ตอนที่ 225-2 สวีโย่วออกมือ

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

“เหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะ เพื่อคนแบบนั้นแล้วไม่ควรค่าให้เสียสุภาพ” กุ้ยกูกูรีบเกลี้ยกล่อม “เพียงแค่การสมรสก็เท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเจตนาของจิ้นอ๋อง บ่าวว่า คุณชายสี่เทียบคุณชายใหญ่ไม่ได้หรอกเพคะ”

 

 

ฮองเฮาเหนียงเหนียงคล้ายครุ่นคิด ครู่ใหญ่จึงพยักหน้า ความโกรธบนใบหน้าหายหมดจด “เจ้าพูดถูก ข้าร้อนใจเกินไปเอง” ทั่วทั้งจวนจิ้นอ๋องผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่สุดก็คือคุณชายใหญ่ผู้นั้น แม้แต่จิ้นอ๋องยังต้องถอยหลังให้ หากคุณชายใหญ่ยืนอยู่ฝั่งไท่จื่อ เช่นนั้นนางยังจะกลัวอะไร

 

 

“ไท่จื่อเล่า ไปดูสิว่าไท่จื่อทำอะไรอยู่ หากว่างก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียมจวนจิ้นอ๋องสักหน่อย มีสายโลหิตบรรพบุรุษเดียวกัน อย่าทำตัวเหินห่างจึงจะถูก” ฮองเฮาเหนียงเหนียงออกคำสั่ง คิดครู่หนึ่งก็เสริมอีกหนึ่งประโยค “ไปเชิญไท่จื่อเฟยมา”

 

 

“เหนียงเหนียงทรงพระปรีชาญาณ” กุ้ยกูกูเอ่ยชมหนึ่งประโยค กล่าวเตือน “เหนียงเหนียง ยังมีจยาฮุ่ยจวิ้นจู่”

 

 

ฮองเฮาเหนียงเหนียงพยักหน้า “ใช่ ยังมีจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ กุ้ยกูกูลำบากเจ้าวิ่งเที่ยวหนึ่งแทนข้าแล้ว” เจ้าซ่งซื่ออยากแต่งคุณหนูจวนเสนาบดีอ๋องเป็นลูกสะใภ้มิใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เกียรติจยาฮุ่ยจวิ้นจู่เยอะๆ ทำเจ้าอกแตกตายไม่ได้ก็ทำให้เจ้าหงุดหงิดตายได้

 

 

ฝั่งฉินซูเฟยเองกลับมีความสุขยิ่งนัก “ชั่วพริบตาอิงเอ๋อร์ก็โตเป็นสาวแต่งงานได้แล้ว ตอนนั้นที่แม่เข้าวังอาสามยังไม่แต่งงานเลย อวี้เอ๋อร์ พรุ่งนี้หากเจ้าไม่ยุ่งก็ไปเยี่ยมตาเจ้าที่จวนเสนาบดีเสีย ไปพูดคุยกับตาเจ้าเยอะๆ มีแต่จะเป็นประโยชน์กับเจ้าไม่มีข้อเสีย ยังมีน้าทั้งหลายของเจ้าด้วย แม้ว่าเจ้าจะสูงศักดิ์เป็นองค์ชาย แต่นี่ล้วนแต่เป็นญาติจริงๆ สนับสนุนลูกได้”

 

 

“เสด็จแม่ ลูกทราบแล้ว พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมท่านตา ลูกเองก็ไม่ได้พูดคุยกับท่านตามาสักพักแล้ว ยังคิดถึงเขาอยู่บ้างจริงๆ ยังมีท่านน้า วันก่อนเสด็จพ่อชมท่านน้า บอกว่าเขามีความรู้แข็งขัน ความคิดก็ปราดเปรียว” องค์ชายรองสวีอวี้ยิ้มพลางพูด

 

 

“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีจริงๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซูเฟยกว้างขึ้น “ตั้งแต่เล็กน้าเจ้าก็ไม่ชอบพูด แม่เป็นห่วงว่าเขาโตไปแล้วจะเป็นหนอนหนังสือเสียอีก ตอนนี้แม่ก็วางใจแล้วจริงๆ” ท่านพ่อมีตำแหน่งอำนาจ พี่น้องก็มานะบากบั่น ด้วยเหตุนี้ ฝ่าบาทจึงให้ความสำคัญแก่นาง นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร

 

 

องค์ชายรองก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด เขาเป็นคนที่มีปณิธานแรงกล้า บ้านฝั่งมารดามีอำนาจมีอิทธิพล ฝั่งเสด็จพ่อก็ยังพอพูดได้ กำลังสนับสนุนของเขาเยอะอย่างถึงที่สุด

 

 

“เสด็จแม่ หากการสมรสครั้งนี้สำเร็จ ญาติผู้น้องฉั่งก็จะโตกว่าลูกหนึ่งรุ่น” องค์ชายรองพลันกล่าว

 

 

ฉินซูเฟยคิดๆ ดูแล้วก็ถูก อิงเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของอาสาม ญาติผู้น้องของตน แม้ว่าจะอายุน้อยกว่าลูกชาย แต่ลูกชายก็ต้องเรียกนางว่าน้าเล็ก หากสองตระกูลแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สำเร็จจริงๆ ฉั่งเอ๋อร์ก็จะกลายเป็นน้าเขยเล็กของลูกชายมิใช่หรือ

 

 

“พวกเจ้าต่างก็วิเคราะห์กันไปต่างๆ ความจริงแล้ว ในเมืองหลวงตระกูลใดบ้างไม่ใช่ญาติกับญาติ” ฉินซูเฟยกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย

 

 

“ถูกต้อง” องค์ชายรองพยักหน้า กล่าวต่อ “เสด็จแม่ ท่านควรรับน้าเล็กมาอยู่เป็นเพื่อนท่านในวังสามสี่วันหรือไม่”

 

 

สองตระกูลผูกสัมพันธ์หากว่าสำเร็จ จวนจิ้นอ๋องก็จะยืนอยู่ฝั่งตน แม้ว่าท่านน้าจิ้นอ๋องจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก แต่เสด็จพ่อก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาดียิ่งนัก ญาติผู้พี่เยี่ยญาติผู้พี่เหยียนต่างก็ค่อนข้างมีความสามารถ ในหมู่บุตรหลานราชนิกุลน้อยนักที่จะมีคนพัฒนา แม้แต่เสด็จพ่อยังชื่นชม

 

 

อ้อ ยังมีญาติผู้พี่โย่ว ฝ่าบาทโปรดปรานยิ่งกว่าพวกเขาองค์ชายเหล่านี้เสียอีก หากไม่ใช่ว่าเขาร่างกายไม่ดี เกินครึ่งปีพักรักษาตัวอยู่บนเขา แม้แต่เขายังอดคิดมากไม่ได้

 

 

ฉินซูเฟยชายตามองลูกชายปราดหนึ่ง กล่าวอย่างเคืองๆ “นี่ต้องให้เจ้าสอนหรือ ก่อนเจ้ามาแม่ก็ส่งคนไปจวนเสนาบดีฉินแล้ว”

 

 

องค์ชายรองยิ้ม “ลูกเองก็เพียงแค่พูดไปตามปากก็เท่านั้นเอง แต่ไหนแต่ไรเสด็จแม่ทำอะไรก็ไว้ใจได้เสมอ หากมีเวลาว่างท่านก็สั่งสอนหลานซื่อให้มากหน่อย”

 

 

หลานซื่อก็คือพระชายาองค์ชายรอง มีฐานะเดิมอยู่ในจวนหลานกั๋วกง เป็นพระชายาองค์ชายที่ฉินซูเฟยเลือกให้ลูกชายเป็นอย่างดี ไม่ว่าอะไรก็ดี ฉลาดมีความสามารถ ใส่ใจองค์ชายรอง อย่าเดียวที่ไม่ดีก็คือ หึงหวง ยอมให้องค์ชายรองเข้าใกล้สตรีคนอื่นไม่ได้

 

 

ฉินซูเฟยมองลูกชายที่งามสง่า ในใจก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จึงกล่าวอย่างแฝงความนัย “อวี้เอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าก็ไม่ขาดเหลืออะไรแล้ว ที่ขาดเพียงอย่างเดียวคือ ลูกชาย โดยเฉพาะลูกภรรยาเอก เสด็จพ่อเจ้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุด พวกเราเป็นราชนิกุล สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทายาทสืบทอด หลานซื่อหึงหวงมากเกินไปหน่อย แต่เจ้าก็คิดถึงหลานกั๋วกงบิดานาง แรงสนับสนุนส่วนนี้ใช่สตรีคนอื่นในเรือนหลังของเจ้าจะให้เจ้าได้หรือไม่ เจ้าต้องรีบให้หลานซื่อคลอดบุตรภรรยาเอกจึงจะถูกต้อง”

 

 

องค์ชายรองเองก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เสด็จแม่วางใจ ในใจลูกมีหนทาง”

 

 

ฉินซูเฟยตบมือของลูกชายเบาๆ ท่าทางชื่นชมอย่างยิ่ง

 

 

จู่ๆ ในเมืองก็มีข่าวลือ บอกว่าท่านเสนาบดีฉินได้ภาพวาดใหม่มา ดีใจจนขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือชื่นชมหนึ่งวันเต็ม รู้หรือไม่ว่าภาพวาดของใคร บอกไปแล้วเจ้าจะต้องสะดุ้งตกใจ จางเต้าจื่อศิลปินชื่อดังในรัชสมัยก่อนรู้จักหรือไม่ ใช่แล้ว ก็คือภาพตกปลาใต้จันทราผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา

 

 

จากนั้นก็มีคนถาม ภาพๆ นั้นไม่ใช่ถูกแม่ทัพใหญ่หร่วนให้เป็นสินเดิมแก่ลูกสาวหรือ เหตุใดถึงไปอยู่ในมือท่านเสนาบดีฉินได้เล่า

 

 

หลังจากนั้นก็มีคนขยิบตาอย่างลับๆ ย่อมต้องมีคนส่งให้แน่นอน

 

 

ใครเป็นคนส่งเล่า นอกจากเจ้าของภาพแล้วยังมีใครได้อีก

 

 

เมื่อทุกคนคิดถึงเจ้าของภาพ ก็นึกถึงจยาฮุ่ยจวิ้นจู่คุณหนูสี่แซ่เสิ่นจวนจงอู่โหวที่เดินขบวนสินสอดสิบลี้ไปยังจวนจิ้นอ๋องเมื่อไม่กี่วันก่อน นางเป็นหลานสาวตาของแม่ทัพใหญ่หร่วน สินเดิมของหร่วนซื่อก็ถูกทิ้งไว้ให้นางทั้งหมดมิใช่หรือ

 

 

เมื่อหวนนึกถึงเรื่องจวนจิ้นอ๋องกับจวนเสนาบดีฉินกำลังจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ทุกคนก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้สึกว่าตนเห็นข้อเท็จจริงแล้ว ไอหยา ที่แท้แล้วก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!

 

 

ด้วยเหตุนี้ทิศทางของข่าวลือจึงเปลี่ยนแล้ว จากภาพตกปลาใต้จันทราของจางเต้าจื่อก็กลายเป็นจวนจิ้นอ๋องวางแผนแย่งสินเดิมของสะใภ้ลูกเลี้ยงไปเป็นของหมั้นลูกชายตัวเอง

 

 

เมื่อข่าวลือนี้ดังออกไป การแพร่ขยายก็เร็วอย่างยิ่ง!เพียงแค่ช่วงเช้า เหลาสุราโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งต่างก็รู้ทั่วแล้ว ผู้คนก็เห็นใจจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ที่ถูกแย่งสินเดิมกับคุณชายใหญ่จวนจิ้นอ๋องที่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเป็นอย่างมาก ดูสิ ดูสิ ต่อให้เสิ่นซื่อจะได้รับพระราชบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นจู่ นางเองก็เป็นลูกสะใภ้ ผู้เป็นแม่สามีคิดจะหาเรื่องนางก็ทำได้ง่ายๆ มิใช่หรือ

 

 

ยังมีคุณชายใหญ่ เห็นชัดๆ ว่าเป็นบุตรภรรยาเอกคนโตของจวนจิ้นอ๋อง แต่กลับป่วยออดแอดกระทั่งอายุยี่สิบกว่าปีกว่าจะแต่งภรรยาได้ แม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อก็ถูกแย่งไป หากไม่ใช่ว่าฝ่าบาทสงสารพระราชทานบรรดาศักดิ์จวิ้นอ๋องให้เขา ก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร น่าสงสาร น่าสงสารยิ่งนัก!

 

 

เห็นใจจยาฮุ่ยจวิ้นจู่กับคุณชายใหญ่เสร็จแล้ว ก็มีเรื่องใหญ่กระทั่งรื้อเรื่องในอดีตที่น่าอับอายของพระชายาจิ้นอ๋องซ่งซื่อเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนขึ้นมา เรื่องของนางแต่ละจวนที่อายุพอๆ กับนางต่างก็ทราบ ใครให้เรื่องในปีนั้นวุ่นวายจนดังกระฉ่อนไปทั่วเล่า แม้ว่าทุกคนจะไม่ถกเถียงเสียงดังกันออกนอกหน้า แต่ในที่ลับก็ยังคงแอบกระซิบกระซาบ ไม่ว่าอย่างไรก็ปิดกั้นจิตใจขี้นินทาดวงนั้นของผู้คนไม่ได้หรอก!

 

 

ผ่านไปอีกหลายวัน ข่าวลือก็เปลี่ยนอีกแล้ว เพราะว่าจู่ๆ ผู้จัดการใหญ่ของเรือนเจี้ยเป่าเปิดเผยว่าภาพตกปลาใต้จันทราในมือท่านเสนาบดีฉินเป็นของปลอม ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

 

 

ให้ตายเถอะ หน้าไม่อายเกินไปแล้ว แย่งสินเดิมของสะใภ้ยังไม่พอ เอาสินเดิมของสะใภ้ไปเป็นของหมั้นลูกชายตนก็ยังไม่พอ คาดไม่ถึงว่ายังหน้าไม่อายเก็บของแท้ไว้ที่ตัวเอง ของที่มอบให้ท่านเสนาบดีฉินเป็นของปลอมที่คัดลอกมา สายตาสั้นเกินไปแล้วหรือไม่

 

 

อีกทั้งยังมีคนแสดงท่าทีสงสัย ต่อให้จะเป็นพระชายา แต่ก็เป็นเพียงสตรีเรือนหลัง กล้าเอาของปลอมไปหลอกท่านเสนาบดีฉินหรือ คงไม่ใช่ว่าจิ้นอ๋องเห็นสัตว์ล่าจิตใจก็เบิกบานจึงเก็บของแท้ภาพนั้นไว้เองหรอกกระมัง จิ้นอ๋องหลงใหลผลงานภาพวาดของจางเต้าจื่ออย่างถึงที่สุดมิใช่หรือ

 

 

มีคนกระโดดออกมาคัดค้านทันที อย่างไรเสียจิ้นอ๋องก็เป็นท่านอ๋องคนหนึ่ง ไม่อาจทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้ คงจะเป็นพระชายาจิ้นอ๋องที่เล่นลูกไม้ นางบอกว่านางไม่กล้าหลอกท่านเสนาบดีฉินงั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว คิดดูสิว่านางเป็นพระชายาจิ้นอ๋องได้อย่างไร แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อน แม้แต่ราชวงศ์นางยังกล้าวางแผน จะกลัวอะไรกับท่านเสนาบดีฉินคนหนึ่ง

 

 

สรุปแล้วข่าวลือนี้เปลี่ยนไปทุกวัน ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับจวนจิ้นอ๋อง

 

 

เสิ่นเวยประหลาดใจยิ่งนัก นางยังไม่ทันได้ลงมือ เหตุใดข่าวลือถึงออกมาแล้ว เป็นเทวดาตนไหนที่ทำเรื่องดี นางมองสวีโย่วที่นั่งไขว้ห้างสบายใจอยู่บนตั่งนุ่ม ชั่วขณะก็เข้าใจแล้ว

 

 

หมอนี่ มีฝีมือยิ่งนัก! ในเมื่อเรื่องเจ้าก็จัดการแล้ว เช่นนั้นข้าก็ลากม้านั่งมานั่งดูละครดีกว่า! ปีนี้นั่งกินเผือกคงเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดแล้ว!

 

 

เสิ่นเวยดูละครอย่างมีความสุขมาก พระชายาจิ้นอ๋องที่เป็นบุคคลหลักในข่าวลือโมโหแทบแย่อยู่แล้ว นางดูแลเรื่องภายในจวนอ๋อง สั่งสมอำนาจไว้มากอย่างยิ่ง บ่าวรับใช้ข้างล่างได้ยินข่าวลือก็ไม่กล้าบอกนาง คนสนิทข้างกายนางก็ไม่ค่อยกล้าออกจากจวนอ๋อง ยังคงเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนางเห็นข่าวลือยิ่งดังยิ่งไปกันใหญ่ ในใจก็เป็นห่วง อดไม่ได้มาปรึกษาหนทางแก้ไขกับนางถึงบ้าน นางจึงได้รู้ว่ามีข่าวลือเช่นนี้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว