บทที่ 412 โลกที่สาบสูญตั้งแต่บรรพกาล

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 412 โลกที่สาบสูญตั้งแต่บรรพกาล

เมื่อหลิงตู้ฉิงมองไปยังผลึก จากนั้นจู่ ๆ มันก็ปล่อยแสงหลากสีออกมาทันที ส่งผลให้ภาพที่ปรากฎขึ้นตรงเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นภาพฉากอันยิ่งใหญ่ที่ดูไม่คุ้นเคย

ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ก็คือภาพของโลกโบราณ ที่มีทวีปอันกว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตาอยู่ห้าทวีป

ขนาดแต่ละทวีปนั้นมันมีขนาดใหญ่ซะยิ่งกว่ามหาพิภพไร้จุดจบซะอีก ซึ่งแม้แต่หลิงตู้ฉิงเองเขาก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละทวีปนี้ใหญ่แค่ไหน

และในโลกอันกว้างใหญ่นี้ อัจฉริยะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่เหนือกว่าทุกคนที่เคยเกิดมาก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

อัจฉริยะผู้นี้ใช้เวลาเพียง 100 ปี ในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์สามัญ

จากนั้นเมื่อ 500 ปีผ่านไป อัจฉริยะผู้นี้ก็ได้ก้าวไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิแล้ว

หลังจากนั้นอีกหมื่นปีต่อมา อัจฉริยะผู้นี้ก็ได้ทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตที่ไม่มีผู้ใดสามารถเดาได้และจากนั้นเขาก็เริ่มสร้างโลก

อย่างไรก็ตามโลกนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นจากมวลสารใด ๆ

แต่อัจฉริยะผู้นี้ กลับใช้พลังวิญญาณของตัวเองในการดึงเส้นปราณทวีปออกจากทวีปทั้งห้า ซึ่งเส้นปราณทวีปจากทั้งห้าทวีปก็คือ โลหะ ไม้ น้ำ ไฟและดิน เส้นปราณเหล่านี้คือเส้นปราณที่คอยส่งพลังหล่อเลี้ยงทวีปทั้งห้า

และก็ตามคาด ภายใต้การออกแบบของอัจฉริยะผู้นี้ โลกของเขาถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จ

อย่างไรก็ตามเส้นปราณที่เขาดึงมันมาสร้างโลกของเขานั้น มันคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของความมั่นคงของทวีปทั้งห้า และในเมื่อเขาได้แยกเส้นปราณของทวีปทั้งห้าออกมาแล้ว ทวีปทั้งห้าที่ไม่ได้รับการค้ำจุนจากเส้นปราณก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สิ่งมีชีวิตทั้งหลายถูกทำลายเกือบจะทั้งหมด มีเพียงผู้ที่เชี่ยวชาญระดับสูงเท่านั้นที่ยังพอสามารถเหนี่ยวรั้งชิ้นส่วนบางส่วนของทวีปที่แตกออกจากกันและปกป้องชีวิตของผู้คนที่เหลือรอดอยู่บนชิ้นส่วนเหล่านั้นได้

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผู้ที่ตายไปแล้วนั้นความแตกต่างของผู้ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากตายนัก

โลกทั้งโลกหยุดนิ่งและเต็มไปด้วยความแค้นและกลิ่นอายแห่งความตาย

ส่วนทางด้านของอัจฉริยะผู้นั้น เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องราวความหายนะที่บังเกิดขึ้นจากเขาเลยแม้แต่น้อย เขาสนใจแค่เพียงการจดจ่ออยู่กับการปรับแต่งโลกของตัวเอง

เขายังคงดึงเส้นปราณของทวีปทั้งห้าอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ นำมันหลอมรวมเข้ากับโลกของเขาทีละน้อย จนโลกของเขาก็เริ่มแสดงการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย

สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นก็คือพลังวิญญาณและพลังธาตุทุกประเภทตลอดจนองค์ประกอบพื้นฐานที่สุดของโลก หลังจากที่องค์ประกอบพื้นฐานที่สุดของโลกได้ก่อตัวขึ้น เต๋า 3,000 รูปแบบก็ค่อย ๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างและกลายเป็นเหมือนดวงดาวที่แขวนอยู่เต็มไปทั่วท้องฟ้า

จากนั้นเมื่อท้องฟ้าได้เต็มไปด้วยดวงดาวแล้ว มิติและอาณาเขตต่าง ๆ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

“นี่มันคือกระบวนการก่อตัวขึ้นของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ…” หลิงตู้ฉิงพึมพำกับตัวเองขณะที่เขามองไปที่ฉากเหล่านั้น “ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเมื่อครั้งบรรพกาลมันจะมีทวีปใหญ่อยู่ห้าทวีป ส่วนมหาพิภพไร้จุดจบ นั้นก็เป็นเพียงผลลัพธ์หลังจากที่ทั้งห้าทวีปได้ถูกทำลาย!”

หลิงตู้ฉิงยังคงมองดูด้วยสีหน้างงงวย

เห็นได้ชัดว่าโลกที่ก่อตัวขึ้นในฉากนั้นก็คือเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับและในตอนท้าย เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็ไม่ได้พัฒนาไปเป็นโลกที่สมบูรณ์และอัจฉริยะผู้นั้นก็เสียชีวิตลง

ว่าแต่ทำไมเขาถึงตาย?

ความลับนี้เป็นสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการจะรู้ที่สุด

ในขณะนี้ฉากที่เขาเห็นนั้นก็คือฉากที่อัจฉริยะผู้นั้นกำลังดึงเส้นปราณทั้งห้าเส้นของห้าทวีปเข้าไปหลอมรวมกับโลกของเขา ซึ่งมันส่งผลให้ทั้งห้าทวีปที่แตกสลายไปแล้วก็ค่อยพังทลายหนักเข้าไปใหญ่ จนมันทำให้ตอนนี้มีผู้คนหลายคนนั้นไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งต่างร่วมมือกันโจมตีอัจฉริยะผู้นั้นจากทุกทิศทุกทาง

อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป!

ในขณะที่เขาดึงเส้นปราณทวีปทั้งห้าอย่างรุนแรง เขาก็ต่อต้านอำนาจแห่งสวรรค์และโลกรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญจำนวนมหาศาลไปด้วย

และด้วยความแข็งแกร่งของเขาแม้ว่าจะรับมือกับศึกหลายด้าน แต่วิวัฒนาการของโลกก็ยังคงดำเนินต่อไป

เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นสิ่งนี้เขาก็พยักหน้าและพูดว่า “อ๋อ ที่แท้เจ้าก็เป็นตัวตนที่เกือบจะถึงระดับหลุดพ้นนี่เอง เจ้าถึงได้เผชิญกับทัณฑ์จากสวรรค์ มนุษย์และโลกพร้อมกัน ๆ ว่าแต่เจ้าตายเพราะเหตุการณ์นี้งั้นเหรอ?”

ในขณะนี้ฉากที่เห็นอยู่นั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง โลกทั้งใบถูกทำลายจนเละเทะผู้คนนับไม่ถ้วนถูกฆ่า

อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะผู้นั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับหายนะที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาสร้างโลกของเขาต่อไปโดยการดึงเส้นปราณทวีปทั้งห้าเข้าหลอมรวมกับโลกของเขา

แต่แล้วเมื่อทุกคนที่กำลังสิ้นหวังคิดว่าอัจฉริยะผู้นี้คงจะสามารถหลอมรวมเส้นปราณทวีปทั้งห้าเข้ากับโลกของเขาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน จู่ ๆ ร่างกายของอัจฉริยะผู้นั้นก็พังทลายลง

เมื่อหลิงตู้ฉิงดูถึงตรงนี้เขาก็ประหลาดใจ ทำไมเขาถึงตายในทันที?

แต่เมื่อเห็นฉากถัดไปเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

นี่เป็นเพราะโลกของอัจฉริยะผู้นั้นที่วิวัฒนาการแล้วได้ดิ่งจมลงสู่พื้นดินของโลกทวีปทั้งห้า ซึ่งมันจมลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของโลก ถึงแม้ว่าอัจฉริยะผู้นี้จะวิวัฒนาการโลกของเขาเองจนเป็นโลกใบใหม่ แต่โลกที่เขาพยายามสร้างมันก็หนักเกินไป มันหนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับมันไหว

ดังนั้นอัจฉริยะจึงไม่ได้ถูกฆ่า แต่ถูกโลกของเขาเองบดขยี้จนตาย

ต้องบอกว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าเศร้า!

ตามความเข้าใจของเขา หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบเขตของเขาต่ำเกินไป มันไม่เพียงพอที่จะแบกรับสวรรค์และโลกใหม่ แต่น่าเสียดายจริง ๆ แทนที่จะตายเพราะทัณฑ์ทดสอบทั้งสาม แต่เขากลับตายเพราะตัวเอง เฮ้อ อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถเติมเต็มชะตาของเขาได้สมบูรณ์”

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนี้มีที่มาอย่างไร

และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อถึงเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น ทางเข้าของมันถึงได้ปรากฎขึ้นที่มหาพิภพไร้จุดจบ ซึ่งนั่นก็เพราะว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับยังคงเชื่อมต่อกับเส้นปราณทั้งห้าเส้นและเส้นปราณเหล่านั้นก็เป็นรากฐานของมหาพิภพไร้จุดจบในปัจจุบัน

แต่แล้วในขณะที่หลิงตู้ฉิงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เสียงของคนผู้หนึ่งก็ได้ดังขึ้นในหัวของเขา

“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงแสดงสิ่งเหล่านี้ให้เจ้าเห็น? นั่นก็เพราะว่าข้าคือตัวตนที่อยู่ห่างจากตัวตนที่อยู่เหนือสรรพชีวิตบนโลกเพียงแค่ก้าวเดียว และตอนนี้ข้าก็ได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าร่วมมือกับข้าเพื่อที่เราจะสามารถทำมันสำเร็จด้วยกันได้ และจากนั้นข้าจะกลายเป็นเจ้าและเจ้าจะกลายเป็นข้า เราจะร่วมกันเพื่อเป็นคนแรกในโลกใบนี้ที่จะอยู่เหนือสรรพชีวิตทั้งหมดอย่างแท้จริง”

เมื่อเสียงนั้นเงียบลง ร่างของอัจฉริยะที่อยู่ในฉากต่าง ๆ ที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งดูจบไปก็ปรากฎขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขา

ในขณะนี้ร่างของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฏขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขาเช่นกัน แต่ร่างของหลิงตู้ฉิงในเวลานี้ที่ปรากฎขึ้นนั้นดูแตกต่างจากรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขาอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากตอนนี้รอบกายของเขานั้นมีเจตจำนงแห่งการสังหารแผ่ออกมาจนน่ากลัวอย่างแท้จริง

เขามองไปที่อัจฉริยะและพูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าคือเจ้าและข้าก็ยังเป็นข้า ข้าไม่สนใจเส้นทางของเจ้า นอกจากนี้ข้าได้เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามความปรารถนาของเจ้า แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามมันไปได้”

อัจฉริยะมองไปที่หลิงตู้ฉิงและส่ายหัว “เจ้าไม่รู้ระดับการบ่มเพาะของข้าด้วยซ้ำ! และข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าเข้าใจ! ในฐานะที่เจ้าเป็นตัวตนที่โดดเด่นที่สุดในยุคนี้และควบคู่ไปกับจิตสำนึกของข้า ตราบเท่าที่เจ้าทำตามข้า เจ้าจะสามารถประสบความสำเร็จ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการ แต่เจ้าไม่สามารถหยุดไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ แต่เจ้าจงมั่นใจ ข้าจะใช้ร่างกายของเจ้าดูแลคนที่เจ้าห่วงใยให้ดีที่สุด”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ตาแก่ แม้ว่าข้าจะชื่นชมในความตรงไปตรงมาของเจ้า แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้ามันล้าสมัยไปแล้ว นอกจากนี้ข้าคือตัวตนที่เคยล้ำหน้าไปไกลกว่าเจ้ามาแล้ว แต่ข้าแค่หยุดด้วยตัวเอง”

“และข้าจะบอกอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการเอาบุญให้เจ้าฟัง นั่นก็คือครั้งนี้เจ้าได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็คือการที่เจ้าเลือกที่จะครอบครองร่างกายของข้า ในอดีตนั้นข้าได้ฆ่าตัวตนแบบเจ้าไปหลายต่อหลายคนแล้ว”

“ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่แข็งแกร่งอย่างเก่าก่อนและกลับชาติมาเกิด แต่สิ่งที่ข้ากลัวน้อยที่สุดคือการถูกยึดครองร่างและโดนแทนที่ดวงจิต! ถ้าเจ้าเลือกใช้วิธีสิงร่างของผู้อื่นที่มีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่าข้ามาก ๆ มาเล่นงานข้า ข้าก็คงจะรับมือเจ้าลำบากอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เจ้ามันก็เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวจิตสำนึกที่เหลืออยู่ เจ้าไม่สามารถต่อกรกับข้าได้แน่นอน”

“นอกจากนี้ข้าต้องแก้ไขคำพูดสองสามคำของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จ เจ้าก็ไม่ใช่ตัวตนแรกของโลกนี้ที่อยู่เหนือสรรพชีวิต ผู้ที่กลายเป็นตัวตนที่อยู่เหนือสรรพชีวิตผู้แรกนั้นได้บังเกิดขึ้นมาก่อนหน้าเมื่อนานมาก ๆ แล้วและข้า ข้าคือคนที่สองที่ได้ไปถึงระดับนั้น!”

“แต่ว่าการปรากฏตัวของเจ้านั้นได้ตอบคำถามของข้าได้หลายข้อและมันทำให้ข้าเข้าใจเส้นทางใดที่เป็นเส้นทางที่ผิด ยิ่งไปกว่านั้นในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมข้าถึงเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดายและยังได้พบเจ้าง่าย ๆ ด้วย ทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป เจ้าไม่ควรมีชีวิตอยู่เลย”

“นี่น่าจะเป็นเศษเสี้ยวจิตสำนึกสุดท้ายของเจ้าใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี! ทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้ามันจะได้จบลงซะตั้งแต่วันนี้สักที! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความลับของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอีกต่อไป!”

หลังจากพูดประโยคนี้จบ ห้วงจิตสำนึกทั้งหมดของหลิงตู้ฉิงก็เต็มไปด้วยรัศมีสีแดงที่สว่างเจิดจ้า และจากนั้นร่างของอัจฉริยะผู้นั้นก็ถูกดูดกลืนจมหายไปภายใต้รัศมีสีแดงนั้น!