ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****215:**สังหารอสูรกาย

ในทิศตะวันออกของเกาะภูเขาไฟนั้นเป็นที่ราบ พืชสีเขียวชอุ่มเกิดขึ้นอย่างหนาแน่นราวกับว่าไม่เคยมีใครผ่านมาทางนี้ นอกเหนือจากมู่ซื่อหรงและซ่งจงนั้น ทุกคนเคยผ่านการต่อสู้มาก่อนและรู้ตำแหน่งของตนเองเป็นอย่างดี

ซูหยู่และซูหยุ่นสร้างแผ่นการก่อตัวเป็นจำนวนมาก ทั้งสองรีบคำนวนปริมานการใช้หินจิตวิญญาณระดับกลางและทำทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด

ส่วนคนที่เหลือถูกส่งไปประจำอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติในบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ ในเวลานั้นทั้งหมดจะแน่ใจและเริ่มแผนการซุ่มโจมตี

มีเพียงซ่งจงและมู่ซื่อหรงเท่านั้นที่ไม่รู้ตัวว่าจะต้องทำอย่างไร ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนทำให้ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งกับเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งจงไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด เขายิ้มและดึงมู่ซื่อหรงออกมาเพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้อื่น จากนั้นเขานั่งลงพร้อมกับดื่มไวน์และกินของว่างอย่างสบายใจ

เมื่อซูหยุ่นและซูหยู่เห็นเช่นนั้น ทั้งสองขมวดคิ้วในทันทีพร้อมกล่าวกับซ่งจงอย่างสุภาพ “ศิษย์น้องซ่ง เจ้ายังไม่กินตอนนี้ได้หรือไม่?”

“ทำไม?” เจ้าอ้วนถามกลับ

“เพราะว่าเหล่าอสูรกายนั้นมีสัมผัสในการดมกลิ่นที่เหลือเชื่อ โดยเฉพาะกลิ่นไวน์และเนื้อย่างอย่างยิ่ง มันสามารถดมกลิ่นได้ในระยะไม่กี่ลี้ ในขณะที่พวกเรายังไม่พร้อม เราจะถูกลากเข้าสู่การต่อสู้ที่ขมขื่นถ้าหากว่าเจ้าลากมันมาที่นี่!” หญิงสาวทั้งสองอธิบายอย่างรวดเร็ว

“อา ข้าเข้าใจแล้ว!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารู้ทันทีว่าตนเองทำผิดพร้อมกับรีบเก็บอาหารทั้งหมดทันที หลังจากนั้นเขากล่าวอย่างสุภาพว่า “เป็นความผิดของข้าเอง! ข้าจะไม่ทำมันอีก!”

“ยอดเยี่ยม!” เมื่อเห็นว่าซ่งจงขอโทษแล้ว หญิงสาวทั้งสองตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “คงไม่แปลกถ้าจะทำผิดในภารกิจแรก ศิษย์น้องซ่งทำอะไรก็ทำเถิด พวกข้าจะทำงานต่อ!” หลังจากที่นางกล่าวเช่นนั้นกับซ่งจง พวกนางหันหลังกลับไปวุ่นวายกับภารกิจของตนเองต่อ

“ข้าจะไม่รบกวนเจ้า!” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ ข้าจะปกป้องเจ้าทั้งสองเอง!” จากนั้นเขาเดินไปนั่งใกล้ๆอย่างเงียบๆ

เห็นได้ชัดเจนว่าหญิงสาวทั้งสองทำสิ่งนี้จนคุ้นเคยกับมันเสียแล้ว ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมงพวกนางก่อตั้งได้มากกว่าหนึ่งหมื่นฟุต อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานทั้งหมดได้ในครั้งเดียวและความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสุดท้าย

หลังจากที่มันถูกเปิดใช้งาน ปรากฏหมอกสีขาวขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นแม่มดเปลือยกายและทุกคนรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ได้ถูกเตรียมพร้อมแล้ว ดังนั้นนางและตาเฒ่าพิษเริ่มเข้าหาเหล่าอสูรอย่างลับๆทันที

ในขณะนั้น ซูหยู่และซูหยุนเริ่มผ่อนคลายและเข้าสู่สมาธิเพื่อพักผ่อนทันที

ซ่งจงนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลย แม้ว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรแต่เขาได้ส่งแม่มดเทวะเพื่อติดตามตาเฒ่าเฟิงและแม่มดเปลือยกายไปเพื่อสังเกตการณ์

ทั้งคู่เปิดใช้งานการปกปิดร่างกายและแทรกซึมเข้าไปที่ใจกลางเกาะอย่างเงียบเชียบ แม่มดเปลือยกายบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและตาเฒ่าพิษวิ่งลงด้านล่างเพื่อไปอยู่ในทิศทางของลม

เขาเลือกสถานที่ของต้นลมอย่างรอบคอบ ในที่สุดเขาก็พบสถานที่ที่เหมาะสมแก่การซุ่มโจมตี มันเป็นที่ราบสูงและอยู่ในทิศทางของลม ใกล้กันมีทะเลสาปที่เต็มไปด้วยเหล่าอสูรกายประมานสิบกว่าตน ทั้งหมดนั้นดูเหมือนจรเข้แต่รูปร่างของมันดูแข็งแกร่งและมีปากที่สั้นกว่า

อสูรเหล่านี้ชอบอยู่ในลาวาของภูเขาไฟ เมื่อมันหิว มันจะบินออกไปยังทะเลเพื่อตามหาปลา แม้ร่างกายของพวกมันจะเป็นธาตุไฟ แต่พวกมันเหล่านี้มีทักษะในการล่าปลาในทะเลอย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งความแข็งแกร่งในธาตุไฟของพวกมันยังถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ ช่วงเวลาที่พวกมันเข้าสู่การต่อสู้ พวกมันนับสิบจะรวมตัวกันเพื่อปลดปล่อยพลัง เปลวไฟนั้นมีความสามารถในการหลอมให้โลหะละลายได้ในพริบตา แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่อาจอยู่รอดได้ถ้าหากต้องพบเจอกับเหล่าอสูรกายธาตุไฟเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ศัตรูของพวกมันในตอนนี้คือเหล่ามนุษย์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและไม่คิดที่จะต่อสู้โดยตรง หลังจากที่ตาเฒ่าพิษค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมได้แล้ว เขาหยิบถุงยาออกมาด้วยความระมัดระวังพร้อมกับปล่อยมันไปตามสายลมอย่างเงียบเชียบ

เนื่องจากเกาะภูเขาไฟนั้นมีความสูงพอประมาน ลมนั้นมีความรุนแรงพอที่จะนำผงพิษทั้งหมดลอยล่องไปในอากาศ พิษทั้งหมดถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลานั้นแม่มดเปลือยกายเริ่มดำเนินการในส่วนของตนเองทันที นางลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาปลาวาพร้อมกับกระตุ้นตนเองและส่งเสียงครางเบาๆออกมา จากนั้นปรากฏหมอกสีชมพูจางๆขึ้นรอบร่างกายของนาง ภายใต้แสงแดดเช่นนี้แน่นอนว่าไม่สามารถมองเห็นได้ถ้าหากไม่จ้องมองอย่างจริงจัง และหมอกเหล่านี้ไม่ใช่หมอกธรรมดามันคือการควบแน่นของเคล็ดวิชาการเผาไหม้ที่นางฝึกฝนและลมที่รุนแรงนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบต่อมันแต่อย่างใด ทั้งหมดค่อยๆแทรกซึมลงไปภายในทะเลสาปลาวาอย่างช้าๆ

ภายใต้ความแข็งแกร่งของตาเฒ่าพิษและเทคนิคพิเศษของแม่มดเปลือยกาย ในไม่ช้าเหล่าอสูรกายในทะเลสาปก็เกิดปฏิกริยาทันที ดวงตาของพวกมันทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีแดงและเริ่มหายใจติดขัด พิษนั้นกระตุ้นความต้องการของพวกมันทำให้เกิดความสับสนภายในจิตใจ ทั้งหมดเริ่มร้อนรนและโจมตีกันเองเพื่อระบายพลังเหล่านี้ออกไป

ในขณะนั้นพวกมันไม่รู้เลยว่าที่กำลังโจมตีอยู่นั้นคือสหายของพวกมันเอง พวกมันทั้งหมดกำลังห่ำหั่นกันเองอย่างคึกคะนอง เกิดเสียงคำรามดังขึ้น พวกมันฆ่าฟันกันเองด้วยกรงเล็บและฟันที่แหลมคม เพียงไม่นานทั้งหมดอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส ในทะเลสาปลาวาตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดคละคลุ้ง

แม้ว่าผิวหนังของพวกมันจะหนาและสามารถอดทนต่ออุณหภูมิของลาวาได้ แต่เครื่องในของพวกมันนั้นไม่อาจทนได้ ในขณะที่ผิวหนังของมันฉีกขาด ลาวาได้แทรกซึมผ่านบาดแผลสร้างความเจ็บปวดซึ่งไม่อาจอดกลั้นได้

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ความเจ็บปวดจะถาโถมพวกมัน ความบ้าคลั่งที่มีกลับทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พวกมันไม่อาจโจมตีกันทางกายภาพได้อีกต่อไป จึงเริ่มใช้เปลวไฟต้นกำเนิดของตนเองเพื่อโจมตีพวกพ้องทันที

สำหรับอสูรกายขั้นสี่ เป็นอสูรกายอาศัยอยู่ในเกาะภูเขาไฟแน่นอนว่าพวกมันอยู่ในธาตุไฟ พวกมันสามารถใช้ไฟต้นกำเนิดของตนเองได้อย่างน่าเกรงขาม แม้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะเป็นเรื่องที่อันตรายต่อตนเอง แต่มันกลับเป็นสิ่งที่สามารถใช้ตัดสินการต่อสู้ว่าจะอยู่หรือจะตายได้ ความรุนแรงของเปลวไฟต้นกำเนิดนั้นไม่มีอสูรตนไหนในเกาะภูเขาไฟสามารถรับมือได้เลย

การต่อสู้ของพวกมันดำเนินการมาถึงขั้นสุดท้ายแล้วเมื่อทั้งหมดเปิดการใช้งานเปลวไฟต้นกำเนิด พวกมันตายตกไปทีละตัว แม้แต่เหล่าอสูรกายที่ยังเด็กก็ไม่ได้รับการยกเว้น พวกมันตายอย่างทรมาน หลังจากการโจมตีด้วยเปลวไฟต้นกำเนิดสิ้นสุดลง เหล่าอสูรกายมากกว่าครึ่งที่ตายตกไปเพราะไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดได้ไหว แต่อย่างไรก็ตามการต่อสู้ไม่ได้หยุดลง กลับกลายเป็นว่าพวกมันขึ้นจากทะเลสาปลาวาเพื่อมาต่อสู้กันต่อ เหล่าอสูรทั้งหลายกลิ้งอยู่บนพื้นดินบนภูเขา ทั่วทุกบริเวณเต็มไปด้วยคราบเลือดและเป็นภาพที่ช่างน่าสมเพช

แม้ว่าจะเป็นการทำภารกิจครั้งแรกของเขา แต่ซ่งจงรู้ได้ทันทีว่าในครั้งนี้เหล่าอสูรกายภูเขาไฟจะพ่ายแพ้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกมันอยู่ข้างหน้า แต่เดิมทีเขาคิดว่าแม่มดเปลือยกายและตาเฒ่าพิษจะกลับมารายงานสถานการณ์ให้กับทีมทราบ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าทั้งคู่จะไม่กลับมา

ตาเฒ่าพิษพุ่งเข้าใส่อสูรกายที่ถูกส่งขึ้นมาจากทะเลสาป เขาสังหารมันอย่างทารุน จากนั้นเขาเริ่มผ่าท้องมันเพื่อเอาสิ่งที่อยู่ภายใน

สำหรับแม่มดเปลือยกาย นางยิ่งกล้าหาญมากขึ้น นางไม่สนใจเหล่าอสูรกายที่อยู่ด้านนอกอีกต่อไป นางเดินไปที่ริมทะเลสาปด้วยการช่วยเหลือของคาถาปกปิดที่นางใช้งานอยู่ นางเริ่มค้นหาสมบัติที่อยู่ภายในร่างกายของมันอย่างจริงจัง

สถานที่ที่เหล่าอสูรกายอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่น ยิ่งปราณจิตวิญญาณหนาแน่นมากเท่าไหร่ หมายความว่าโอกาสที่จะค้นพบสมบัติยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อย่างเหล่าสถานที่แห่งนี้เป็นของเหล่าอสูรธาตุไฟ แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยเหล่าสมุนไพรที่มีอายุยาวนานนับพันปี

เหล่าอสูรกายเหล่านี้พอจะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อยและมันรู้ว่าสมุนไพรเหล่านี้จำเป็นต่อพวกวมัน ถ้าหากว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัสสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อรักษาได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่ทำลายเหล่าสมุนไพรเหล่านี้โดยธรรมชาติ อีกทั้งยังปกป้องสมุนไพรเหล่านี้จากอสูรกายตนอื่นด้วย สมุนไพรจำนวนมากอยู่ที่ริมทะเลสาปและมีอายุยาวนานยิ่งนัก

ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างนี้ ถ้าหากพวกเขานำมันกลับมาทั้งหมดจะสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับอุปกรณ์วิเศษระดับต่ำได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นของทีมและควรจะแจกจ่ายให้กับทุกคน แต่เห็นได้ชัดเจนว่าแม่มดเปลือยกายไม่ได้ต้องการที่จะทำเช่นนั้น นางแอบเก็บพวกมันโดยไม่ให้ทีมทราบ นางเก็บสิ่งดีๆไว้ทั้งหมดเพียงคนเดียว และเริ่มลบรอยเท้าของตนเองเพื่อปกปิดหลักฐาน จากนั้นนางหันไปเก็บแกนของอสูรภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากซ่งจงไม่ส่งแม่มดเทวะตามนางไป แน่นอนว่าภารกิจครั้งนี้เขาจะต้องขาดทุน เขาสามารถนับได้ว่าแกนของอสูรนั้นมีเท่าไหร่และสามารถแจกจ่ายให้กับทีมได้ แต่ในส่วนของสมุนไพรนั้น แม่มดเปลือยกายนั้นไม่ยอมรับอย่างแน่นอน นางจัดการกับหลักฐานทุกสิ่งหมดสิ้นจนไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลย

ซ่งจงสามารถยินยอมได้ทุกอย่างในชีวิตยกเว้นการสูญเสีย เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจะสามารถนั่งอยู่เฉยได้อย่างไร? แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวออกไปได้ว่าเขานั้นสะกดรอยตามทั้งสองไป ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นกังวลและกล่าวออกมาว่า “ทำไมพวกนั้นยังไม่กลับมาอีก? เป็นไปได้หรือไม่ว่าทั้งสองจะพบกับปัญหา? เราควรจะออกไปดู!” หลังจากเขากล่าวเช่นนั้น เขายืนขึ้นทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูหยู่และซูหยุ่นรีบดึงเขาไว้พร้อมกล่าวว่า “ไม่ได้นะศิษย์น้องซ่ง! หัวหน้าไม่ชอบให้เราทำผิดจากแผน ถ้าหากเราออกไป นางจะตำหนิเจ้าแม้ว่าจะเข้าไปช่วยนางก็ตาม!”

“แล้วเจ้าคิดว่าอีตัวคนนี้มันจะกล้าตำหนิข้าไหม?”

“เอ่อ…” เพียงเท่านั้นหญิงสาวทั้งสองจดจำเรื่องของแม่มดเปลือยกายกับเจ้าอ้วนได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามพวกนางก็ยังเกลี้ยกล่อมต่อไป “ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่เกรงกลัวนาง แต่เจ้าไม่ควรจะทำอะไรเช่นนั้นเพียงแค่ต้องการของรางวัลจากภารกิจ ความจริงแล้วทำไมไม่รออยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยและเตรียมตัวเพื่อพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันล่ะ?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดพร้อมกับสาปแช่งอยู่ภายในหัวใจ ‘รองั้นหรือ? มันคงสายเกินไปถ้าหากรอคอยอยู่เช่นนี้!’

แต่หญิงสาวทั้งสองกล่าวว่ามันไม่ดีและซ่งจงไม่อาจตำหนิพวกนางได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มและตอบกลับ “ศิษย์พี่ผิดแล้ว ตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกัน เราควรรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่างร่วมกัน เราทั้งหมดนั้นอยู่บนเรือลำเดียวกัน จึงไม่สามารถปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการทำงานได้ และนั่นจะสร้างปัญหาให้กับพวกเรา ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องการที่จะออกไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้พบกับปัญหาใดๆ!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงไม่ให้พวกนางกล่าวอะไรอีกพร้อมกับเดินออกไปกับมู่ซื่อหรง

ซูหยู่และซูหยุ่นตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ในความจริงแล้วพวกนางรู้สึกละอายใจที่กล่าวออกมาเช่นนั้น จึงกล่าวออกมาว่า “ศิษย์น้องซ่งกล่าวถูก พวกเราควรตามเขาไป!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางไม่ลืมที่จะหันไปหานักบวชหิน “พี่ชายหินเจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”

หินยังคงเย็นชาและเงียบขรึม เขายืนขึ้นและเดินตามทั้งสองไปและแสดงคำตอบผ่านการกระทำ หญิงสาวทั้งสองยิ้มออกมาพร้อมกับเดินตามมู่ซื่อหรงและซ่งจงไป

ทั้งหมดเดินทางมาถึงริมทะเลสาปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นแม่มดเปลือยกายเพิ่งจะเก็บสมุนไพรทั้งหมดเสร็จและกำลังผ่าท้องอสูรกายอยู่ มีซากศพมากมายอยู่ที่ริมทะเลสาปและสมบัติที่ยังไม่ถูกค้นพบ

เมื่อเห็นซ่งจง มู่ซื่อหรง ซูหยู่ ซูหยุ่นและหินเข้ามาในพื้นที่ ตาเฒ่าพิษและแม่มดเปลือยกายตกใจทันที จากนั้นแม่มดเปลือยกายพูดออกมาอย่างเขร่งขรึม “ทำไมพวกเจ้ามาที่นี่? ข้าไม่ได้บอกให้รอข้าอยู่ตรงนั้นหรือ?”

แม่มดเปลือยกายนั้นแข็งแกร่งกว่าที่หญิงสาวทั้งสองจะกล้าตอบโต้ได้ แต่ซ่งจงไม่ได้เกรงกลัวนางและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “รอให้เจ้าเก็บรายการที่ดีให้หมดก่อนแล้วพวกเราค่อยได้รับในส่วนที่เหลืองั้นหรือ?”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ดวงตาของซ่งจงแดงฉาน แม่มดเปลือยกายนั้นลืมไปว่าทีมไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้นางไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเพียงคนเดียว

แม้ว่านางจะโกรธ แต่นางก็ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มต่อซ่งจงและมู่ซื่อหรง “ข้าไม่กล้าทำเช่นนั้น ไม่กล้าจริงๆ ข้าแค่เป็นห่วงพวกเจ้าเท่านั้น!”