ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
บทที่****213: ออกเดินทาง
“ทำไมนายท่านจึงไม่ให้ข้าควบคุมนาง!” ปีศาจเทวะอีกตนที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกถูกล่อลวงทันที แต่หลังจากไตร่ตรองแล้วสักครู่เขาส่ายหัวพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “คงจะดีกว่าถ้าไม่ทำเช่นนั้น อย่างน้อยก็ในตอนนี้!”
“เหตุใดจึงทำไม่ได้ในตอนนี้?” ปีศาจเทวะถามออกมาอย่างสับสน
“มันง่ายเกินไปที่คนอื่นจะมองเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ!” ซ่งจงอธิบายพร้อมกับหัวเราะอย่างขื่นขม “ในตอนนี้มีมู่ซื่อหรงที่ใช้ทักษะดาบที่เก่งกาจผิดปกติอยู่ข้างกายข้า เท่านี้ก็ทำให้เรื่องราวมันแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว หากผู้อื่นเห็นว่าแม่มดเปลือยกายแข็งแกร่งผิดปกติ มันง่ายมากที่จะเป็นจุดสังเกตและสามารถคาดเดาได้ว่าเป็นความสามารถของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า! ข้าไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ตนเองด้วยการเปิดเผยว่าครอบครองพวกเจ้า!”
เมื่อปีศาจเทวะได้ยินเช่นนั้น นางพยักหน้าทันทีด้วยความเข้าใจ จากนั้นมู่เอ๋อถามออกมาว่า “นายท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับแม่มดเปลือยกาย? อย่าบอกนะว่าท่านต้องการให้นางวางแผนทุกอย่างอยู่เบื้องหลังของท่าน?
“อา ในตอนนี้เรายังไม่ต้องสนใจนาง อย่างไรก็ตามตาเฒ่าพิษก็เป็นสายลับให้กับเราแล้ว นางไม่สามารถสร้างปัญหาได้โดยง่าย!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นพร้อมกล่าวเสริมว่า “ถ้าหากนางคิดที่จะวางแผนทำอะไรลับหลังข้า เหอะ! ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับนางเอง!”
“นายท่านฉลาดจริง ๆ!” แม่มดทั้งเก้ากล่าวออกมา
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่าจะทำยังไงให้ข้ามีความสุข!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าชั่วร้ายพร้อมกับเริ่มลูบไล้ที่ร่างกายของพวกนาง
แน่นอน แม่มดทั้งเก้ารู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไรและไม่ปฏิเสธ สุดท้ายแล้วความปรารถนาครั้งใหญ่ได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง พวกเขาเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน แม่มดเปลือยกายมาถึงอาคารบนยอดเขา ภายในศาลาขนาดเล็ก นางเห็นว่าเจ้าอ้วนกำลังฉวยโอกาสกับมู่ซื่อหรง
เมื่อนางได้เห็นเช่นนั้น ความเจ็บปวดที่ถูกเผาไหม้ตลอดเวลาของนางได้ปะทุขึ้น ดวงตาของนางไม่อาจอดกลั้นความปรารถนาไว้ได้พร้อมกับปากที่เริ่มกระตุก ในเวลานั้นนางเริ่มลูบคลำร่างกายของตนเองไปทั่วทั้งตัวพร้อมกับส่งเสียงครางออกมา
ซ่งจงรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่นางปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้พร้อมกับผลักมู่ซื่อหรงออกไป เขาส่ายหัวพร้อมกับหยิบชาขึ้นมาจิบพร้อมถามว่า “เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?”
แน่นอนว่าแม่มดเปลือยกายนั้นเตรียมใจที่จะถูกเจ้าอ้วนตำหนิไว้แล้ว ดังนั้นนางจึงพูดเข้าประเด็นทันที “ข้าได้เลือกภารกิจแล้ว เป็นเกาะภูเขาไฟซึ่งกว้างประมานร้อยลี้ บนนั้นมีอสูรกายกว่าร้อยตัว! มันเป็นภารกิจที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดที่จะขึ้นไปทำความสะอาดมัน!”
“เกาะภูเขาไฟ?” ซ่งจงขมวดคิ้วพร้อมกับถามว่า “พวกมันเป็นอสูรกายขั้นสี่ที่เติบโตขึ้นจากที่นั่น แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบเท่ากับระดับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ด้วยจำนวนของพวกมัน เจ้าคิดงั้นหรือว่าเราจะสามารถทำลายมันได้?”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ด้วยการฝึกฝนของข้ารวมกับตาเฒ่าพิษมากพอที่จะทำให้พวกมันทั้งหมดบ้าคลั่ง หลังจากนั้นพวกมันจะลงเอยด้วยการต่อสู้กันเอง เราเพียงแค่ดูแลหลังจากที่พวกมันทั้งหมดตายตกไปแล้วเท่านั้น!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าทุกอย่างประสบความสำเร็จ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก!”
“อือ!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกับคิดตาม จากนั้นเขากล่าวว่า “เอาล่ะ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราก็ออกเดินทางกันได้ แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่?”
“ทุกคนจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว พวกเขาจะต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่อยู่บนเกาะภูเขาไฟ อย่างน้อยรายการพวกนี้ไม่ได้หาได้โดยง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ข้าคิดว่าสามวันก็เพียงพอ!” แม่มดเปลือยกายรีบตอบกลับ
“เอาล่ะ เราจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าจะออกเดินทางหลังจากนี้สามวัน!” ซ่งจงออกคำสั่งราวกับเขาเป็นหัวหน้าทีม “เหอะ!” แม้ว่าแม่มดเปลือยกายจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่นางไม่กล้าที่จะแสดงอารมณ์ของตนออกไปพร้อมกับตอบกลับอย่างเชื่อฟัง “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน!”
“อืม ข้าไม่สามารถไปส่งเจ้าได้!” ซ่งจงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้แก่ท่าน!” แม่มดเปลือยกายออกไปจากอาคารพร้อมกับมุ่งหน้าไปหาตาเฒ่าพิษอย่างรวดเร็ว
เมื่อนางพบกับตาเฒ่าพิษ นางเริ่มระบายอารมณ์ออกมา “บัดซบ เจ้าอ้วนนั่นมันทำเกินไปแล้ว เขาไม่เสนอชาให้ข้าสักถ้วย แถมยังออกคำสั่งราวกับข้าเป็นแม่บ้านของมัน! มันจะมากเกินไปแล้ว!”
เมื่อตาเฒ่าพิษได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขื่นขม “เจ้าอ้วนนั้นทำมากเกินไปจริง ๆ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ถูกไหม? เราจะไม่ยอมก้มหัวได้อย่างไรในเมื่อเราอ่อนแอกว่าเขา? จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเรารู้จักระงับความโกรธของตนเองไว้!”
“บัดซบ!” แม่มดเปลือยกายเตะเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธพร้อมกับตะโกนออกมา “หญิงชราผู้นี้ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป!”
“แล้วยังไงล่ะถ้าหากเจ้าทนไม่ได้? อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการต่อสู้กับมู่ซื่อหรง?” ตาเฒ่าพิษกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เรื่องนั้น…” แม่มดเปลือยกายไร้คำพูดทันที หลังจากนั้นนางกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น “บัดซบ ถ้าหากนางบังคับให้ข้าจนมุม ข้าก็จะต่อสู้กับนางแม้ว่าในตอนสุดท้ายจะต้องตาย!”
“ข้าว่าเจ้าจงเก็บงำความโกรธไว้เสียดีกว่า บางทีอีกสักพักซ่งจงอาจจะจากไปก็ได้” ตาเฒ่าพิษพยายามหว่านล้อม “ด้วยสายสัมพันธ์ของสำนักเสวียนเทียน มันง่ายมากถ้าหากเขาจะเข้าร่วมในทีมระดับจินตัน การมาอยู่ในทีมนี้แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขาจะถูกปิดกั้น!”
“อย่างนั้นหรือ? ข้าลืมไปเลย งั้นข้าจะอดทนไปก่อน!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างมีหวัง จากนั้นนางกล่าวเสริม “จริงด้วย เราจะไปยังเกาะภูเขาไฟในอีกสามวันข้างหน้า เจ้าจงเตรียมตัวด้วย!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางบินออกไปโดยไม่กล่าวคำลาใดทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าแม่มดเปลือยกายได้จากไปแล้ว ตาเฒ่าพิษรีบขึ้นไปพบซ่งจงทันทีและรายงานเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซ่งจงชื่นชมเขาเล็กน้อยพร้อมกับส่งเขากลับออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจที่จะดำเนินการกับแม่มดเปลือยกายเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ระมัดระวังนางมากยิ่งขึ้น
ซ่งจงเกรงว่าภารกิจนี้จะเป็นกับดักของแม่มดเปลือยกาย ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปที่อาคารร้อยบุบผาเพื่อพบกับฮัวจิงซือเพื่อที่จะเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้น จากนั้นเขาก็พบว่าภารกิจเช่นนี้เป็นเหมือนที่แม่มดเปลือยกายได้อธิบายไว้ก่อนหน้า มีอสูรกายภูเขาไฟประมานหนึ่งร้อยตัว นอกเหนือจากลูกของพวกมัน มีอสูรกายขั้นสี่เพียงหลักสิบเท่านั้น และในพวกมันไม่มีตัวไหนที่อยู่ในขั้นห้า
หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากฮัวจิงซือ ซ่งจงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยอสูรกายเพียงขั้นสี่ เขาสามารถจัดการพวกมันได้และถึงแม้ว่าจะเป็นอสูรกายขั้นห้าที่อยู่ในระดับจินตันเขาก็ไม่เกรงกลัวพวกมันแม้แต่น้อย ไม่มีสิ่งใดที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาได้ในตอนนี้ หลังจากที่พูดคุยกับฮัวจิงซืออยู่สักพักหนึ่ง เขากลับไปที่อาคารบนยอดเขาของตนเอง เพื่อรอเวลาอีกสามวัน
สามวันผ่านไปรวดเร็วราวกับกระพริบตา เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้บนยอดเขาราวกับทุกคนพร้อมที่จะเข้าร่วมสงคราม มีเพียงซ่งจงเท่านั้นที่แสดงสีหน้าออกมาอย่างไร้ความกังวลใด อีกทั้งขวดไวน์ในมือของเขา
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ทั้งหมดขมวดคิ้วทันทีแสดงท่าทีที่ไม่พอใจออกมา มันเป็นเพราะทั้งหมดเกรงกลัวต่อความแข็งแกร่งของมู่ซื่อหรงจึงทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะต่อกรกับเขา
แม้ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา แต่ในฐานะหัวหน้าทีมอย่างเช่นแม่มดเปลือยกายไม่สามารถมองข้ามสิ่งนี้ได้ นางทำได้เพียงกัดฟันและกล่าวออกมาว่า “ทุกคนพร้อมหรือยัง? เราจะต้องบินไปยังเกาะภูเขาไฟและใช้เวลาเดินทางสักสองสามวัน!”
แม้ว่านางจะกล่าวกับทุกคน แต่เป้าหมายของนางคือซ่งจง
เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เดินทางเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เราต้องใช้เวลาบินถึงสามวันเลยงั้นหรือ?”
ในความจริงด้วยความเร็วของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้าย สามารถเดินทางห้าพันลี้ได้ในเวลาเพียงสองชั่วโมง สำหรับเพียงร้อยกว่าลี้และใช้เวลาสองวันนั้นดูจะมากเกินไป
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความรังเกียจ แม่มดเปลือยกายอธิบายพร้อมกับขมวดคิ้ว “ภายในทะเลตะวันออกนั้นไม่เหมือนกันเทือกเขาใหญ่ที่เจ้าจากมา มีอันตรายมากมายซ่อนอยู่ในทุกหนแห่งและการต่อสู้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราจะไม่ใช้ปราณจิตวิญญาณในการเดินทาง เราสามารถเดินทางได้เพียงหนึ่งหมื่นลี้ การจะฟื้นฟูปราณจิตวิญญาณนั้นต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะพ่ายแพ้เมื่อต้องพบเจอกับการต่อสู้ครั้งใหญ่!”
“ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่ต้องกังเวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” สำหรับซ่งจงที่กล่าวเช่นนั้นออกมา เขาโบกมือพร้อมกับปรากฏนาวายักษ์สีดำออกมาภายในอากาศ
“โอ้ เรือบิน!” ซูหยุนและซูหยู่อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายทันทีและอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม่มดเปลือยกายร้องออกมาทันที “โอ้ ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าท่านจะมีสมบัติเช่นนี้ ด้วยสิ่งนี้เราจะไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้ปราณจิตวิญญาณและเวลาการเดินทางของเราจะสั้นลงอย่างมาก พร้อมทั้งลดความเสี่ยงขณะเดินทางอีกด้วย! อุปกรณ์นี้ควรเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกเรา!” ซูหยุ่นและซูหยู่กล่าวออกมา “พี่ชายนักบวชนั้นเป็นคนที่ร่ำรวยอย่างมาก! ท่านสามารถนำสมบัติล้ำค่าของสำนักออกมาได้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก!”
“ฮี่ฮี่!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “ไม่ใช่อย่างนั้น นี่เป็นสมบัติที่ข้าได้รับหลังจากการต่อสู้ เดิมทีมันเป็นของสำนักจักรกล ข้าหยิบฉวยมันมาจากบุตรชายของจ้าวสำนัก!”
ถ้าหากเป็นที่อื่น แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกรังเกียจอย่างแน่นอนที่ฉกฉวยสมบัติของผู้อื่น แต่ที่แห่งนี้คือทะเลตะวันออกซึ่งไร้กฏเกณฑ์ใด ถ้าหากว่าไม่รู้จักการปล้นใครสักคนจะกลายเป็นตัวเราเองที่โดนดูถูก เพราะสถานที่แห่งนี้มีแต่การแย่งชิง
เช่นนั้นซ่งจงจึงกล้าเปิดเผยความจริงออกมาและตอบอย่างมั่นใจ เมื่อทุกคนเห็นว่าเขามีความสามารถขนาดไหน พวกเขามองเจ้าอ้วนด้วยสายตาชื่นชม แม้แต่นักบวชหินยังอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาชื่นชมเขาออกมาถึงจะเป็นเพียงแวบเดียวก็ตาม นั่นทำให้ซ่งจงรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ซ่งจงไม่กล่าวอะไรต่อ เขาบอกให้ทุกคนขึ้นเรือ แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นสมบัติวิเศษที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาสมบัติขนาดยักษ์ แต่มันก็ยังมีความกว้างถึงร้อยฟุตและสามารถบรรทุกคนได้ถึงเจ็ดคน ขณะที่ทุกคนขึ้นไปบนเรือเสร็จสิ้นแล้ว ซ่งจงไม่ได้กล่าวอะไรต่อพร้อมกับออกเรือทันที