บทที่ 1275 ฉันอยู่รัฐอิสระตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ / บทที่ 1276 มาตามหาคน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1275 ฉันอยู่รัฐอิสระตั้งแต่อยู่ในท้องแม่

มองประเมินสภาพจนหนทางของเยี่ยหวันหวั่นอีกครั้ง ดวงตาชายหนุ่มทอประกาย จึงเอ่ยเสียงเบาอย่างรู้แก่ใจดี “คุณ…ไม่ใช่คนรัฐอิสระสินะ”

“ใครบอกว่าฉันไม่ใช่คนรัฐอิสระ” เยี่ยหวันหวั่นแย้งทันที “ฉันอยู่รัฐอิสระตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว…”

“งั้น…คุณมีบัตรผ่านไหม…เป็นคนเขตไหน” ชายหนุ่มถามแฝงรอยยิ้ม

เยี่ยหวันหวั่นขี้เกียจจะพัวพันกับเขา ถูกคนของสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธไล่ตามทัน นั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสักนิด

เห็นเยี่ยหวันหวั่นยังจะวิ่ง ชายหนุ่มกลับขวางตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่นแล้วส่ายหัว “ไม่เคยมีคนนอกหนีพ้นจากมือของหน่วยค้นหาของสหพันธ์วิทยายุทธ…คุณตามผมมาเถอะ”

ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นคิดวิเคราะห์ ก็พาเยี่ยหวันหวั่นวิ่งไปข้างหน้า

ชายหนุ่มคุ้นเคยที่แห่งนี้ดี เลี้ยงเจ็ดเลี้ยวแปดเลี้ยวแปดก็เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง หนีพ้นจากสมาชิกหน่วยค้นหาของสหพันธ์วิทยายุทธโดยสมบูรณ์

“ขอถาม แซ่คุณ…ควรเรียกคุณว่ายังไง” ในคฤหาสน์ ชายหนุ่มมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ย

“เยี่ยหวันหวั่น…ขอบคุณคุณที่ช่วย…” เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้ว่ารัฐอิสระมีกฎและธรรมเนียมยังไง จึงทำท่าทางกุมกำปั้น

เห็นดังนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ “คุณหนูเยี่ย ไม่ต้องเกรงใจ…ผมชื่อโจวอู”

คุยกับโจวอูอย่างง่ายๆ หนึ่งรอบ เยี่ยหวันหวั่นจึงได้รู้ว่า โจวอูเป็นผู้สืบทอดของตระกูลวิทยายุทธตระกูลหนึ่ง ที่นี่คือบ้านตระกูลโจว

เยี่ยหวันหวั่นก็ชัดเจนแก่ใจว่าโจวอูไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับเธอ ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะโจวอู เกรงว่าตัวเธอคงมีผลลัพธ์ยากคาดถึง ด้วยความเร็วของหน่วยตรวจค้นของสหพันธ์วิทยายุทธนั้นแล้ว ตัวเธออยากหนีพ้นแทบเกินจริง

“คุณหนูเยี่ย ผมไม่รู้ว่าคุณมารัฐอิสระเพราะมาท่องเที่ยวหรือเพราะมีจุดประสงค์อื่น แต่ว่า…ทางที่ดีคุณหนูเยี่ยตัดสินใจเร็วๆ ดีกว่า รัฐอิสระต่อต้านคนนอกอย่างมาก คนนอกมากมายตายอยู่ที่รัฐอิสระ” โจวอูมองเยี่ยหวันหวั่นพลางอ้าปากเอ่ย

“งั้น…คุณไม่ต่อต้านคนนอกเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างแปลกใจ

ได้ยินแบบนั้นโจวอูส่ายหน้า “คุณหนูเยี่ยล้อเล่นแล้ว ตอนปู่ของผมยังหนุ่มก็เป็นคนนอก แต่กฎของตระกูลโจวตอนนั้นค่อนข้างผ่อนปรน ผ่านความคุณปู่ผมก็ตั้งถิ่นฐานตระกูลโจวที่รัฐอิสระแล้ว…พวกเราตระกูลโจวไม่คัดค้านคนนอกแม้แต่น้อย เพราะเดิมก็หัวอกเดียวกันมั้ง”

“อย่างนี้นี่เอง…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า มิน่าโจวอูคนนี้ถึงเต็มใจช่วยตัวเธอ

“คุณหนูเยี่ยไม่มีบัตรผ่านยากจะเคลื่อนไหวในรัฐอิสระ ถ้าคุณหนูเยี่ยไม่รังเกียจก็อยู่ที่อยู่เล็กๆ นี้สักสองสามวันก่อน”

ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ปฏิเสธ ตัวเองเพิ่งมาถึงรัฐอิสระ อยู่ต่างถิ่นไร้คนรู้จัก ยังไม่เข้าใจเรื่องมากมาย อีกอย่างของทั้งหมดของตัวเองก็หายไปหมดแล้ว ถึงตอนกลางคืน เกรงว่าตัวเธอจะไม่มีแม้แต่จุดหยุดพัก

“แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

“คุณหนูเยี่ยไม่ต้องเกรงใจ ค่าตอบแทนของการอยู่ที่นี่ คุณหนูเยี่ยก็เล่าๆ เรื่องโลกภายนอกให้ฟัง อย่างเช่นประเทศจีน…พวกเราชาวรัฐอิสระอยู่ห่างจากประเทศจีนบ้านเกิดของพวกเราไกลโพ้นมาก นอกจากสุดยอดสี่ตระกูลใหญ่แล้วก็แทบไม่มีคนเสียค่าใช้จ่ายก้อนโตกลับไปประเทศจีน” โจวอูยิ้มเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ เยี่ยมมากพี่ฉัน แม้แต่ประเทศจีนเป็นยังไงพวกเขาก็ไม่รู้…

เยี่ยหวันหวั่นตามโจวอูเข้าโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว

ไม่นาน หลังผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจวได้รับข่าวก็พากันมายังโถงใหญ่

ผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจวเปี่ยมมารยาทกับเยี่ยหวันหวั่นมาก ถามเรื่องราวของประเทศจีนไม่หยุด

ผู้นำตระกูลโจวเกิดที่รัฐอิสระ ไม่เคยออกไปมาก่อน จึงสนใจประเทศจีนบ้านเกิดของตัวเองมาก

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ขี้เหนียว เล่าเรื่องที่ได้ฟังได้เห็นทั้งหมดออกไป

“ประเทศจีนมีทีวี…ทีวีก็คือ…ข้างในมีพวกคน…” เยี่ยหวันหวั่นกินอาหารที่โจวอูเตรียมมาพลาง เอ่ยกับพวกผู้นำตระกูลโจวพลาง

ผู้นำตระกูลโจวมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าโง่งม “รัฐอิสระของพวกเรา…ก็มีทีวี…”

“โอ้…จริงสิ ประเทศจีนมีรถ เป็นของที่คนนั่งอยู่บนนั้น…”

ผู้นำตระกูลโจวโง่งมต่อ “รัฐอิสระ…ก็มีรถ…รถใหญ่รถเล็ก รสสปอร์ตรถแข่งรถโกคาร์ต…”

รัฐอิสระของพวกเขา…ไม่ได้เป็นโลกล้าหลังที่ปิดตายโอเคไหม…

—————————————————————————————————————–

บทที่ 1276 มาตามหาคน

เห็นสีหน้าประหลาดของผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจว เยี่ยหวันหวั่นกระอักกระอ่วนนิดหน่อยจริงๆ

พอคิดดูอย่างละเอียด ระดับความศิวิไลซ์ของรัฐอิสระ ความจริงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศข้างเคียง แค่กิจกรรมบันเทิงค่อนข้างล้าหลังกว่าหน่อยเท่านั้น

ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รัฐอิสระนอกจากไม่ใช่อาวุธปืนกับอาวุธร้อนแล้ว อย่างอื่นก็ยังน่าพูดอยู่

แน่นอนว่า อารยธรรมของรัฐอิสระ มุ่งเน้นไปทางด้านวิทยายุทธ สำหรับชาวรัฐอิสระแล้ว ทั้งหมดเป็นเป็นของเสริมมา มีแค่ด้านวิทยายุทธที่สูงเสียดฟ้า

หลังแก้ไขความคิดว่ารัฐอิสระล้าหลังแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เล่าถึงความสำเร็จในหลายปีที่ผ่านมาของประเทศจีนให้ผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจวฟังใหม่อีกหน ซึ่งทำให้ทั้งสองสนอกสนใจอย่างยิ่ง

หลังผ่านไปนาน ผู้นำตระกูลโจวก็มองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “คุณหนูเยี่ย คุณเป็นคนจีน…ประเทศจีนอยู่ห่างจากรัฐอิสระไกลโพ้นจริงๆ คุณหนูเยี่ยไม่สนการเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามภูเขานี้มาถึงรัฐอิสระ…อย่าบอกนะว่าแค่เพื่อท่องเที่ยว?”

เมื่อก่อนมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นอยู่จริง เมื่อรู้ตัวตนของรัฐอิสระก็แอบเข้ามาในรัฐอิสระ แต่จุดจบของนักท่องเที่ยวพวกนั้น เหมือนจะยังนับว่าดีมาก การต่อต้านคนนอกของรัฐอิสระ สิบปีมานี้เข้มงวดขึ้นทุกที

เยี่ยหวันหวั่นคิดไตร่ตรองครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ย “พูดความจริงไม่ปิดบัง หนูไม่ได้มารัฐอิสระเพื่อท่องที่ยว แต่มาตามหาคนค่ะ”

“ตามหาคน?”

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจวต่างชะงัก

มาถึงรัฐอิสระเพื่อตามหาคนนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่เคยได้ยิน

“ใช่ค่ะ…”

เยี่ยหวันหวั่นใช้กระดาษปากกาเขียนหมายเลขโทรศัพท์แถวหนึ่ง จากนั้นเดินไปข้างตัวผู้นำตระกูลและคุณนายตระกูลโจวแล้วเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าพวกคุณรู้พื้นที่ของหมายเลขโทรศัพท์นี้ไหมคะ”

หมายเลขโทรศัพท์แถวนี้ก็คือหมายเลขที่เธอเจอในห้องหนังสือของซือเยี่ยหาน ก่อนหน้านี้ใช้โทรศัพท์ของเนี่ยอู๋หมิงโทรไป แต่ต่อมากลับกลายเป็นหมายเลขเปล่า โทรออกไม่ได้แล้ว

“นี่…เหมือนไม่มีความจำอะไรเป็นพิเศษ”

ผู้นำตระกู,โจวรับเศษกระดาษที่เยี่ยหวันหวั่นส่งมา พิจารณาชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า

“ภรรยา คุณมองว่ายังไง” ผู้นำตระกูลโจวส่งหมายเลขโทรศัพท์ให้คุณนายอย่างรวดเร็ว

“นี่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของรัฐอิสระจริงๆ แต่ฉันก็นึกไม่ออกว่าเป็นของพื้นที่ไหน” คุณนายตระกูลโจวเอ่ย

“ผมดูหน่อย” เวลานี้โจวอูยืนขึ้นหยิบกระดาษมาพินิจมอง

“น่าจะเป็นจองเมืองอวิ๋นเฉิง แต่ก็ไม่แน่ว่าใช่” โจวอูเอ่ยปาก แต่ก็ไม่แน่ใจ

“อวิ๋นเฉิง?” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้างุนงง ตอนนี้เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขตที่ตัวเองอยู่เรียกว่าอะไร

จากการพูดคุย เยี่ยหวันหวั่นพอรับรู้การแบ่งเขตคร่าวๆ ของรัฐอิสระจากปากของโจวอูกับพวกผู้นำตระกูลโจว

รัฐอิสระในอดีตแบ่งออกเป็นหกเขตใหญ่ สี่ตระกูลใหญ่ครอบครองหนึ่งเขตใหญ่ สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธครอบครองสองเขตใหญ่

แต่น่าจะราวสามปีก่อน รัฐอิสระเกิดสงครามภายใน จากนั้นเพราะความจำเป็นต้องพัฒนา หกเขตใหญ่จึงลดเป็นหนึ่งเขตใหญ่ ชื่อว่าเมืองอวิ๋นเฉิง ระดับความเจริญรุ่งเรืองของมันนั้นราวกับเมืองหลวงของประเทศจีน จัดเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญที่สุดของรัฐอิสระ

อย่างตอนนี้ โซนที่เยี่ยหวันหวั่นอยู่ก็เป็นเขตชานเมืองรอบๆ เมืองอวิ๋นเฉิง

ถึงแม้เมืองอวิ๋นเฉิงเป็นแค่เมืองเมืองหนึ่ง แต่กลับเกิดจากการรวมกันของหกเขตใหญ่เดิม ใหญ่โตหาใดเปรียบ เทียบกันแล้วยังทั้งโตทั้งกว้างใหญ่กว่าเมืองหลวงของประเทศจีน ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ สมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ สามโรงเรียนทหารรับจ้างใหญ่และสมาคมทหารรับจ้างชื่อดังจำนวนหนึ่งล้วนตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองอวิ๋นเฉิง

เหมือนอย่างตระกูลโจว อาจยังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเขตนี้ แต่ถ้าไปอยู่ที่เมืองอวิ๋นเฉิง กลับประหนึ่งผงทรายลอยลงมหาสมุทร

ไม่ว่าตระกูลวิทยายุทธไหน อยากเข้าไปยืนในเมืองอวิ๋นเฉิง ล้วนยากดั่งปีนสวรรค์