยและอยากพบจื่อหลิงเทียนอย่างเร่งด่วนแต่เขาก็ไม่กล้าออกจากคฤหาสน์เพราะคนข้างนอกไม่ได้ออกไป จำนวนของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาทำได้เพียงรอจนถึงกลางคืนเมื่อผู้คนจากไป ท่านใต้เท้าจื่อต้องมาที่คฤหาสน์เฟิงอย่างแน่นอน
  สำหรับเสี่ยวหยาที่กลับไปที่เรือนของนางจิตใจของนางมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ทั้งหมดที่ผู้คนข้างนอกพูดคุยกัน จากรูปลักษณ์สู่อำนาจทุกอย่างก็มีรายละเอียดมาก นางเพิ่งจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง อย่างไรก็ตามนางโชคไม่ดีที่ไม่มีทางเลือก องค์ชายเก้าเป็นของเฟิงหยูเฮง แม้ว่านางจะดูเหมือนคนผู้นั้น แต่นางก็ไม่สามารถแทนที่นางได้ ก่อนหน้านี้นางเคยมีประสบการณ์ความรักระหว่างคนทั้งสอง มีคนอย่างนางเข้ามาขวางทางได้อย่างไร ?
  เสี่ยวหยารู้ว่าเส้นทางเดียวของนางคือองค์ชายแปดแต่องค์ชายแปด…เขายังเชื่อถือได้หรือไม่ ?
  ในคืนนั้นไม่มีเจ้านายคนใดของคฤหาสน์เฟิงที่จะหลับได้ตามปกติด้วยเหตุผลบางอย่าง เหยาซื่อก็คลั่งอีกครั้ง ขณะที่นางวิ่งเข้าไปในห้องของเสี่ยวหยาและกอดนางไว้โดยปฏิเสธที่จะปล่อย นางร้องออกมาซ้ำ ๆ ว่า “อาเฮง อาเฮง” ซึ่งทำให้เสี่ยวหยารู้สึกหงุดหงิด นางต้องการผลักให้เหยาซื่อออกไป แต่เหยาซื่อกอดนางแน่นและใช้กำลังมาก เสี่ยวหยาดิ้นรนเพื่อหายใจและยังใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของนางเพื่อหนีออกมาจากอ้อมกอดนั้น อย่างไรก็ตามเหยาซื่อล้มลงกับพื้นและมองเสี่ยวหยาด้วยความตกใจ ทันใดนั้นนางก็กล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของข้า ! เจ้าคือนาง ! นางมางั้นหรือ ? ”
  เสี่ยวหยากระทืบเท้าของนาง“ท่านแม่อย่าพูดเหลวไหล คนผู้นั้นยังอยู่ในเมืองหลวง ! ”
  “เจ้าเจ้า ! ” เหยาซื่อชี้ไปที่เสี่ยวหยาและกล่าวเสียงดัง “เจ้ามาภาคใต้แล้วก็เปลี่ยนตัวกับบุตรสาวของข้า เจ้าเป็นคนชั่วร้าย ส่งอาเฮงของข้ามาให้ข้า ! ”
  ในด้านนี้มารดาและบุตรสาวก่อให้เกิดความวุ่นวายส่วนเฟิงจินหยวน เขาไม่เคยเห็นการมาถึงของเจ้าเมืองหลานโจว, จื่อหลิงเทียน
  จื่อหลิงเทียนไม่มาไปเยี่ยมในคืนนั้นได้ยินเสียงดังตามมาด้วยผู้คนตะโกนเสียงดัง “องค์ชายเก้าจู่โจมกูซู ! ”
ตอนที่ 874 องค์ชายเก้าเป็นเทพแห่งสวรรค์ !
  ตอนที่874 องค์ชายเก้าเป็นเทพแห่งสวรรค์ !
  ในคืนแรกหลังจากซวนเทียนหมิงมาถึงภาคใต้เขาไม่ได้ให้ศัตรูหายใจมีเวลาหายใจพัก เขานำทัพ 115,000 นายจากเมืองหลวง เขาเริ่มโจมตีเมืองชาปิง เมืองแห่งแรกของกูซู
  ทหาร300,000 นายที่ประจำการอยู่ทางภาคใต้ไม่เคยมีส่วนร่วมในแผนการของเขา ในปัจจุบันองค์ชายเก้าไม่ได้หันมาสนใจ เขานำกองทหารของเขามาเอง เขาไม่ได้พูดอะไรและรีบตรงไปยังเมืองชาปิง เขาไม่ได้ประชุมก่อนหรือแม้แต่ลงจากหลังม้า หลังจากมาถึงภาคใต้ เขามุ่งหน้าไปยังเมืองชาปิงชั่จนกระทั่งกลางคืน โบกธงให้ทุกคนพุ่งไปข้างหน้า
  สำหรับการป้องกันเมืองของกูซูนั้นองค์ชายแปดได้พิจารณาสิ่งที่ดีที่สุดโดยเพิ่มกองทัพพันธมิตรมีทหารกว่า 500,000 นายประจำการในเมืองชาปิง ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อกองทัพขององค์ชายเก้าโจมตี พวกเขาก็แตกสลายเหมือนเต้าหู้ มันถูกทำลายโดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ แม้กระทั่งกองทัพ 300,000 นายในกองทัพภาคใต้ก็ยังทันได้เข้าร่วม ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังและกำแพงของเมืองชาปิงก็ร่วงลง กองทัพศัตรูที่อยู่ด้านบนเริ่มล้มลง
  ไม่เพียงแต่เป็นกองทัพของกูซูตกในความหวาดกลัวแต่แม้กระทั่งทหาร 300,000 นายของกองทัพภาคใต้ก็ตกใจ ไม่มีใครรู้ว่าองค์ชายเก้าใช้วิธีการแบบใดและสามารถเข้ายึดเมืองชาปิงได้ในครั้งเดียว พวกเขายังสามารถเห็นกูซูและกองทัพพันธมิตรหนีไป ราวกับว่าองค์ชายเก้าเป็นองค์ชายแห่งนรก ใครก็ตามที่เข้าใกล้เขาจะต้องตาย
  บางคนเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น และพบว่ามีเสียงดังมาจากบางสิ่งที่ถูกกองทัพขององค์ชายเก้าขว้างไป พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่พวกเขารู้เพียงว่าสิ่งนั้นจะระเบิดเมื่อกระทบผนังของเมืองชาปิง ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดเสียงที่ดัง แต่มันก็สร้างความเสียหายด้วยเช่นกัน ตามเสียงที่ดังนี้จะมีรูปรากฏในกำแพงเมือง ด้วยการระเบิดมากมาย กำแพงพังทลายลง ไม่จำเป็นต้องแม้แต่บุกผ่านประตูเมือง พวกเขาก็สามารถบุกเข้าเมืองผ่านช่องทางนี้ได้โดยตรง
  กองทัพของซวนเทียนหมิงเข้าสู่เมืองชาปิงหลังจากใช้วิธีการแบบนี้เพื่อพังกำแพงเมือง หลังจากนี้ไม่มีคนโยนสิ่งเหล่านั้น พวกเขาใช้สิ่งใหม่แทน บางคนถืออาวุธแปลก ๆ และเริ่มยิงไปข้างหน้า พวกมันทำให้เกิดเสียงดังมากแต่ไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น แต่กองทัพศัตรูที่ไม่มีเวลาหลบหนีก็จบลงด้วยร่ายกายที่เต็มไปด้วยรูพรุนและเลือดที่ไหลนองออกมา ผู้ที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธลับนี้จะตายในทันที ในอีกไม่นานเมืองชาปิงก็เต็มไปด้วยทะเลเลือด
  การต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งนี้ไม่เพียงทำให้กองทัพของกูซูกลัวนอกจากนี้ยังทำให้กองทัพของซวนเทียนหมิงเข้ายึดเมืองชาปิง มันยังทำให้กองทัพภาคใต้ 300,000 นายหวาดกลัว ช่วยให้พวกเขาเห็นพลังขององค์ชายเก้า องค์ชายแห่งนรก ส่วนพลเมืองหลานโจวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน จากเสียงระเบิดครั้งแรก ทุกคนลุกขึ้น พวกเขาออกมาจากห้องและหันไปมองทางใต้
  แต่พวกเขาไม่เห็นอะไรเลยหลานโจวในฐานะเมืองชายแดนมีกำแพงเมืองที่สูงมากและมันปิดกั้นทุกสิ่ง แต่เสียงระเบิดแบบนั้นมันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าโลกกำลังสั่นสะเทือน ฟ้าร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนกลัวว่ามังกรบนแผ่นดินโลกกำลังกลิ้ง* แต่พวกเขาก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่กรณีนี้ เพราะโลกจะสั่นสะเทือนเมื่อเสียงเกิดขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเมืองหลานโจว
  เร็วมากยามประจำการที่ประตูได้รับข่าวแรก แน่นอนว่าข่าวนี้มาจากสายตาของพวกเขาเอง พวกเขายืนอยู่บนกำแพงของตัวเองดู แม้ว่าจะมีดินแดนอันกว้างใหญ่ระหว่างเมืองชาปิงและเมืองหลานโจว แต่พวกเขาก็ยังเห็นแสงไฟเล็กน้อยเช่นเดียวกับทหาร 100,000 นายในพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อกำแพงเมืองชาปิงพังลงมา ฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นก็สามารถเคลื่อนที่ผ่านดินแดนอันกว้างใหญ่และเข้าไปในหลานโจวโดยตรง นี่เองที่ทำให้ทุกคนไม่มีทางเลือกนอกจากปิดใบหน้าของพวกเขา
  บางคนเห็นทุกอย่างชัดเจนและพวกเขาเห็นว่าเมืองชาปิงพังทำลายพวกเขาไม่อยากเชื่อและวิ่งลงมาจากกำแพงเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง แต่ระหว่างทางถนนเต็มไปด้วยพลเมือง พวกเขาพากันหยุดและพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  พลเมืองกระจายข้อมูลนี้อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วทุกคนรู้ว่าองค์ชายเก้าได้เริ่มโจมตีกูซูในคืนแรกของเขาในภาคใต้ นอกจากนี้ด้วยวิธีการที่ดุเดือดมาก เขาสามารถควบคุมเมืองชาปิงได้ นี่เป็นสิ่งที่องค์ชายแปดไม่เคยทำได้สำเร็จในระหว่างที่เขาอยู่ในภาคใต้
  ผู้คนเล่าถึงข่าวลือของเทพเจ้าแห่งสงครามไม่กี่ปีก่อนหน้านี้กูโมกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ และพวกเขาได้ใช้ความแข็งแกร่งเพื่อต่อต้านราชวงศ์ต้าชุน องค์ชายเก้าได้นำทัพของเขาไปปราบพวกเขา ไม่เพียงแต่เขาจะทำลายกูโมเท่านั้น แต่เขายังหนุนผู้ปกครองที่ถือได้ว่าเป็นเหมือนครอบครัว มันเป็นเช่นนั้น กูโมกลายเป็นคนที่เชื่อฟังมากที่สุดในสี่อาณาจักรรอบราชวงศ์ต้าชุน ครั้งนั้นองค์ชายเก้าได้รับเรียกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม แต่ภาคใต้อยู่ห่างไกลออกไป พวกเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
  แต่ตอนนี้เทพเจ้าแห่งสงครามองค์ชายเก้าได้มาถึงภาคใต้และโจมตีเมืองชาปิงผู้คนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย บางคนกล่าวว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าองค์ชายเก้านั้นเป็นเทพที่สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์ ? ไม่เช่นนั้นพระองค์มาภาคใต้จากเมืองหลวงซึ่งจะทำให้ทหารและม้าเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล แต่พวกเขาเริ่มโจมตีได้อย่างไรโดยไม่หยุดพัก ถ้าพระองค์ไม่ใช่เทพ ใครจะทำได้ ? ”
  ”ถูกต้อง!เจ้าไม่ได้ยินเสียงทหารคนนี้พูดหรือไม่ ? กำแพงเมืองปิงชาล้มลงมา พวกเราอยู่ที่หลานโจวมานานแล้ว เราทุกคนรู้ว่ากำแพงของเมืองชาปิงนั้นสูงและแข็งแกร่งเพียงใด ! แต่จริง ๆ แล้วพระองค์พังมันได้ ? ”
  “มันไม่ได้ล้มลงมามันระเบิดโดยเสียงที่ดังมาก ! ” มีคนแก้ไขสิ่งที่เขาพูด “นั่นคือสายฟ้าบนสวรรค์ มันเป็นสายฟ้าสวรรค์ที่มีเพียงเทพเท่านั้นที่สามารถใช้ ! สายฟ้าสวรรค์เป็นฟ้าผ่า ไม่ต้องพูดถึงสถานที่เล็ก ๆ บางแห่งเช่นเมืองปิงชา แต่แม้แต่โลกทั้งใบก็ยังสั่นคลอนได้ ! ”
  ผู้คนพากันเห็นด้วยกับคำอธิบายง่ายๆ นี้มากขึ้น ดังนั้นพวกเขาทุกคนคุกเข่าหันหน้าไปทางใต้และตะโกนออกมาซ้ำ ๆ ว่า “องค์ชายเก้านั้นเป็นเทพลงมาจากสวรรค์ ! องค์ชายเก้า ! ”
  ผู้ที่ต้องไปรายงานเรื่องนี้ต่อใต้เท้าจื่อในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองก็ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศโดยลืมสิ่งที่เขาต้องทำนอกจากนี้เขายังคุกเข่าและหมอบ เขายิ่งเคลื่อนไหวมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขาเห็นการล่มสลายของเมืองชาปิงด้วยตัวเอง เขาได้เห็นการต่อสู้ขององค์ชายเก้าด้วยตัวเอง ไม่พูดถึงว่าคนเหล่านี้รู้สึกเหมือนองค์ชายเก้าเป็นเทพ แต่เขาก็รู้สึกว่าเป็นเพราเหตุการณ์นี้ !
  ในขณะที่ทุกคนในเมืองหลานโจวคุกเข่าไปในทิศทางที่ซวนเทียนหมิงตั้งอยู่รวมถึงทหารที่ยืนเฝ้าอยู่บนกำแพงเมือง พวกเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์และคุกเข่าลงด้วยเช่นกัน กูซูพร้อมที่จะสร้างปัญหามาหลายปีแล้ว พวกเขาพยายามบุกเข้ามาทางใต้สองสามครั้งเพื่อทำให้เกิดปัญหาในราชวงศ์ต้าชุน เพราะองค์ชายแปดประจำการอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงต่อสู้กัน เขายังเป็นผู้ดูแลพื้นที่ที่ไม่เป็นระเบียบในภาคใต้ แต่สิ่งเหล่านั้นใช้เวลาหลายปีในการปราบปราม เป็นไปได้อย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับองค์ชายเก้าที่สามารถบุกตีเมืองได้ในคืนเดียว ?
  เมื่อเทียบกับซวนเทียนหมิงองค์ชายแปดผู้ซึ่งถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้อ่อนแอลงไปอย่างแท้จริง เขาไม่สามารถแข่งขันกับองค์ชายเก้าได้ในทุกด้าน ความแตกต่างของความแข็งแกร่งในการต่อสู้ไม่ใช่แค่สองระดับ สามระดับ มันเป็นความแตกต่างระหว่างฟ้ากับดิน หากพวกเขามองว่าองค์ชายแปดเป็นแม่ทัพและองค์ชายเก้าในฐานะเทพ เขาก็จะเป็นเทพแห่งสวรรค์ในสายตาของทุกคน ! เทพเจ้าแห่งสงคราม !
  ยิ่งไปกว่านั้นมีบางคนเห็นอย่างชัดเจนว่าองค์ชายเก้านำทัพจากเมืองหลวงไปสู่การสู้รบเพียง100,000 นาย ไม่ได้นำทัพ 300,000 นายของกองทัพภาคใต้ไปด้วย สำหรับทหาร 300,000 นาย พวกเขาไม่มีความตระหนักใด ๆ เพียงแค่เฝ้าดูจากด้านหลัง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พูดถึงการช่วยเหลือ พวกเขากุมหัวและซ่อนตัวเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ในไม่ช้าผู้คนรู้สึกรังเกียจทหาร 300,000 นายนี้อย่างมาก พวกเขายังรู้สึกรังเกียจองค์ชายแปด, ซวนเทียนโม
  “พวกเขาถูกฝึกโดยองค์ชายแปดใช่หรือไม่? ทำไมจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้เมื่อเทียบกับกองทหารขององค์ชายเก้า”
  “จะนำกองทัพของมนุษย์ไปเปรียบเทียบกับกองทัพของเทพเจ้าได้อย่างไร? ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เราเพียงแค่ต้องสนับสนุนองค์ชายเก้าอย่างเต็มที่ ฮ่องเต้ส่งองค์ชายเก้ามา เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ไว้วางใจองค์ชายแปดอีกต่อไป พระองค์ถูกส่งไปประจำการในภาคใต้เป็นเวลาหลายปี แต่เราไม่ได้เห็นพระองค์ไปต่อสู้ แต่ภาษีของเราเพิ่มขึ้นสองสามครั้ง การย้ายแม่ทัพเช่นนี้ออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา”
  ซวนเทียนหมิงยังไม่ทราบแต่ความแข็งแกร่งของเขาได้สร้างความปั่นป่วนอย่างมากสำหรับผู้คนในเมืองหลานโจว เขาไม่ได้สนใจว่าเขากุมจิตใจของผู้คนเกือบทุกคนในเมืองในเวลาเพียงไม่นาน ในเวลานี้เขายังคงนำทหารของเขาในการไล่ล่ากองทัพพ่ายแพ้ของกูซู พวกเขาไล่ล่าจนถึงสิบลี้ทางใต้ของเมืองชาปิงก่อนที่จะหยุด เขาไม่ได้โจมตีต่อไป เมืองที่สองของกูซูคือเมืองจูปิง สามารถมองเห็นได้อยู่ไกล ๆ เขาไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าต่อไป เขากลับโบกมือให้กลับไปที่เมืองชาปิง นอกจากนี้เขายังตั้งค่ายทางตอนใต้ของเมืองชาปิง ในเวลาเดียวกันเขาสั่งให้ทหารของเขาจัดการซ่อมแซมเมืองชาปิงทันที
  ในเมืองหลานโจวเฟิงจินหยวนตัวสั่นตลอด เขากำลังจะไม่สามารถยืนอยู่ได้ในขณะที่เขาพึมพำ “มันจบแล้ว มันจบแล้ว องค์ชายเก้าแห่งนรกมาถึงแล้ว มันจบลงแล้วสำหรับภาคใต้ ! ”
  ผู้คนที่คุกเข่าข้างนอกได้ยินคำพูดเหล่านี้และถามด้วยความโกรธว่า“เจ้ากำลังพูดอะไร องค์ชายเก้ามาภาคใต้นำความหวังมาให้เรา เจ้าหมายถึงอะไร ? มันจบแล้ว ? คำพูดของเจ้าหมายถึงอะไร ? ”
  เฟิงจินหยวนโกรธมากเขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ! ” จากนั้นเขาก็สะบัดแขนและกลับเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับยืนสั่น
  อย่างไรก็ตามเสี่ยวหยายืนอยู่ตรงทางเข้าของคฤหาสน์และมองไปทางใต้กับพลเมืองแม้ว่านางจะไม่คุกเข่าแต่อารมณ์ในแววตาของนางนั้นซับซ้อนมาก ในหลาย ๆ ครั้งมีความตกใจ ความสับสน ความสุขและความเศร้า เสียงร้องซ้ำ ๆ ของการมีชีวิตยืนยาวขององค์ชายเก้าทิ้งความรู้สึกของนางราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังเฟื่องฟูเช่นกัน ราวกับว่าเสียงฟ้าร้องจากนอกเมืองไม่เพียงแต่สั่นคลอนในภาคใต้เท่านั้น มันทำให้หัวใจนางสั่นไหวอีกด้วย
  เฟิงจินหยวนตะโกนใส่นาง“เจ้ายืนอยู่ที่นั้นทำไม ? ”
  เสี่ยวหยาดึงสติกลับมาแต่นางก็ยังไม่เคลื่อนไหวตอบเพียง “ข้าจะดูอีกสักครู่” จากนั้นนางไม่สนใจเฟิงจินหยวนและมุ่งเน้นไปที่ทางใต้เท่านั้น จริง ๆ แล้วนางคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเพื่อให้นางได้สัมผัสกับมันมากขึ้น
  น่าเสียดายที่เมื่อเสียงที่ดังกึกก้องหยุดข่าวก็มาจากประตูเมือง “องค์ชายเก้าได้ยึดเมืองชาปิงแล้ว กองทัพของกูซูหนีไปแล้ว และตอนนี้เมืองชาปิงเป็นของราชวงศ์ตาชุน ! ”
  ผู้คนโห่ร้อง! แต่สำหรับคนที่อยู่ในคฤหาสน์เฟิง เสียงโห่ร้องยินดีเหล่านั้นก็ดังเข้าหู แม้แต่เหยาซื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มของนางไม่อยากได้ยินอะไรเลย
  ซวนเทียนหมิงนำทัพและล้มเลิกการไล่ตามกลับเข้ามาในเมืองชาปิงเนื่องจากเฉียนหลี่ประจำการอยู่ที่เฉียนโจว เขาไม่ได้มากับพวกเขา ในขณะนี้กองทัพยังไม่มีรองแม่ทัพ มีผู้นำของกองทัพเจตจำนงสวรรค์ ซีเฟิงและเฮกานที่ช่วยซวนเทียนหมิงในการจัดการเรื่องของกองทัพ และไม่มีใครนำการคัดค้านใด ๆ
  ทหารบางคนมีความสุขจากการต่อสู้เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ไล่ต่อไป พวกเขากล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ทัพ ทำไมเราไม่ไล่ตามไปขอรับ ? ”
  ซวนเทียนหมิงส่ายหน้าแต่ไม่ตอบ แต่เป็นซีเฟิงที่กล่าว “ทำไมไม่ดูเวลาล่ะ ? หากเราวิ่งต่อไปดวงอาทิตย์จะขึ้นมา เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ เจ้าจะเข้าใจว่าทำไมเราไม่ไล่ตาม ในเวลานั้นอย่าร้องไห้ ! ”
  ——————————————————————————————————
  *TN: พวกเขากลัวแผ่นดินไหว