ตอนที่ 661 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (1)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 661 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (1) โดย Ink Stone_Romance

อีกแล้ว

กับน้ำเสียงเยาะเย้ยแบบนี้

ไป๋ซู่เย่กำลังจะอธิบายบางอย่างได้ยินเพียงเสียงของคุณหญิงไป๋ดังจากข้างนอก “ฉันโทรมาแล้ว ซู่ซู่ต้องอยู่บ้านแน่ๆ มาสิ อวิ๋นช่วน ช่วยฉันถืออันนี้หน่อย ฉันหากุญแจห้องแป๊บหนึ่ง ฉันมีกุญแจ”

จากนั้นได้ยินเสียงพวงกุญแจดัง ‘แกร๊ง’

ไป๋ซู่เย่ยอมแล้ว รีบพลิกตัวลงจากตัวของเย่เซียว คว้ามือเย่เซียว “เย่เซียว คุณเข้าไปในห้องฉันก่อน”

เย่เซียวลุกนั่งบนโซฟากวาดแขนยาวรั้งตัวเธอให้โถมตัวเข้าหาตัวเอง

โน้มตัวประสานสายตากับเธอ เธอขมวดคิ้วเบาๆ

“ทำไมต้องหลบพวกเขา กลัวผู้ชายคนนั้นเห็นเหรอ?” เขารู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้มันแย่มากๆ เหมือนพวกเขากำลังแอบคบชู้และถูกแฟนหนุ่มของหญิงสาวมาไล่จับคาหนังคาเขา!

“…”ไป๋ซู่เย่เงียบไปอึดใจก่อนจะใช้สายตาสับสนมองเขาแวบหนึ่งถึงเอ่ยปากตอบ “ไม่ได้กลัวเขา แต่กลัวแม่ฉันเห็น”

เขาทำหน้าสีหน้าเย็นชา “ผมมีอะไรให้ต้องหลบซ่อนงั้นเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นกลับเจอพ่อแม่เธอได้!

เขากลับไม่ทันสังเกตตัวเองเลยว่ากำลังเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอดเวลา

“…เปล่า แค่…คุณเป็นสายมืด ส่วนฉันสายสว่าง” ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ “ฉันไม่อยากให้แม่ฉันเป็นห่วงฉัน”

สิบปีก่อนเธอหนีจากความตายมาเฉียดฉิวเพราะเกือบไม่รอดจากอาการนอนไม่หลับรุนแรงและโรคซึมเศร้า ทำให้ครอบครัวในตอนนั้นแทบเป็นบ้า คุณหญิงไป๋ต้องเสียน้ำตาอาบหน้าทุกวัน ตอนนี้หากรู้ว่าเธอมีปฏิสัมพันธ์กับเย่เซียว เกรงว่า…

เย่เซียวกระชับมือเธอแน่นจนใบหน้าแน่นตึง เส้นทางมืดและสว่างเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามอยู่แล้ว! ฉะนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาถึงได้เดินทางมาถึงก้าวนี้ได้!

ไป๋ซู่เย่ไม่แน่ใจว่าตนจะพูดเกลี้ยกล่อมเขาได้หรือไม่ ผู้ชายคนนี้ดื้อรั้นเหมือนเธอไม่มีผิด เธอถึงกับเผื่อใจไว้อย่างเลวร้ายที่สุดแล้ว แต่ยังดี…

หลังเย่เซียวถลึงตาใส่เธอด้วยดุดันแวบหนึ่งจากนั้นเขาก็ลุกขึ้น

แต่ไม่ใช่เพียงลำพัง กลับกระชากเธอให้เดินเข้าไปในห้องนอนด้วย

ไป๋ซู่เย่ถาม “ทำไม?”

เธอถูกเขาดึงตัวเข้าไปในห้องนอนโดยหลังจากนั้นเย่เซียวกระแทกปิดประตูเสียงดัง กวาดสายตาเย็นชาผ่านตัวเธอ “เปลี่ยนชุดนอนซะ!”

ไป๋ซู่เย่ถึงรู้ตัวว่าเมื่อครู่เธอรีบร้อนไปหน่อยถึงได้ไม่ทันเปลี่ยนชุดนอนด้วยซ้ำ ชุดนอนชุดนี้ไม่เหมาะที่จะใส่ไปเจออวิ๋นช่วนจริงๆ

“ซู่ซู่ เราเข้ามาแล้ว ลูกอยู่ไหนน่ะ!”

คุณหญิงไป๋ได้เข้ามาในห้องเรียบร้อยโดยกำลังกวาดสายตาหาคนอยู่ข้างนอก ไป๋ซู่เย่แอบนึกโชคดีอยู่ในใจว่าได้เก็บเสื้อผ้าของเย่เซียวไว้ล่วงหน้าทุกอย่าง รองเท้าเองก็เก็บใส่ตู้รองเท้าแทนที่จะวางบนชั้นวางรองเท้า อีกทั้งถ้วยชามในห้องครัวถูกเย่เซียวล้างสะอาดไปตั้งแต่เที่ยงแล้วเช่นกัน

ขอแค่ไม่เข้าไปเจอโน้ตบุ๊คและของของเขาในห้องหนังสือ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

“แม่คะ รอหนูข้างนอกแป๊บหนึ่ง หนูกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอตะเบ็งเสียงบอกคุณหญิงไป๋ที่อยู่ข้างนอกก่อนจะล็อกประตูห้องจากข้างใน

“อืม อวิ๋นช่วนก็มาด้วย” คุณหญิงไป๋ตอบกลับ

ไป๋ซู่เย่กำลังคิดว่าทำไมอวิ๋นช่วนถึงมาด้วยกันกับคุณหญิงไป๋ได้โดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาเย็นยะเยือกจากใครบางคน เย่เซียวเดินออกไปตรงประตูที่เชื่อมห้องนอนกับระเบียงไว้แล้วเดินไปสูบบุหรี่ตรงระเบียง ไป๋ซู่เย่มองแผ่นหลังเขาถึงรับรู้ว่าเหมือนเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร อยากพูดอะไรแต่สุดท้ายกลับเงียบ ได้แต่หยิบเอาชุดลำลองอยู่บ้านออกมาเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำเงียบๆ

ออกจากห้องอาบน้ำไม่คิดว่าเย่เซียวจะดักรอตัวเองตรงประตู ระยะห่างที่ประชิดจนกลิ่นควันบุหรี่แผ่เข้ามา เธอเงยหน้ามองเขาอย่างฉงน ดวงตาเขาล้ำลึกคล้ายบ่อน้ำที่ลึกจนไม่เห็นพื้น ไม่รอเธอได้ถามอะไรจู่ๆ เขากระชากเธอเข้าไปก่อนโน้มหน้าจูบปากแดงอิ่มของเธอ

เธอไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เกิดแปลกใจชั่ววูบ ปลายลิ้นของเขาชอนไชเข้ามาบีบบังคับให้เธอพัวพันกับเขา ไป๋ซู่เย่ต้านจูบของเขาไม่ไหว ไม่นานถูกเขาจูบจนหายใจหอบ ตัวอ่อนแรงเอนพิงแนบกายเขาไว้

“ผมไม่สนว่าเขาจะเป็นคู่แต่งงานในอนาคตของคุณหรือเปล่า แต่คุณฟังผมให้ดี…” เย่เซียวแนบปากชิดกับของเธอ เสียงแหบแห้งทำให้ทุกถ้อยคำที่เล็ดลอดออกมาแฝงไปด้วยการตักเตือน “ในสิบวันสุดท้ายที่ผมยังเล่นไม่เบื่อ คุณกล้าให้ตัวคุณมีกลิ่นของเขาติดนิดเดียวล่ะก็ ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”

ไป๋ซู่เย่ที่เมื่อครู่ยังสติพร่ามัวเพราะถูกเขาจูบจนสมองมึนไปชั่วขณะกลับได้สติฉับพลันเพราะคำพูดของเขา

ความหมายของเขาคือ…

เพียงเพราะเขารักสะอาด สิบวันนี้เลยต้องการความซื่อสัตย์จากเธอ สิบวันหลังจากนี้…เธอจะอยู่กับใครก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาอีก…

ฉะนั้นเมื่อครู่ไม่ควรเลยที่เธอจะลุ่มหลงอยู่กับจูบเขา เธอแย้มปากหัวเราะ “คุณสบายใจได้ ฉันยังไม่มีฝีมือดีเท่าคุณที่สามารถนอนบนเตียงสองเตียงได้อย่างสบายใจ อีกอย่าง…ถ้าอนาคตฉันแต่งงานกับเขาจริงๆ ยังมีเวลาอีกทั้งชีวิต ไม่ต้องรีบกับอีกแค่สิบวันนี้หรอก”

เย่เซียวหายใจหนักอึ้ง มือใหญ่ที่ทาบบนเอวเธอกระชับแรงอีกนิด สายตาคล้ายจะปลิดชีวิตเธอให้ได้

เธอทนสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ มันจะทำให้เธออดเข้าใจผิดไม่ได้ว่าความจริงเขากำลัง…หึง…

ไม่อยากให้ตัวเองคิดเข้าข้างไปเองมากกว่านี้ เธอดันมือเขาออกห่างเบาๆ แล้วกล่าว “ฉันออกไปก่อนล่ะ”

กระทั่งประตูห้องปิดตัวลงและเงาของเธอหายไปจากห้องนอน สีหน้าเย่เซียวไม่ได้ผ่อนคลายลงสักนิด

ทั้งชีวิตอย่างนั้นหรือ!!

ผู้หญิงไร้หัวใจคนนี้ ต่อให้ผ่านการทรยศหักหลังเมื่อสิบปีก่อน ปั่นป่วนโลกของเขาจนไม่เหมือนเดิมก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อจิตใจของเธอสักนิด ยังใช้ชีวิตสงบสุขได้อยู่ดี!

เย่เซียวเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากพุ่งออกไปนอกห้องนอนในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!

…………………………

พอไป๋ซู่เย่ออกมาคุณหญิงไป๋พูดขึ้นในห้องครัว “เปลี่ยนเสื้อผ้านานขนาดนี้ ปักผ้าอยู่ข้างในหรือไง!”

“แม่คะ ทำไมมาแล้วไม่บอกก่อนล่ะ?”

“แม่ก็โทรหาลูกแล้วไม่ใช่เหรอ?”

อวิ๋นช่วนที่ขณะนี้กำลังนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่น เห็นเธออกมาก็ลุกพรวด

ผ่านเรื่องราวโกลาหลกับเย่เซียวคราวก่อนแล้วเจออวิ๋นช่วนในเวลาอันสั้น ไป๋ซู่เย่อดรู้สึกอึดอัดในใจอยู่ไม่น้อย

“ซู่ซู่ แผลของคุณ…” เพียงแวบเดียวอวิ๋นช่วนก็เห็นผ้าพันแผลบนศีรษะของเธอ เขาทั้งเป็นห่วงทั้งโมโห “เพราะผู้ชายในโทรศัพท์คืนนั้นใช่ไหม…”

บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าคนในสายวันนั้นคือเย่เซียว

“ชู่ว!”ไป๋ซู่เย่พูดขัดคำพูดที่เหลือของเขาแล้วหันกลับไปมองห้องครัวแวบหนึ่ง “เรื่องคืนนั้นอย่าพูดต่อหน้าแม่ของฉัน ฉันไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”

“แล้วแผลของคุณ…”

“ฉันไม่ระวังตัวแล้วล้มเอง”

“จริงเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นช่วนกำลังสงสัย คืนนั้นแม้เขาจะฟังไม่ได้ความจากโทรศัพท์สักเท่าไรแต่จากน้ำเสียงได้ใจและอาจหาญของผู้ชายคนนั้นก็พอรู้สึกได้ว่าเขาไม่รู้จักให้เกียรติเธอ!

“อืม จริงสิ” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า

……………………………………………