กษัตริย์เทียนหนานจ้องมองเงาด้านหลังของเหยียลี่ว์ฉี
ความโกรธแค้นที่ถูกปฏิเสธถูกลวงหลอก ชั่วยามนี้ลุกโชนโชติช่วงประดุจเพลิง จุดฟึ่บสักหน่อยก็เผาผลาญสติสัมปชัญญะจนสิ้น
นางพลิกกายลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบ เดินเท้าเปล่าไปยังด้านหลังของเหยียลี่ว์ฉี ในมือแปะ ‘ผ้าปิดปาก!’ เพิ่มส่วนผสมพิเศษนั้นไว้แนบแน่น
เหยียลี่ว์ฉีเลิกม่านกระโจมขึ้นมา
“กรี๊ด เจ้าคือผู้ใด!” กษัตริย์เทียนหนานกรีดร้องเสียงหนึ่งโดยพลัน เสียงร้องน่าเวทนา
เหยียลี่ว์ฉีหันหลังโดยจิตสำนึก มองข้างหลังจนชัดเจนว่ามิได้มีสถานการณ์ใดในปราดเดียว รู้สึกโดยพลันว่าแย่แน่ หางตากวาดไปเห็นกษัตริย์เทียนหนานพุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือมีวัตถุสีขาวผืนหนึ่ง!
เขารีบเร่งถอยหลัง!
ม่านกระโจมสะบัดเลิกขึ้นมาดังพึ่บพั่บเสียงหนึ่งดุจไร้สิ่งกีดขวาง เรือนร่างของเขาถอยไปด้านนอกปานสายฟ้า
“เพล้ง”
ยามที่เรือนร่างของเขาทะลุม่านกระโจมออกไปนั้น เสียงหนึ่งดังก้อง แจกันหนักอึ้งใบหนึ่งกระแทกลงบนศีรษะของเขาอย่างรุนแรงรวดเร็วแม่นยำ
จิ่งเหิงปัวลงมือ!
ด้านหลังเหยียลี่ว์ฉีมีกษัตริย์เทียนหนานถือผ้าอนามัยไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง ด้านข้างมีจิ่งเหิงปัวถือแจกันสูงดักซุ่มอยู่ ในความวุ่นวายเขาทันได้เพียงหันข้างเล็กน้อย
แจกันแตกเพล้งแหลกละเอียดบนไหล่ซ้ายของเขา
แม้เอ็นโลหะกระดูกเหล็ก ชั่วขณะนี้ยังยากจะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ท่วงท่าของเขาชะงักไปเล็กน้อย กษัตริย์เทียนหนานพุ่งเข้ามาแล้ว กระโจนเพียงครั้งผลักเขาล้มลงไป ผ้าอนามัยในมือตั้งท่าตบลงไปบนปากของเขาอย่างรุนแรง!
…
เรือนร่างของเหยียลี่ว์ฉีชะงักงันหยุดการเคลื่อนไหวถอยไปทั้งอย่างนั้น ล้มลงบนพื้นโดยพลัน
เสียงพลั่กอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น กษัตริย์เทียนหนานทรงตัวไม่อยู่ ล้มทิ่มลงไปบนร่างของเขา
ตามมาด้วยเสียง “พลั่ก” อีกเสียงหนึ่ง บอนไซบนชั้นวางล้มลงมากระแทกบนหลังของกษัตริย์เทียนหนานเสียจนดวงตาของนางกลอกเป็นสีขาว ร้องเฮือกเสียงหนึ่งแล้วสลบไป
ข้างเศษกระเบื้องเกลื่อนพื้น จิ่งเหิงปัวปรบมือหมุนกายออกมาร้อง “เย่!” อย่างไร้เสียง
…
เหยียลี่ว์ฉีฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าร่างกายบาดเจ็บซ้ำยังถูกลอบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าพื้นฐานดีทุกสิ่งย่อมดีตาม ทั้งฉี่เฟยเฟยก็ดีแจกันก็ดี ล้วนมิอาจทำให้เขาสลบไสลได้ยาวนาน
หากมิใช่เพราะร่างกายยังบาดเจ็บ ทั้งผ้าปิดปากฉี่เฟยเฟยก็ดีแจกันก็ดี ล้วนเป็นเพียงหมอกควันผืนหนึ่งตรงปลายนิ้วของเขาเท่านั้น
ยามเขาลืมตาขึ้นมา มองเห็นกษัตริย์เทียนหนานที่ถูกมัดอยู่ด้านหนึ่ง ก่อนจะมองเห็นจิ่งเหิงปัวที่นั่งขัดสมาธิอยู่ฝั่งตรงข้าม
นางยังคงแต่งกายในชุดนางระบำก่อนหน้านี้ เกษายาวสยายดอกไม้งดงาม กรองศอทอประกายเจ็ดรัศมีห้อยย้อยบนช่วงท้องสีขาวหิมะและช่วงเอวบอบบาง ชายกระโปรงสีแดงเพลิงล่องลอยแผ่คลุมอยู่รอบกายผุดเผยความกลมกลึงอิ่มเอิบ แสงทองจากกระดิ่งทองคำบนเท้าสีขาวหิมะเช่นกันกะพริบวิบวับ งดงามยั่วยวนทว่าท่วงท่าจริงจัง พาให้คนนึกถึงท่วงท่าอ่อนช้อยสวยสดงดงามของเทพอัปสรโบยบินบนจิตรกรรมฝาผนังโบราณสีสันสดใส
สายตาของเหยียลี่ว์ฉีเจือด้วยความลุ่มหลงสายหนึ่ง ทว่ายามเขารับรู้สถานการณ์ของตนเอง ความคิดงดงามที่เพิ่งตลบอบอวลสูญสลายในทันที
ปากของเขาถูกวัตถุขาวโพลนแผ่นหนึ่งปิดไว้ ในความทรงจำนี่คล้ายจะเป็นสิ่งที่กษัตริย์เทียนหนานพุ่งเข้ามาแปะบนปากของเขาในยามสุดท้าย มือถูกมัดไว้ข้างหลังด้วยเชือกผสมเส้นเอ็นที่ยิ่งดิ้นรนยิ่งจะบาดเข้าเนื้อ เรื่องนี้ช่างมันเถิด ที่สำคัญยิ่งกว่าคือมีมีดเล่มน้อยเปล่งประกายเล่มหนึ่งปักอยู่ตรงหัวไหล่ของเขา
เขามองหัวไหล่ด้วยหางตา สุดท้ายแล้วจึงเผยรอยยิ้มผืนหนึ่งออกมาอย่างช่วยไม่ได้
การปักเช่นนี้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก นางปักลงตรงศูนย์กลางการโคจรปราณแท้ของเขาพอดี เท่ากับว่าเพิ่มการสกัดแข็งแรงอีกชั้นหนึ่ง ปราณแท้ของเขาจะถูกสะบั้นขัดขวางตรงจุดนี้ทำให้สิ้นไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
นางไม่อาจรู้เรื่องนี้ได้เอง กงอิ้นคงสอนนางสินะ?
สตรีฝั่งตรงข้ามนั่งเท้าคางยิ้มแย้มอย่างแล้งน้ำใจ ลอนผมยาวสยายและขนตายาวงอนงามกำลังสั่นไหวเล็กน้อย หางตากระหวัดขึ้นมาเพียงน้อย แววตาดำขลับเป็นประกายระยิบระยับ เพริศแพร้วเจือคลุ้มคลั่งดั่งดอกอิงซู่ดอกหนึ่งซึ่งสั่นไหวอยู่บนยอดวิมาน
สายตาของเหยียลี่ว์ฉีวูบวาบด้วยความลุ่มหลงที่เขาเองยังมิทันรู้สึกตัว
สตรีเช่นนี้…
เอ่ยว่าไม่ได้ตั้งใจทว่าจงใจ เอ่ยว่าโง่เขลาทว่าเฉลียวฉลาด จิตใจดีงามทว่าเ**้ยมโหด เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ทว่าแลดูหลอกลวงได้ง่ายดายยิ่ง
ยามนางคัดเลือกเฟ้นหาตำแหน่งลงมีดบนร่างเขาคงจะมิได้ลังเลแม้แต่น้อย มองนางยามนี้ยิ้มอย่างดีใจคงจะมิได้มีความเมตตาแม้แต่น้อยเช่นกัน
รูปโฉมงดงามแท้จริงแล้วมิได้มอมเมานางได้อย่างจริงแท้ นางไร้ความปรานีต่อศัตรูแต่แรกเริ่ม
เขาอยากจะถอนหายใจทอดยาวเสียงหนึ่งให้ตนเองและให้กงอิ้นโดยพลัน
จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มจ้องมองจากสีหน้าของเขา แน่ใจว่าตนเองทายถูกแล้ว
ในสมองนางมีกระต่าย กวางโรและตัวฮวนที่ถูกชำแหละนับไม่ถ้วน มีวาจาที่กงอิ้นเคยเอ่ยในป่ารกชัฏวันนั้นปรากฏขึ้นในทันที
“แทงตรงตำแหน่งด้านล่างกระดูกหัวไหล่สามส่วน…ถูกต้อง ไม่เพียงแต่สัตว์ที่สามารถจัดการเช่นนี้ได้ สำหรับคนบางคนย่อมจัดการได้เช่นกัน”
แต่ไหนแต่ไรมามหาเทพไม่เอ่ยวาจาไร้สาระ วาจานี้เขาเคยเอ่ยสองรอบ ฉะนั้นเมื่อนางมองเห็นเหยียลี่ว์ฉีจึงคิดว่า ข้างล่างกระดูกหัวไหล่สามส่วนเป็นภัยคงหมายถึงเขาสินะ?
ทักษะการใช้มีดระดับสุดยอดที่ฝึกฝนกับซากกระต่าย กวางโรและตัวฮวนนับไม่ถ้วนครั้งจนสำเร็จในป่าเขา มีดเดียวแม่นยำราวจับวาง
ในสมองของนางปรากฏภาพมือของกงอิ้นยามสาธิตให้นางดู มือนั้นเรียวยาวมั่นคง เปล่งประกายด้วยแสงอาทิตย์ละเมียดระหว่างพรรณไม้
ทำไมถึงปรากฏผลึกน้ำแข็ง?
ทำไมถึงเกิดสถานการณ์แบบนี้?
…
เหยียลี่ว์ฉีมองดูนัยน์ตาสองข้างที่ว่างเปล่าเล็กน้อยของนางจึงรู้ว่านางเหม่อลอยอีกครั้งแล้ว อดจะถอนหายใจไม่ได้
“พระองค์ทรงคิดจะทำอย่างไร มองกันไปมองกันมาจนเบื่อหน่ายเช่นนี้หรือ”
เสียงแว่วออกมาจากผ้าอนามัยฟังไม่ชัดเจนนัก ประสิทธิภาพในยึดเกาะของสิ่งนั้นไม่เพียงพอ ใช้แรงเอ่ยวาจาเพียงสองประโยคมันก็หลุดลงมาเกือบครึ่ง เหยียลี่ว์ฉีรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยจึงสะบัดศีรษะมันก็ร่วงลงมาอีกนิดหน่อย
จิ่งเหิงปัวเบนสายตากลับมาจ้องมองผ้าอนามัยบนปากของเขา แผ่นใหญ่ขาวโพลนแปะอยู่บนปากของเหยียลี่ว์ฉีแลดูงดงามสบายตาเสียจริง นางคิดไม่ถึงเลยว่าพอผ้าอนามัยเปลี่ยนตำแหน่งผลลัพธ์จะยั่วอกยั่วใจขนาดนี้
รอยยิ้มของนางคลุมเครือเหลือเกิน จนทำให้เหยียลี่ว์ฉีจ้องมองแผ่นใหญ่ผืนหนึ่งนั้นอย่างสงสัย เอ่ยถามว่า “สิ่งนี้คือสิ่งใด”
จิ่งเหิงปัวไม่หวังให้เขาสงบสุขเลยแม้แต่น้อย
“อ้อ” นางกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “นี่คือของใช้อนามัยของสตรีที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ใช้ในยามไม่สะดวก ถูกต้อง คือสิ่งที่เจ้าคิดนั่นล่ะ ข้าได้ยินว่าของเล่นนี้ขจัดสิ่งชั่วร้ายแลทำให้บุรุษโชคร้ายได้ด้วย ข้ารู้สึกว่าธรรมชาติสรรค์สร้างมันมาเพื่อเจ้าโดยแท้ ดูสิ แนบสนิทปลอดภัยสามร้อยหกสิบองศาไม่รั่วซึมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กดไลค์เลย”
เหยียลี่ว์ฉี “…”
พริบตาต่อมาเขาพ่นลมหายใจพุ่งออกมาจนของเล่นชิ้นนั้นลอยละลิ่วร่วงพื้น สีหน้าของเหยียลี่ว์ฉีเขียวคล้ำและขาวซีดสลับไปมา สิ่งเดียวที่พอจะคลายความกังวลของตนเองคือวัตถุสีขาวหิมะนี้สะอาดสะอ้าน ดูท่าทางคงยังไม่ผ่านการใช้งาน
พริบตาต่อมาจิ่งเหิงปัวทำลายการปลอบโยนตนเองของเขาอย่างโหดร้าย
“จริงสิ ลืมบอกเจ้าไป” นางยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “ของเล่นนี้แม้ว่าไม่เคยใช้งาน แต่ทว่าข้าให้สัตว์เลี้ยงของข้าฉี่ใส่บนนั้นเสียแล้วล่ะ”
เหยียลี่ว์ฉีตัดสินใจว่าภายภาคหน้าหากมีโอกาสจะต้องให้นางสวมกางเกงในของตนเองร่ายรำ!
จิ่งเหิงปัวชื่นชมสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างว่องไวและสงบลงอย่างไวว่องของเขาเสร็จแล้วจึงแอบชมว่าพลังควบคุมตนระดับราชครูไม่เลวเลย เดิมทีนางยังอยากเห็นใบหน้าสีม่วงของเหยียลี่ว์ฉีว่าหล่อหรือไม่อยู่เลย
“ของเล่นนี้ข้ายังมีอีกมากนัก หากเจ้าไม่อยากถูกแปะลงไปทีละแผ่น ละแผ่น จนภายภาคหน้าโชคร้ายเสียจนออกจากบ้านถูกรถชน เดินถนนถูกก้อนหินเขวี้ยงใส่ไปตลอดชาติละก็…” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มจิ้มร่างเขา เอ่ยว่า “พวกเรามาทำข้อตกลงกัน”
“อื้ม?” เหยียลี่ว์ฉีพ่นลมหายใจ พยายามลืมแผ่นขาวโพลนบนพื้นผืนหนึ่งนั้น
“ข้าไม่ต้องการชีวิตเจ้า เจ้าส่งข้ากับกงอิ้นออกจากวัง” นางกล่าว
“หลังจากออกจากวังเล่า? องครักษ์ของกงอิ้นจะไล่ล่าสังหารกระหม่อมหรือ”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า หรือว่าข้ายังต้องปกป้องเจ้าอีก? อย่าบอกนะว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของเจ้ายังสูญสลายไปด้วย” นางไม่คล้อยตาม เอ่ยว่า “ข้ายังไม่สังหารเจ้าตอนนี้ เพียงแค่ให้โอกาสเจ้า”
“ไหล่ของกระหม่อมเจ็บยิ่งนัก เกรงว่าจะเดินไม่ไหว ” เหยียลี่ว์ฉีผุดเผยรอยยิ้มเปล่งประกายในค่ำคืนมืดสลัวให้นาง เอ่ยว่า “พระองค์ประคองกระหม่อม กระหม่อมน้อมส่งพวกท่านออกไป”
“หรือว่าข้าจะปลุกกษัตริย์เทียนหนานดีล่ะ” จิ่งเหิงปัวกล่าวขึ้นมาคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง กล่าวต่อไปว่า “แม้ว่าตัดหัวนางออก ทว่าน่าจะยังคงมีเรี่ยวแรงจัดการเจ้ากระมัง?”
“พระองค์มิทรงเสียดายหรือ?” เหยียลี่ว์ฉีคล้ายยิ้มทว่ามิได้ยิ้ม เอ่ยว่า “เรือนร่างของกระหม่อม เดิมทีหวังเพียงรักษาไว้ให้พระองค์นะ ฝ่าบาทของกระหม่อม”
“ไม่รับของมือสอง” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มกระชากวิญญาณเสียยิ่งกว่าเขา
“ยี่สิบกว่าปีนี้รักษาตนบริสุทธิ์ดุจหยก ไม่เชื่อพิสูจน์ได้” เหยียลี่ว์ฉีกะพริบตา
จิ่งเหิงปัวชี้แผ่นอกของเขา กล่าวว่า “เคยถูกผู้อื่นซุกซบ”
ชี้ใบหน้าของเขา กล่าวว่า “เคยถูกผู้อื่นลูบคลำ”
นิ้ววาดขึ้นลงครั้งหนึ่งคล้ายจะวาดทั่วทั้งร่างของเขา กล่าวว่า “เคยถูกผู้อื่นแตะต้องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า”
ปลายนิ้วดีดเพียงครั้ง เสียงดีดนิ้วดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“มหาสมุทรลึกสามหมื่นลี้ยังล้างกลิ่นแป้งชาดบนกายเจ้าให้สะอาดมิได้” นางสรุป
เหยียลี่ว์ฉีเลิกคิ้วมิได้โกรธเคือง หางตาชำเลืองวูบไหวไปทางกงอิ้นที่อยู่ในสภาพกึ่งเยือกแข็ง
“แปดเปื้อนกลิ่นหอมของผู้อื่น ย่อมสะอาดเสียกว่าแปดเปื้อนร่างกายผู้อื่นมากระมัง?”
“ผู้ใด” จิ่งเหิงปัวยากจะรู้สึกไวแบบนี้
เหยียลี่ว์ฉียิ้มทว่ามิเอ่ยวาจา สายตาเป็นระลอกที่เหลือบไปยังกงอิ้นย่อมเป็นคำตอบที่ไร้ซึ่งสรรพเสียง
“กับผู้ใด” จิ่งเหิงปัวเกิดจิตใจแห่งการซุบซิบนินทา
“พระองค์ว่าผู้ใดล่ะ?” เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้ม เอ่ยว่า “หากมิได้เกิดเหตุสุดวิสัย ราชครูล้วนสมรสกับราชินีนะ”
จิ่งเหิงปัวกลับได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงชะงักไปเล็กน้อย อดจะเหลือบมองกงอิ้นแวบหนึ่งไม่ได้
“สำหรับเรื่องเก่าครานั้น ในแคว้นต้าฮวงล้วนมิได้แพร่งพรายออกมาแม้แต่คำเดียว บางครั้ง คำตอบนี้อาจจะมีเพียงกงอิ้นที่สามารถตอบพระองค์ได้ แน่นอนว่าเขาจะทูลคำตอบเช่นไรแด่พระองค์นั้นย่อมขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเขาเอง ขอจิตวิญญาณของพระองค์จงสว่างไสว อย่าได้ถูกผู้อื่นมอมเมาไปตลอดกาล”
จิ่งเหิงปัวเบนสายตาขึ้นมาจับจ้องมองเขา เหยียลี่ว์ฉีถูกสายตาทะลุทะลวงและลึกลับของนางจ้องเสียจนไร้อิสระไปเล็กน้อย แค่นเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่ง ยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “อะไรหรือ”
“ยามนี้ข้ากำลังถูกมอมเมา ดีที่จิตวิญญาณของข้าสว่างไสว” นิ้วเรียวยาวของจิ่งเหิงปัวจิ้มไปที่เขา กล่าวว่า “เหยียลี่ว์ฉี มิต้องเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ หวังเสี้ยมสอนยังต้องดูเวล่ำเวลา”
“อ้อ เชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้เขียวหรือ?”
“ข้าเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของตนเอง ข้าคาดคะเนได้จากปฏิกิริยาเพียงน้อยของบุรุษ” จิ่งเหิงปัวยิ้มเพียงครั้งอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “สิ่งใดเรียกว่าเสียงร่ำลือ? สิ่งนั้นคือสิ่งที่มีเพียงคนในเหตุการณ์รับรู้ จากนั้นคนอีกกลุ่มหนึ่งเดาไปเดามาบอกต่อกันไปบอกต่อกันมาเสียจนนอกเรื่องหมื่นลี้มิหลงเหลือเค้าเดิม วาจาซุบซิบนินทาฟังเสียหน่อยก็พอแล้ว คิดหรือว่านั่นมิใช่ถูกใส่ความ? อีกอย่าง…เรื่องนั้นเกี่ยวกับข้าเสียที่ไหน?”
จิ่งเหิงปัวหันหลังให้กงอิ้น ไม่ได้พบว่าหลังเสียงวาจาประโยคสุดท้ายนั้นเพิ่งสิ้น กงอิ้นที่ผลึกน้ำแข็งบนใบหน้าละลายจนสิ้นแล้วลืมตาขึ้นมามองนางปราดหนึ่งโดยพลัน
ปราดเดียวนี้เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง จากนั้นเขาหลับตาลงแช่มช้า
จิ่งเหิงปัวไม่ได้มองเห็นแวบหนึ่งนี้ แต่พบทันทีว่าเหยียลี่ว์ฉีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตนเองยิ้มชั่วร้ายยิ่งยวดยิ้มดีใจยวดยิ่ง
ปกติแล้วรอยยิ้มเช่นนี้ของพวกจิ้งจอกไม่เคยมีเรื่องดี นางไม่อยากถกเถียงกับจิ้งจอกต่อไปอีกแล้ว ลุกขึ้นฉวยมือดึงผ้าคลุมที่ตระเตรียมไว้ก่อนหน้านี้พาดไว้บนไหล่ ดึงมีดน้อยเล่มนั้นออกมา ใช้สันมีดเคาะหลังของเหยียลี่ว์ฉี กล่าวว่า “ไปเถิด”
ขอเพียงบาดแผลที่มีดแทงเข้าไปยังไม่สมานตัว ล้วนสามารถสะบั้นขัดขวางเหยียลี่ว์ฉีได้ทั้งนั้น นางเหลือมีดเล่มนี้ไว้เพื่อป้องกันตนเอง
เหยียลี่ว์ฉียืนขึ้นมาอย่างสุขุม จิ่งเหิงปัวขยับกงอิ้นไปบนหลังของเขา ยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “แบกคนรักเก่าของเจ้าให้ดีนะ อย่าได้หกล้มเชียวล่ะ”
จากนั้นนางเตะกษัตริย์เทียนหนานจนฟื้นคืนสติในครั้งเดียว