บทที่ 1857 - การประลองและข้อตกลง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1857 – การประลองและข้อตกลง
  เหลียนเฉินเปาไม่พูดอะไรต่อเพราะเขารู้ดีว่าท่านลุงห้าของเขาคงจะมีเรื่องที่อยากจะพูดต่อการเข้าไปยุ่งย่ามกับกลุ่มคนที่ทรงพลัง แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ แต่มันก็อาจจะนำมาซึ่งการล้างเผ่าพันธุ์ ฆ่าล้างตระกูล
  แม้ว่าชิงสุ่ยแต่ยังคงเด็กมากเขาจึงยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ ฉะนั้นการปล่อยให้ท่านลุงห้าของเขาเป็นคนจัดการคือหนทางที่ดีที่สุดแล้ว
  ”พ่อหนุ่มน้อยตระกูลเหลียนเฉินของเราก็ถือเป็นตระกูลที่มีอิทธิพล และแม่นางเฉินก็ได้ทำสัญญาแต่งงานกับเปาเอ๋อของข้าตั้งแต่เด็ก พ่อของนางก็มาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องราวเหล่านี้ ข้าขอเหตุผลที่เจ้าพยายามหยุดยั้งงานแต่งงานครั้งนี้ได้หรือไม่? หรือเจ้ากำลังคิดว่าจะไม่มีใครในตระกูลเหลียนเฉินล่มเจ้าได้สินะ”  ชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลียนเฉินเปาพร้อมกับลุงห้าค่อยๆย่างก้าวออกมาข้างหน้า ขณะที่พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงธรรมชาติไม่มีทั้งความไม่พึงพอใจ หรือแม้แต่ความหยิ่งยโส พวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าตระกูลเหลียนเฉินเองก็สามารถปฏิบัติกับชิงสุ่ยอย่างสุภาพได้
  ทุกครั้งที่ชายชราก้าวเดินออกไปข้างหน้าเขาจะเว้นช่องว่างเอาไว้เพื่อใช้สำหรับการล่าถอย มิฉะนั้นหากเกิดเหตุผิดพลาด จุดจบของเขามีเพียงอย่างเดียวคือความตาย
  ชิงสุ่ยยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า”ข้าเองก็ไม่ต้องการสร้างศัตรูกับใครทั้งสิ้น แม้ว่ากลุ่มตระกูลเหลียนเฉินจะเป็นตระกูลที่ทรงพลัง เป็นตระกูลหลักที่สามารถควบคุมนิกายสวรรค์ดาราอมตะ แต่ข้าเองก็ไม่อยากเห็นเพื่อนของข้าถูกรังแก ตัวข้าเองก็มีเพื่อนไม่มากนัก ดังนั้นทุกคนจึงมีความหมายสำหรับข้า ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่มีวันยอมดูพวกเขาถูกรังแกเป็นอันขาด”  ชายชราขมวดคิ้วนิ่งเงียบสีหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่าเขากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสีย รวมทั้งวิธีแก้ปัญหา
  ”แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ล่ะ?ออกมาสู้กับข้า ถ้าหากเจ้าพ่ายแพ้ ก็จงอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ถ้าหากเจ้าชนะ พวกเราจะจากไปทันที และจะไม่พูดถึงงานแต่งงานของเปาเอ๋อและแม่นางเฉินอีกเป็นอันขาด ข้อตกลงนี้ดีสำหรับเจ้า เจ้าตกลงหรือไม่?” ชายชรากล่าวกับชิงสุ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  ชิงสุ่ยเผยเห็นรอยยิ้มจางๆมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากชายชรา หากเขาพ่ายแพ้ โอกาสหนทางอีกมากมาย ที่สำคัญเขาจะไม่มีคุณสมบัติเข้าไปแทรกแซงเรื่องราวทั้งหมด และอาจถูกสังหารกลายเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นได้
  แต่ถ้าหากเขาเป็นฝ่ายชนะฝั่งของชายชราก็จะเห็นศักยภาพในตัวของเขา และการยื่นข้อเสนอเช่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางซึ่งถือเป็นการหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู เพราะในกลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าทั้งหมด ชายชราคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด หากข้อเสนอไม่ดีพอ เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สิ่งเดียวที่รออยู่คือการทุบตี
  แต่ก่อนที่ชิงสุ่ยจะได้เอ่ยวาจาใดๆออกไปเฉินเจินก็ขัดจังหวะโดยกล่าวกับเขาว่า “ชายชราผู้นั้นแข็งแกร่งมาก หากเจ้าเอาชนะเขาไม่ได้ ชีวิตของเจ้าจะต้องตกอยู่ในอันตราย อย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะทำให้เจ้าตาบอด แม้พวกเขาจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้า”
  จะว่าไปเฉินเจินเองก็ไม่รู้เบื้องหลังของชิงสุ่ยเหมือนกันแม้ชิงสุ่ยจะเคยเล่าเรื่องราวบางอย่างให้เธอฟังก็ตาม
  ชิงสุ่ยยิ้มให้กับเฉินเจินก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจว่า”อย่าได้กังวลไปเลย พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะมาต่อกรกับข้าได้”
  ชิงสุ่ยไม่ใช่คนหยิ่งยโสแม้เขาจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชายชรา แต่ด้วยพลังการรับรู้ทางจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยสามารถประเมินพลังอย่างคร่าวๆ ซึ่งต่างกับชายชรา ที่ไม่สามารถตรวจจับพลังของชิงสุ่ยได้เลย
  ”เอาล่ะข้าตกลงในข้อตกลงของเจ้า และข้าก็หวังว่าพวกเราจะทำตามข้อตกลงที่ให้ไว”ชิงสุ่ยเหลือบตามองชายชราที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาจนทำให้ชายชรารับรู้ถึงหนามแหลมคมทิ่มแทงข้างหลัง
  ชายชรารับรู้ถึงความอันตรายในตัวของชิงสุ่ยและไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของชายผู้นี้มีใครคอยหนุนหลังอยู่ สิ่งที่เขารู้คือเขาคงไม่อาจหยุดกลางคันได้อีกแล้ว ฉะนั้นการเอาชนะชิงสุ่ยยังคงสำคัญ และต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นศัตรูกับชายผู้นี้
  ”วางใจได้เลยแม้ตัวข้าจะพูดเต็มปากไม่ได้ว่าตัวข้านั้นเป็นคนดี แต่ข้าก็ไม่ใช่คนที่เลวร้าย ใครก็ตามที่รู้จักข้า พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเมื่อข้าพูดไปแล้วข้าก็ไม่คืนคำ”
  ”ระวังตัวด้วย”เฉินเจินกล่าวเตือนชิงสุ่ยด้วยคำพูดที่อ่อนโยน
  ”ฮ่าฮ่า ฮ่า โชคดีจริงๆที่พ่อของเจ้าเลือกที่จะจากไปก่อน ไม่งั้นพ่อของเจ้าคงจะโดนกดดันอีกมากในการต่อสู้ประลองครั้งนี้”ชิงสุ่ยยิ้มขณะตอบกลับ
  ”จริงๆแล้วพ่อของข้ารักข้าอย่างสุดซึ้ง”
  ชิงสุ่ยยิ้ม”ข้ารู้อยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้สายตาของเขาก็มองหาวิธีชิงตัวออกจากสถานการณ์อันยุ่งยาก ข้าจึงเห็นโอกาสที่เกิดขึ้น แล้วทำทุกอย่างตามที่พ่อของเจ้าต้องการ เมื่อไม่มีพ่อของเจ้าปัญหาเหล่านี้ก็จะคลี่คลายได้ง่ายขึ้น”
  ”ข้ารู้แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจการกระทำพ่อของข้าอยู่ดี”เฉินเจินจ้องมองชิงสุ่ย
  ”ทุกคนย่อมต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและไม่อาจควบคุมได้เสมอตัวข้าเองก็เป็นพ่อคน ลูกสาวของข้าทุกคนก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่หนทางที่ข้าเลือกคือข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจลูกๆของข้า อย่างมากข้าก็เข้าไปช่วยตรวจสอบคนที่ลูกของข้าเชื่อมัน ข้าจึงเข้าใจในความคิดพ่อของเจ้า เขาคงไม่มีทางเลือก มิฉะนั้นเขาคงไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวของตนเองต้องเผชิญหน้าความทุกข์ทรมานแบบนี้หรอก”ชิงสุ่ยนึกถึงเรื่องของชิงหยินและหลวนหลวน ความรู้สึกอบอุ่นก็เติมเต็มจิตใจ
  ”เจ้าเป็นพ่อที่ดีจริงๆ”เฉินเจินยิ้ม
  ”ในอนาคตเจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้าเป็นแม่คน”ชิงสุ่ยจ้องมองเฉินเจินพร้อมกับรอยยิ้ม
  ”นั่นไงเจ้ากลับมาพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว”เฉินเจินไม่ได้โกรธแต่เธอรู้สึกไม่มั่นคงเพราะเธอก็ไม่เคยคิดถึงเหล่านี้มาก่อนเลย
  ชิงสุ่ยหยุดพูดและเริ่มเดินตรงไปทางที่อยู่ของชายชราเขาถือง้าวทองทะลวงศัตรู ในขณะที่ชายชราถือกระบี่บางๆ ความยาว 5 ฟุต ลำตัวกระบี่โปร่งใสเหมือนกับหยก จนแทบจะมองทะลุได้ ที่สำคัญคือมันปลดปล่อยกลิ่นอายที่รู้สึกแปลกประหลาดออกมา
  กระบี่มือสังหารมันคือศาสตราวุธระดับกึ่งพระเจ้า  ชิงสุ่ยไม่แน่ใจในความสามารถของกระบี่มือสังหารที่อยู่ในมือของชายชราใบมีดกระบี่ดูพร่ามัวปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็น หากไม่ใช่เพราะทักษะดวงตาที่โดดเด่นของชิงสุ่ย เขาคงมองไม่เห็นว่าชายชราผู้นี้กำลังถือกระบี่ไว้ในมือ
  ทั้งสองคนไม่พูดจาใดๆทั้งสิ้นเพียงแค่พยักหน้าก็เข้าใจความหมาย ร่างทั้งสองค่อยๆหายไป ก่อนจะก่อให้เกิดเสียงของโลหะ 2 ชิ้นกระทบกันดังสั่นสะท้านไปทั่วพื้นที่ หากมนุษย์ธรรมดายืนอยู่ด้านข้างแก้วหูของมนุษย์เรานั้นจะต้องฉีกขาดอย่างแน่นอน