ตอนที่ 2629 พลังของดินแดนลับโบราณ

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”

“นั่นคือมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! ผู้เล่นขั้นสามอย่างเขาสามารถทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ?!!”

คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์นั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ในขณะที่พวกเขามองดูสภาพอันน่าสังเวชของลิงหกตา

ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะทำลายเวทย์ขั้นสี่ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว แต่เขายังใช้การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ลิงหกตาบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วย

มองแค่ผิวเผินนั้นลิงหกตาสูญเสีย HP ไปแค่ประมาณห้าแสนเท่านั้น จากการโจมตี ซึ่งแค่นี้นั้นมันนับว่าไม่สำคัญเลย เมื่อเทียบกับ HP สองพันล้านของมัน แต่ในความเป็นจริงการโจมตีของซือเฟิงนั้นสร้างความเสียหายได้มากกว่านั้นมาก

การโจมตีใน God domain นั้นมันถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกจะลด HP ของเป้าหมายลง ในขณะที่อีกประเภทจะทำให้การป้องกันของเป้าหมายอ่อนแอลง ซึ่งหากเป็นในกรณีแรก เมื่อ HP ของเป้าหมายลดลงถึงศูนย์ เป้าหมายก็จะตาย ขณะที่ในกรณีหลังนั้นมันจะเป็นเหมือนกับการทำลายร่างกายเป้าหมายโดยตรง ซึ่งมันจะทำให้พลังในการต่อสู้โดยรวมของเป้าหมายลดลง นี่รวมไปถึงความยากในการจะฆ่าเป้าหมายดังกล่าวด้วย

เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับผู้เล่นที่จะทำการโจมตีที่สามารถทำลายการป้องกันของมอนสเตอร์ และก่อความเสียหายต่อร่างกายของมอนสเตอร์ได้อย่างหนักแบบนี้ เนื่องจากยิ่งมอนสเตอร์แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ การป้องกันในเรื่องนี้ของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก และโดยปกติผู้เล่นจะไม่สามารถทำลายการป้องกันแบบนี้ของมอนสเตอร์ในขั้นเดียวกันได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงขั้นที่สูงกว่าเลย และเต็มที่ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะสามารถทำได้เมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงกว่านั้นคือทำให้มันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นในด้านร่างกาย และผู้เล่นก็จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อลด HP ของมอนสเตอร์เป้าหมายลง

เมื่อคิดถึงพลังของลิงหกตานั้น มันจะมีเพียงแต่การโจมตีที่มีพลังสูงสุดของขั้นสี่เท่านั้นที่มีโอกาสจะปราบปรามมันได้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นเพียงผู้เล่นขั้นสาม แต่เขาก็สามารถจะทำให้เกิดเรื่องนี้ได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกช่วย

นี่มันเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงจริงๆ !!!

ในขณะเดียวกัน เมื่อแซนด์สตอร์มและสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน

“นี่เขายังถือว่าเป็นผู้เล่นอยู่อีกงั้นหรอ ?”

ไม่มีคำอธิบายใดที่จะสามารถบรรยายถึงความตกตะลึงของแซนด์สตอร์มได้ในตอนนี้ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง

ในสายตาของผู้เล่นทั่วไป การมีพลังเหนือกว่าเกณฑ์การป้องกันของมอนสเตอร์นั้น มันก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถลดพลังการต่อสู้ของมอนสเตอร์เป้าหมายลงไปได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่มักต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆ การมีความสามารถแบบนี้นั้นมันมีความหมายแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

สำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดนั้น การมีความสามารถแบบนี้มันหมายความว่าพวกเขาจะสามารถโซโล่ฆ่ามอนสเตอร์ได้เลย !!!

มอนสเตอร์ใน God domain นั้นเกิดมาพร้อมกับ HP และพลังป้องกันที่สูงเป็นพิเศษ แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าหนึ่งล้านจากการโจมตีของพวกเขาแต่ละครั้ง แต่จำนวนความเสียหายนี้มันก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย เมื่อคิดถึง HP ของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และความเสียหายนี้ก็ไม่สามารถจะเอาชนะสกิลการฟื้นฟูอัตโนมัติในระหว่างการต่อสู้ของมอนสเตอร์ได้ ดังนั้นกองทัพผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องโจมตีมอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงกว่าเท่านั้น

ดังนั้นใน God domain มันจึงเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า แม้ว่าพลังดิบของผู้เล่นจะเหนือกว่ามอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงๆ แต่การฆ่ามอนสเตอร์แบบโซโล่เดี่ยวก็ยังเป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้ยังถือเป็นความจริง แม้สำหรับผู้เล่นขั้นสามในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามมันมีวิธีการหนึ่งที่ผู้เล่นสามารถใช้เพื่อจะเอาชนะมอนสเตอร์ขั้นสูงได้ ซึ่งนั่นก็คือการโจมตีให้เกินขีดจำกัดพลังป้องกันของเป้าหมาย !!!

ซึ่งการโจมตีแบบที่ว่านี้มันจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของมอนสเตอร์ได้อย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ทำให้มอนสเตอร์ได้รับบาดเจ็บจนถึงจุดหนึ่ง นอกเหนือจากการลดพลังต่อสู้ของมอนสเตอร์ลงแล้ว ผู้เล่นยังจะบังคับให้มอนสเตอร์อยู่ในสถานะอ่อนแอได้ ซึ่งนี่มันจะลดพลังป้องกันและ HP สูงสุดของมอนสเตอร์ลงอย่างมาก และหากผู้เล่นจัดการต้อนมอนสเตอร์จนมันจนมุมอย่างหนัก พวกเขาก็ยังจะสามารถใช้ดีบัฟ ทำให้สกิลฟื้นฟู HP อัตโนมัติของมันไม่มีผลได้ด้วย

ซึ่งหากมอนสเตอร์สูญเสียสกิลฟื้นฟู HP ในระหว่างการต่อสู้นั้น มันก็จะไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้เล่นที่จะฆ่ามันแบบโซโล่เดี่ยวอีกต่อไป และหากบริหารค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจดีๆ การจะฆ่ามอนสเตอร์แบบโซโล่เดี่ยวมันก็จะเป็นไปได้แน่นอน

ตอนนี้ซือเฟิงมีความสามารถที่จะโจมตีให้เกินขีดจำกัดพลังป้องกันของลิงหกตา ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าซือเฟิงจะสามารถฆ่าบอสตัวนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวเลย

โดยผู้เล่นที่มีความสามารถในการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่แบบโซโล่เดี่ยวนั้นยังไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยใน God domain

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่เป็นผู้ชมที่ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังพบว่าสถานการณ์นี้มันน่าประหลาดใจมากเช่นกัน

เหตุใดพลังทำลายล้างของไลท์ชาโด้วถึงเพิ่มขึ้นอย่างมากขนาดนี้ ? ซือเฟิงรู้สึกสับสน ขณะที่เขามองไปยังแขนที่ถูกตัดขาดของลิงหกตา เมื่อพิจารณาจากความเสียหายที่สามารถทำได้ต่อ HP ของมัน พลังดิบในการโจมตีของฉันน่าจะยังห่างไกลกับมาตราฐานสูงสุดของขั้นสี่ และไลท์ชาโด้วก็ควรจะแข็งแกร่งกว่าเวทย์ขั้นสี่ทั่วไปอยู่เล็กน้อย แต่พลังทำลายล้างจริงๆของมันในตอนนี้กับดูเหมือนจะอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ นี่มันเป็นเพราะผลของดินแดนลับโบราณรึปล่าว ?

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังวิเคราะห์ถึงสถานการณ์นั้น หมีเขาเดียวก็ได้รีบวิ่งตรงเข้ามาหาเขา โดยร่างขนาดใหญ่ของหมีเขาเดียวนั้นทำให้ดูเหมือนภูเขาลูกเล็กกำลังพุ่งเข้าใส่เขาเลย
สกิลขั้นสี่ Crumbling Mountain!

สกิล AOE การโจมตีของหมีเขาเดียวนั้นครอบคลุมรัศมีห้าสิบหลา ซึ่งซือเฟิงก็ตอบสนองด้วยการยก Abyssal Blade ของเขาขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง

ไลท์ชาโด้ว !!!

อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ไลท์ชาโด้วในครั้งนี้ซือเฟิงก็ให้ความสำคัญกับการรับรู้มานารอบๆตัวเองด้วย เพราะเขาต้องการจะมองให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เทคนิคมานาของเขาแสดงพลังออกมาได้มากขนาดนี้

เงาของดาบขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะถูกใช้ฟันลงมาที่ไหล่ซ้ายของหมีเขาเดียว

Roar!

เมื่อโดนการโจมตีนี้เข้าไป หมีเขาเดียวก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดมากๆ และ HP ของมันก็ลดลงทันทีไปมากกว่าหกแสนสองหมื่น

แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้ของซือเฟิงจะไม่ได้ตัดแขนซ้ายของหมีเขาเดียวจนขาด แต่มันก็ทำให้แขนซ้ายของหมีนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถใช้การได้อย่างอิสระอีกแล้ว ตอนนี้หมีสามารถพึ่งพาได้แค่หนึ่งแขน และสองขาเท่าไหร่ ในการเคลื่อนไหวของตัวเอง และหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ หมีเขาเดียวก็คำรามอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธเข้าใส่ซือเฟิง อย่างไรก็ตามความกลัวก็ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกันในสายตาของหมีเขาเดียว

เมื่อได้เห็นฉากนี้ โฟลตติ้งไลท์และเหล่าสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมากอีกครั้ง

“เป็นไปได้ยังไง ?! การเคลื่อนไหวเมื่อครู่นั้นมันไม่ใช่สกิลงั้นหรอ ?!” โฟลตติ้งไลท์รู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เมื่อเขาเห็นหมีเขาเดียวหวาดกลัวซือเฟิง

ในความเห็นของโฟลตติ้งไลท์ การโจมตีที่ซือเฟิงใช้ตัดแขนลิงหกตานั้นน่าจะเป็นสกิลพิเศษ ไม่งั้นมันคงไม่สามารถจะโจมตีอย่างรุนแรงขนาดนี้ได้ อย่างไรก็ตามเพียงสองถึงสามวินาทีหลังจากนั้น เขากับใช้การโจมตีแบบที่ใช้กับลิงหกตากับหมีเขาเดียวอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดมันไม่มีทางที่สกิลหรือเวทย์ที่ทรงพลังแบบนี้จะมีคูล
ดาวน์สั้นๆได้

คำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้คือซือเฟิงนั้นไม่ได้ใช้สกิลหรือเวทย์ แต่เป็นเทคนิคพิเศษ

และเพียงแค่อาศัยเทคนิคพิเศษ ซือเฟิงก็สามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายบาดเจ็บสาหัสได้ ยิ่งไกว่านั้นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเหล่านี้ยังเป็นหัวหน้าภูมิภาคของดินแดนลับโบราณ ซึ่งมันคงจะไม่มีใครเชื่อถ้าโฟลตติ้งไลท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง

หลังจากที่เห็นสภาพของหมีเขาเดียว ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดินแดนลับโบราณสามารถช่วยให้ผู้เล่นไปถึงขั้นสี่ได้งั้นหรอ ? ซือเฟิงคิด ในขณะที่เขามองไปยังฉากตรงหน้าของเขา

ใน God domain ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแยกผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ออกจากกัน นั้นไม่ใช่ความแตกต่างทางร่างกายเลย แต่มันเป็นระดับการควบคุมมานา ความสัมพันธ์กับมานา และการประยุกต์ใช้มัน …..

การควบคุมและใช้มานาโดยรอบอาจเป็นสิ่งที่ผู้เล่นเริ่มทำตั้งแต่เริ่มเกม แค่มาตราฐานเรื่องนี้ในตอนที่ผู้เล่นอยู่ในขั้น 0 นั้น มันทำได้แค่ขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น และประสิทธิภาพในการใช้จริงๆมันก็ต่ำมาก ดังนั้นผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาร่างมานา และมานาที่ถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เพื่อเป็นแนวทางและประยุกต์ใช้มานาในแบบของตัวเอง

พูดง่ายๆก็คือผู้เล่นต้องอาศัยร่างมานาของตัวเองในการรวมและแปลงมานาโดยรอบให้เป็นมานาของตัวเอง ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้ ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มพลังสูงสุดที่สามารถแสดงได้ด้วยมานาของพวกเขา

อย่างไรก็ตามการรวมมานาโดยรอบเข้ามานั้นมันมีความท้าทายมากๆ หากไม่มีแวทางหรือมรดกในโลกคอยช่วยสอน ผู้เล่นก็แทบจะทำให้เรื่องนี้ออกมาดีไม่ได้เลย เมื่อไปศึกษาและวิจัยด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามในขณะที่สังเกตอย่างระมัดระวังในตอนใช้ไลท์ชาโด้วครั้งที่สองของตัวเอง ซือเฟิงก็สังเกตเห็นถึงบางอย่างที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับมานารอบตัวเขา

มานาที่อยู่โดยรอบของดินแดนลับโบราณได้ริเริ่มจะเข้ามารวมตัวเข้ากับมานาของเขา ซึ่งการพัฒนานี้ได้เพิ่มปริมาณมานาโดยรอบที่เขาสามารถจัดการได้ขึ้นอย่างมาก และในทางกลับกันมันก็ช่วยเพิ่มพลังของไลท์ชาโด้วขึ้นอย่างมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่ได้ใช้งานการผสานรวมมานานี้อย่างจริงจัง ประสิทธิภาพการใช้มานาของเขาจึงยังต่ำมากๆ และมานาโดยรอบที่เขาสามารถจัดการได้นั้น มันก็ช่วยเพิ่มพลังทำลายล้างให้กับไลท์ชาโด้วเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยเพิ่มความรุนแรงให้เทคนิคมานา สิ่งนี้มันคล้ายกับการลับคมอาวุธ แม้ว่าเขาจะเพิ่มพลังทำลายล้างของอาวุธได้ แต่อาวุธก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแทบไม่มีข้อมูลใดๆในโลกภายนอกเลยว่าวิธีการรวมมานาแบบนี้ทำยังไง ….

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะใช้ไลท์ชาโด้วต่ออีกสองครั้ง เพื่อตัดขาข้างหนึ่งของลิงหกตากับหมีเขาเดียว

“ความคล่องตัวของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองลดลงไปมากแล้ว เรารีบไปกันเถอะ !!!” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาหันไปหาคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ซึ่งยังคงงุนงงอยู่

หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็วิ่งตัดผ่านหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองไปยังเมืองโบราณตามเส้นทางที่เขาคิดไว้แต่แรก ….

“เขาผ่านไปได้ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?”

คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์ต่างก็พูดไม่ออก เมื่อพวกเขาจ้องมองไปยังหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวซึ่งตอนนี้ทำได้แค่เฝ้ามองซือเฟิง และไม่กล้าจะขยับใดๆ

หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวนั้นเห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวซือเฟิง มันจึงมีปฎิกิริยาแบบนี้ ….เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าขามันจะขาด แต่มันก็น่าจะพยายามทำอะไรสักหน่อยเพื่อหยุดซือเฟิง

อย่างไรก็ตามตอนนี้คริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ก็ไม่ได้เสียเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก พวกเขารีบสั่งให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดทั้งหมดวิ่งติดตามซือเฟิงไปติดๆทันที ซึ่งเมื่อบอสทั้งสองสูญเสียแขน กับขาไปนั้น ความคล่องตัวของพวกมันก็ลดลงอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะตามผู้เล่นขั้นสามที่วิ่งด้วยความเร็วอย่างเต็มที่ได้ทัน และทั้งทีมก็สามารถหลบหนีจากระยะการรับรู้ของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว

….

“หัวหน้าทีม เราจะยังไล่ตามพวกเขาต่อไหม ?” แรนเจอร์ขั้นสามจากไมโทโลจี้ถามแซนด์สตอร์ม เมื่อเขาเห็นทีมของซือเฟิงจากไป

“แน่นอนสิ !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังแรนเจอร์ขั้นสาม ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ฉันยอมรับว่าพลังในการต่อสู้ของแบล๊คเฟรมนั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวมากๆ แต่เขาก็เป็นเพียงแค่คนๆเดียว แม้ว่าเราจะไม่สามารถฆ่าแบล๊คเฟรมได้ แต่ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่า เราไม่สามารถจะจัดการผู้เล่นคนอื่นๆในทีมของเขาได้ !!! และตราบใดที่เรากำจัดผู้เล่นคนอื่นได้ทั้งหมด แผนของแบล๊คเฟรมก็จะต้องพินาศแน่นอน !!!”

หลังจากพูดจบ แซนด์สตอร์มก็นำทีมของเขาที่ตอนนี้มาเสริมจนมีมากกว่าสามสบคนแล้วไล่ตามทีมของซือเฟิงไปทันที