EG บทที่ 796 ไม่แบ่งโบนัส
“ฮัลโหล? สตีฟ ผมเฝิงครับ ผมจะไปวิจัยที่ตลาดจีนหน่อย น่าจะใช้เวลาประมาณสามเดือน”
สตีฟ บัลเมอร์จับโทรศัพท์ สีหน้าอ้ำอึ้ง คิดว่าฉันไม่รู้หรือว่านายอยากกลับประเทศจีน? จะไปวิจัยตลาดหรือ โถโถ คิดว่าชาวอเมริกันอย่างพวกเราเป็นคนโง่เง่าหรือไง!
“โอเค ผมรู้แล้ว ถ้ามีงาน จะส่งไปให้คุณทางอีเมลล์”
ปลายเดือนธันวาคม ใกล้จะถึงวันคริสต์มาส คริสต์มาสเป็นวันหยุดที่สำคัญที่สุดในอเมริกา แต่เฝิงหยู่ไม่แยแสเลยสักนิด เขาวางแผนที่จะกลับไปฉลองวันปีใหม่ยังประเทศจีน
เรื่องของตึกเอ็มไพร์สเตตยังอัรุงตุงนังกัน แต่ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของฮิเดกิ โยโกอิได้เปิดเผยตัวแล้ว คาดว่าอีกประมาณสองเดือนก็จะสามารถซื้อขายตึกเอ็มไพร์สเตตตได้ ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดศึกขึ้นศาลกับเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งที่เช่าตึกเอ็มไพร์สเตตในระยะยาว เขาบอกเฝิงหยู่ว่ารับประกันชัยชนะ เพราะสามารถยกเลิกการเช่าได้ตามเงื่อนไขบางส่วนของสัญญาเช่า
เฝิงหยู่ไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ เขาแค่รอรับโฉนดที่ดินของตึกเอ็มไพร์สเตตก็พอ ส่วนเรื่องรีโนเวท โดนัลด์ก็เริ่มเตรียมพร้อมบ้างแล้ว
คิริเลนโกะกลับไปที่มอสโคว์เพื่อจัดการกับสิ่งต่างๆที่นั่น พร้อมทั้งเตรียมเงินทุนสำหรับลงทุนบริษัทซอฟต์แวร์ใหม่ เอเลน่าก็กลับมาด้วยเช่นกัน ส่วนเฝิงหยู่บินกลับไปฮ่องกงโดยเครื่องบิน
“น้องเฝิง กลับมาแล้วสินะ เป็นไงบ้าง ชอบชีวิตในอเมริกาไหม?” หลี่เจ๋อข่ายพูดหลังจากที่กอดเฝิงหยู่
“ชีวิตที่นั่นน่าเบื่อจะตาย แต่ผมไปสืบเสาะมาแล้ว ผมวางแผนที่จะเปิดสาขาและโรงงานใหม่ที่อเมริกาในอีกสองปีข้างหน้า”
คำพูดของเฝิงหยู่นั้นไม่ได้หลอกลวง เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะรุกตลาดอเมริกาแล้วเผยแผ่ไปทั่วทั้งทวีปอเมริกา AIWAได้สร้างโรงงานในอเมริกาแล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของFengyuก็น่าจะทำได้ แถมเขายังได้ช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของFengyuมาด้วย
มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้ตระกูลฟู่เป็นตัวแทนขายไปตลอด สิทธิการขายนั้นอยู่ในมือของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ หากช่องทางการขายของพวกเขาผิดพลาด เฝิงหยู่ย่อมไม่มีทางบรรเทาได้
จากยอดขายในตอนนี้ แน่นอนว่ายังสามารถร่วมมือกับตระกูลฟู่ต่อไปได้ แต่ก็ต้องแยกออกจากกัน โดยแยกช่องทางจำน่ายของยุโรป อเมริกาและเอเชีย
หากสร้างโรงงานในอเมริกาแล้ว ต้นทุนแรงงานอาจจะสูงขึ้นก็จริง แต่จะประหยัดค่าขนส่งและศุลกากร ไม่ถือว่าขาดทุนเลย
เฝิงหยู่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับฟู่กวางเจิ้งแล้ว ฟู่กวางเจิ้งก็เข้าใจดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่มียอดขายของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อีกต่อไป แต่เขาก็ยังมีหุ้นส่วนในบริษัท เขาเลยสามารถกอบโกยเงินกับเฝิงหยู่ได้อีก
“น้องเฝิง ไปอยู่ที่ประเทศอเมริกามา ได้ลองแอ้มสาวผมบลอนด์บ้างหรือยัง?” หลี่เจ๋อข่ายถามด้วยสีหน้าลามก
เฝิงหยู่ชำเลืองมองหลี่เจ๋อข่าย หมอนี่เป็นเหมือนอย่างที่เขาว่ากันเลย ชอบแอ้มผู้หญิงจากหลายประเทศ ได้ยินฟู่กวางเจิ้งพูดว่าหลี่เจ๋อข่ายเพิ่งจะเปลี่ยนแฟนเมื่อเร็วๆนี้
แต่จุดนี้ ฟู่กวางเจิ้งไม่สามารถพูดกับหลี่เจ๋อข่ายได้ เพราะเขาก็เป็นเหมือนกัน อย่างที่ฟู่กวางเจิ้งได้เคยพูดไว้ว่า นี่เป็นข้อได้เปรียบของการมีพี่ใหญ่ พ่อมักจะเข้มงวดกับพี่ใหญ่มาก แต่ปล่อยปละละเลยพวกเขา
“น้องเฝิง ทำไมคุณไม่รู้จักสนุกไปกับการใช้ชีวิตบ้าง? กอบโกยเงินทำไมนักหนา?” หลี่เจ๋อข่ายส่ายหัว เฝิงหยู่แตกต่างจากหนุ่มสาวมั่งคั่งคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
แต่พอครุ่นคิด พวกเขาล้วนเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง แต่เฝิงหยู่เป็นรุ่นแรก บางทีนี่อาจเป็นความแตกต่างที่สุด
“เป้าหมายของผมคือเหนือกว่าพ่อของคุณ” พอเฝิงหยู่พูดออกมาอย่างนี้ หลี่เจ๋อข่ายเลยไม่พูดอะไรเลย
เด็กน้อยเอ๊ย เกินเยียวยาเสียจริง! งั้นนายลองสอนฉันหน่อยสิ วิธีที่จะสนุกกับชีวิตได้พร้อมๆกับการเหนือกว่าพ่อของนาย
“จริงสิ ไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตได้เปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง มีบางสถานที่ที่ไม่เหมาะกับไฮเปอร์มาร์เก็ต เราเลยเปิดแค่ซูเปอร์มาร์เก็ต” หลี่เจ๋อข่ายเปลี่ยนบทสนทนา
จริงๆแล้วเขารู้สึกดูแคลนคำพูดของเฝิงหยู่ คิดว่าพ่อของเขาคือใคร Li Ka-shing คนที่รวยที่สุดในเอเชียเชียวนะ เฝิงหยู่อยากเหนือกว่าพ่อของเขา ก็รอต่อไปเถอะ ต่อให้สินทรัพย์ของเฝิงหยู่จะเพิ่มขึ้น แต่สินทรัพย์ของพ่อเขาก็เติบโตขึ้นเช่นกัน
“ตอนนี้มีไฮเปอร์มาร์เก็ตมีทั้งหมดกี่แห่ง แล้วแค่ไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตอย่างเดียวมีกี่แห่งครับ?” เฝิงหยู่ถาม
“ไฮเปอร์มาร์เก็ตมี36แห่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ตแยกต่างหากมี14แห่ง ยังมีอีกสองแห่งที่จะเปิดในเดือนหน้า”
เฝิงหยู่ยกคิ้วขึ้น อัตราการขยายตัวเร็วกว่าที่เขาคิด ด้วยความเร็วนี้ คิดว่าคงเกินหนึ่งร้อยแห่งได้อย่างง่ายดายในอีกปีหรือสองปี
“ในปีนี้จะแบ่งโบนัสกันไหมครับ?” เฝิงหยู่เอียงคอถาม
หลี่เจ๋อข่ายส่ายหัว “ผลกำไรทั้งหมดใช้ลงทุนไปแล้ว เรายังเป็นหนี้เงินกู้ธนาคารจำนวนมาก ไม่ต้องพูดถึงโบนัสในปีนี้เลย ปีหน้าก็ยังไม่มีโบนัส บางทีสามหรือห้าปีก็ใช่ว่าจะได้กำไร”
เฝิงหยู่พยักหน้า จุดนี้เขาเข้าใจดี การขยายกิจการครั้งแรกก็เป็นเช่นนี้แหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเปิดฐานลูกค้าบางแห่งที่ไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตยังเข้าไม่ถึง จึงทำได้แค่เสมอต้นทุน กำไรไม่เพียงพอที่จะเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตใหม่ หากพวกเขาไม่มีเงินกู้จากธนาคาร พวกเขาจะมีเงินลงทุนขยายสาขาต่อไปเหรอ
แต่หากพวกเขาผ่านพ้นช่วงปีแรกๆของการขยายกิจการได้ ในอนาคตไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตกรุ๊ปจะสร้างกำไรแก่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง
“คาร์ฟูร์และวอลมาร์ทมาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตที่จีนด้วยหรือเปล่า?” สองร้านนั่นมีเงินลงทุนมหาศาล หากพวกเขาเข้ามาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศจีน การขยายตัวของไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตจะช้าลงอย่างไม่ต้องสงสัย
“คาร์ฟูร์มาเปิดแห่งหนึ่ง วอลมาร์ทก็เตรียมที่จะเปิดแห่งหนึ่งในอีกไม่กี่เดือน กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ พวกเขาทั้งสองแห่งแย่งโลเคชั่นดีดีไปจากเราได้ แต่ราคาก็สูงกว่าปกติมาก เจ้าของที่เลยรับทรัพย์เหนาะๆ” หลี่เจ๋อข่ายและฟู่กวางเจิ้งจับตามองซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่สองแห่งนี้มาตลอด
“แล้วเราจะทำอย่างไร? ปล่อยให้พวกเขาเปิดต่อไปหรือ?”
“ไม่ได้แน่นอน เราต้องวางแผนโจมตีพวกเขา หากมาเปิดในเมืองเดียวกัน เราจะโปรโมตมากขึ้น และส่งเสริมแบรนด์ประจำชาติ เราจะโจมตีความน่าเชื่อถือและแบรนด์ของพวกเขาผ่านทางหนังสือพิมพ์ด้วย และต้องไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูล แต่ต้องเป็นความจริง”
ฟู่กวางเจิ้งคิดวิธีนี้ออกมาได้ ในเวลานั้นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่หนานหยางของเขาถูกล้อมอยู่ในดงคู่แข่ง ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งของตระกูลเขาขาดทุนไปมาก ถ้าพ่อของเขาโต้ตอบล่าช้า กลัวว่าจะต้องถอนตัวออกจากตลาดของหนานหยางไปนานแล้ว
“แล้วบริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศอื่นๆ มีความเป็นไปได้ที่จะคุกคามเราไหม?”
“ไม่มีเลยสักแห่ง! บางแห่งอาจจะค้าขายดีในพื้นที่ แต่ก็ถูกบีบไปยังเมืองชั้นสามชั้นสี่นั่นแหละ เมืองชั้นสองเป็นต้นไป ไม่มีร้านไหนสามารถต่อกรเราได้ และไม่มีร้านไหนกล้าจะแข่งกับเรา!” หลี่เจ๋อข่ายกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ร้านที่กล้าจะแย่งตลาดกับไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ต ล้วนขาดทุนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองชั้นหนึ่งอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ หรือเมืองสองชั้นอย่างหนานกิงและฝูเจี้ยน ล้วนเป็นตลาดของไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ต
ไม่มีบริษัทใดในประเทศที่สามารถเทียบกับไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตกรุ๊ปได้
เฝิงหยู่เผยรอยยิ้มจางๆ ดูเหมือนว่าตลาดจีนล้วนเป็นโลกของไท่หัวซูปเปอร์มาเก็ตกรุ๊ปไปแล้ว…
ติดตามเพจใหม่ได้ที่ https://www.facebook.com/ceonovel23