บทที่ 207

ดินแดนแห่งหมอก

“ฟู่จงชาน ไม่จำเป็นต้องจัดการกับความบาดหมางของเจ้าในทันที ตอนนี้ค้นหาหลุมฝังศพมีความสำคัญสูงสุด เมื่อเราพบหลุมฝังศพ เจ้าสามารถต่อสู้ได้ทั้งวันและเราจะไม่มีความคิดเห็นใดๆ อีก” การเห็นชูมู่หยูและเหว่ยชานเห่อเข้ามาแทรกแซง สงฉิงเห่อยืนขึ้นเพื่อเพิ่มความคิดเห็นของเขาด้วย

การแสดงออกของฟู่จงชานและซู่เห่ยชานทั้งมืดมนและเย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่หวูเซี่ย ทั้งสามคนกลายเป็นเกลียดชังชูมู่หยูโดยสิ้นเชิง

หลี่หวูเซี่ยมีลางสังหรณ์ว่าถ้าเขาไม่สามารถสังหารหลี่หวูเซี่ยในตอนนี้ มันจะยากยิ่งขั้นสำหรับการสังหารเขาในอนาคต

‘เวรเอ้ย หลี่ฟู่เฉิน รอจนกระทั่งข้าแข็งแกร่งกว่านี้เถอะ ถึงตอนนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งหมดไปยังนรก’ หลี่หวูเซี่ยคิดด้วยความเกลียดชัง

เผยความผิวหวังออกมา ซู่เห่ยชานกล่าว “สารเลวน้อย ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ไว้หาสุสานพบ ข้าจะไม่ให้เจ้าหาทางไปสู่สวรรค์และไม่ให้ประตูสู่ปฐพี”

มันคงเป็นเรื่องโง่หากจะเดินหน้าต่อ พลังของพวกเขาสามคนรวมกัน เขาก็ไม่อาจเอาชนะผู้คนทั้งหมดนี้ได้

กริ้ก!

เมื่อกระบี่ยาวกลับลงฝัก ฟู่จงชานก็แสดงความเห็นเช่นกัน “ข้าต้องยอมรับว่าเจ้านั้นโชคดี เมื่อใดก็ตามที่กระบี่ของข้าถูกดึงออกมาจากฝัก มันจะต้องลิ้มรสโลหิต แต่เนื่องจากตอนนี้มันไม่สามารถลิ้มรสโลหิตใดๆ ครั้งต่อไปข้าจะให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนเป็นสองเท่า”

ในสายตาของเขาหลี่ฟู่เฉินเป็นคนที่ตายไปแล้ว

เนื่องจากเขาเป็นคนตาย มันจึงไม่สำคัญหากเขาจะถูกสังหารช้าหรือเร็ว

และหากหลี่ฟู่เฉินต้องถูกสังหารต่อจากนี้ มันอาจให้ความพึงพอใจแก่เขามากขึ้น

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ตอบถ้อยคำที่ดุร้ายเหล่านี้ ก็ในเมื่อคำกล่าวไม่สังหารสังหารผู้คนได้ การเดินทางไปยังหลุมฝังศพเป็นโอกาสที่จะสังหารทั้งสามคน เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาด้วยซ้ำว่าจะเขาสามารถสังหารหรือไม่สามารถสังหารพวกเขาได้

เมื่อเขาหลับตา สภาวะพลังฉีก็ถอถอยกลับไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

สังเกตเห็นพฤติกรรมของหลี่ฟู่เฉิน ปากของชูมู่หยูยิ้มออกมา

เธอรู่ว่าซูเห่ยชาน ฟู่จงชาน และหลี่หวูเซี่ยเจอกับโชคร้ายเข้าแล้ว

มนุษย์ผู้เที่ยงแท้จะไม่สังหารอสูรโดยการเผยความสามารถทั้งหมดออก แต่เมื่อพวกเขาเปิดเผยคมเขี้ยวของพวกเขา มันจะเป็นเวลาที่พวกเขาพรากชีวิตขิงท่านไป

แน่นอน มันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับการที่หลี่ฟู่เฉินจะสังหารทั้งสามคน เขาอาจถูกสังหารโดยพวกเขาแทน

ไม่มีใครมีความสามารถในการมองเห็นอนาคตอยู่ในโลกนี้

“พอก็ดีแล้ว เมื่อเราพบหลุมฝังศพ ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องของเจ้า เนื่องจากทุกคนอยู่ที่นี่ตอนนี้ มารวมแผนที่แล้วออกเดินทางเถอะ!” ชูมู่หยูทำท่าทางแก่เหว่ยชานเห่อ

ฟังคำกล่าวของชูมู่หยู เว่ยชานเหอหยิบแผนที่ชิ้นหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ขึ้นมาและกล่าว “แผนที่ชิ้นนี้ซับซ้อนมากและเป็นไปไม่ได้ที่จะจดจำมัน มารวมแผนที่และหาทิศทางคร่าวๆ กัน”

ขณะเดียวกับที่ทุกคนรวมแผนที่ของพวกเขาเข้าด้วยกัน กลุ่มยามลาดตระเวนกลุ่มใหญ่ก็เข้ามาในถนน ภายในกลุ่มมีนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดอยู่สี่คน

“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีสถานะเป็นอย่างไร ตราบใดที่เจ้าทำลายอาคารบ้านเมืองของเมืองหมอกหนา เจ้าจะต้องชดใช้มัน มิฉะนั้นนิกายอุปกรณ์ลึกลับของข้าคงต้องปฏิบัติตามกฎ” หนึ่งในนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดกล่าว

ภายในแคว้นร้อยเทพยุทธ์ บางเมืองมีนิกายประจำอยู่ ในขณะที่บางเมืองไม่มี

เนื่องจากลักษณะพิเศษของที่ตั้งในเมืองหมอกหนา มันจึงถูกครอบครองโดยนิกายอุปกรณ์ลึกลับไป

แน่นอนว่าไม่ผิดที่จะครอบครองเมือง แต่พวกเขาก็ต้องให้ความคุ้มครองเช่นกัน หากนิกายไม่สามารถปกป้องเมืองได้ มันก็จะไม่มีความหมายใดๆ ในการครอบครองมัน

เพื่อที่จะครอบครองเมือง นิกายต้องส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญออกมา หากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ถูกกำจัดโดยกลุ่มคู่แข่ง มันจะส่งผลกับกลุ่มผู้ครอบครองอย่างรุนแรง

สรุปแล้ว มีเพียงเฉพาะนิกายโดดเด่นเท่านั้น ถึงจะกล้ายึดครองเมืองต่างๆ ในแคว้นร้อยเทพยุทธ์

เมืองส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยกองกำลังของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น แต่เมืองที่ปกครองตนเองเหล่านี้จะต้องจ่ายภาษีให้กับนิกายต่างๆ

นิกายวารีครามจะส่งสมาชิกของพวกเขามาที่แคว้นร้อยเทพยุทธ์ เพื่อรวบรวมภาษีจากเมืองที่ไร้ผู้ครอบครอง

“กี่เหรียญทอง?” ฟานเฉียนสงถาม

หนึ่งในนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดดูความเสียหายโดยรวมของโรงเตี้ยมและถนน “โรงเตี้ยม 50,000 เหรียญทอง ถนนอีก 50,000 เหรียญทอง”

“นี่ 50,000 เหรียญทอง” หลี่ฟู่เฉินนำบัตรทองที่มีมูลค่า 50,000 เหรียญทองออกมาจากถุงเก็บของเขาและโยนมันไปขณะที่กล่าว

“นี่อีก 50,000 เหรียญทอง” ซูเห่ยชานโยนบัตรทองคำอีกใบที่มีมูลค่า 50,000 เหรียญทองออกไปเช่นกัน

เมื่อพวกเขาได้รับบัตรทองคำมา สี่นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดโบกมือ “ไปกันเถอะ”

ตราบใดที่ไม่มีการสังหาร ศิษย์หลักของนิกายต่างๆ ก็ยังคงมีสิทธิพิเศษในเมืองหมอกหนา พวกเขาสามารถส่งมอบบัตรทองและออกไปได้ หากเป็นนักสู้คนอื่นๆ ที่ไม่มีสถานะใดๆ พวกเขาอาจจะถูกขังไว้ในคุกก่อน

***

ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตกจากเมืองหมอกหนา พวกเขาก็ข้ามภูเขาแคระลูกนึงไป มันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ส่งผลทำให้ภูเขาดูเหมือนเป็นยักษ์ที่อยู่ห่างไกล

ยืนอยู่บนภูเขา เหว่ยชานเห่อขมวดคิ้ว “หมอกหนาเกินไป มันจะไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาตำแหน่งที่ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่”

“เนื่องจากมีแผนที่นี้อยู่ เราจะพบหลุมฝังศพนี้แน่นอน” สงฉิงเห่อกล่าว

บนแผนที่ ภูเขาแคระเป็นเครื่องหมายแรก ตอนนี้พวกเขาหาเครื่องหมายที่สองบนแผนที่ให้พบ

เฉพาะหลังจากค้นหาเครื่องหมายทั้งห้าแล้วเส้นทางที่จะไปยังหลุมฝังศพจะปรากฏขึ้น

“เครื่องหมายที่สองคือทะเลสาบ หากเราตามลำธารไป เราอาจพบทะเลสาบที่ว่านั้น”

ชูมู่หยูมองไปที่ด้านล่างของภูเขาและพบน้ำตกขนาดเล็กรอบๆ ภูเขา น้ำจากน้ำตกก่อกำเนิดกระแสน้ำที่ไหลออกไปด้านนอก เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นผ่านหมอกหนาทึบ แต่มันเป็นไปได้ที่จะรู้สึกถึงโดยใช้ประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่ง

กระแสธารนั้นยาวออกไปไกลมากและมีพลังลึกลับที่นำทางกระแสน้ำไปอยู่

ฟานเฉียนสง ฟานเฉียนหยู และหลี่ฟู่เฉินสื่อสารกันอย่างลับๆ

“หลี่ฟู่เฉิน เมื่อเราพบหลุมฝังศพนี้ เราสามคนจะรวมกำลังกัน เพื่อฆ่าหนึ่งในพวกเขา”

“พี่ของข้ากล่าวถูกแล้ว ความสามารถของพวกมันทั้งสามมากกว่าของพวกเราอย่างเห็นได้ชัด เฉพาะหลังจากสังหารไปแล้วหนึ่งเท่านั้นเราถึงจะมีเปรียบ”

“อันที่จริง พวกเจ้าทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เจ้าได้ตอบแทนคุณของข้าแล้ว ด้วยการที่เจ้าอนุญาตให้ข้าเดินทางหาหลุมฝังศพในครั้งนี้”

“เจ้ากำลังกล่าวอะไรอยู่? ข้า ฟานเฉียนสงไม่ใช่คนที่กลัวความตายประดุจดั่งเช่นคนขี้ขลาด ไม่สำคัญว่าเจ้าหรือข้าเป็นหนี้บุญคุณซึ่งกันและกันหรือไม่ ตั้งแต่ข้าได้ปฏิบัติกับเจ้าในฐานะสหายแล้ว ข้าจะเสียสละตัวเองกับเจ้าโดยไม่คำนึงใดๆ อีก”

“หือ สหาย? ขอบคุณเจ้ามากแล้ว”

หลี่ฟู่เฉินตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ทั้งสองคนต้องตกอยู่ในอันตราย

ในเวลาเดียวกัน ซูเห่ยชาน หลี่หวูเซี่ย และ ฟู่จงชานก็มีบทสนทนาลับเช่นกัน

“เมื่อเราพบหลุมฝังศพ เราจะกำจัดฟานเฉียนหยูที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกมันก่อน เช่นนั้นแล้วอีกสองคนจะไม่สามารถเอาชนะเรา ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” ซูเห่ยชานเสนอ

ฟู่จงชานพยักหน้า “ดี นี่คือแผนการที่ดีที่สุด หลังจากทั้งหมดแล้ว ความสามารถโดยรวมของพวกเราก็ดีกว่าของพวกมัน”

พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถกำจัดฟานเฉียนสงหรือหลี่ฟู่เฉินได้ในทันที แต่พวกเขาไม่แน่ใจอย่างแน่นอน แต่อย่างไรพวกเขาก็ไม่เผลอลำพองใจ

ตามกระแสน้ำมา กลุ่มคนมาถึงทะเลสาบ

ขนาดของทะเลสาบไม่เป็นที่แน่ชัด ก็ในเมื่อพื้นผิวทั้งหมดของมันถูกปกคลุมไปด้วยผืนหมอก

“ตามแผนที่ เครื่องหมายที่สามคือน้ำตกขนาดใหญ่ เป็นไปได้ว่าจะเป็นอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบหรือไม่?”

บนแผนที่เครื่องหมายทุกอันเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ดั่งเช่นลำธารจากภูเขาที่เชื่อมเข้ากับทะเลสาบ จะต้องมีการเชื่อมต่อจากทะเลสาบไปยังน้ำตก

“มาสร้างเรือกันก่อนเถอะ”

กลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกลุ่มบุคคลที่ไร้ความเด็ดขาดหรือเลลังใจ ทุกคนใช้สิ่งที่พวกเขาพบเพื่อสร้างเรือของพวกเขา

ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็สร้างเรือได้ทั้งสิ้นสี่ลำ

หลี่ฟู่เฉินโดยสารเรือไปพร้อมกับฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยู

ใช้พลังฉีของพวกเขาเป็นตัวขับเคลื่อน เรือแล่นไปยังบริเวณที่ลึกที่สุดของทะเลสาบ

หลังจากนั้นสองสามชั่วโมง ทุกคนสามารถได้ยินเสียงน้ำตกที่ตกกระทบลงราวกับฟ้าร้องได้

ภายใต้ความรู้สึกของพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งไหลลงไปหลังจากสิ้นสุดส่วนท้ายของทะเลสาบ แต่ใต้น้ำตกนั้นเป็นเหวลึกไร้สิ้นสุด

“ลงไปกันเถอะ”

ชูมู่หยูไม่ลดความเร็วเรือของเธอ

ครืด ครืด ครืด!

เรือทั้งสี่ลำแล่นออกจากทะเลสาบและร่อนลงมาจากท้องฟ้า

สัมผัสกับน้ำลึกใต้พวกเขา ทุกคนยืมพลังจากเรือด้วยการเหยียบมันและกระโดดขึ้น

เมื่อร่อนลงที่ปลายสุดของน้ำตก หุบเขาขนาดใหญ่ถูกนำเสนอแก่สายตาของทุกคน หุบเขานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเครื่องหมายที่สี่

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่านี่คือดินแดนแห่งหมอก ข้าสงสัยว่ามีความลับมากมายเท่าใดที่ซ่อนอยู่ภายใน” หลี่ฟู่เฉินคร่ำครวญ

ส่วนตะวันตกของเมืองหมอกหนานี้เป็นที่รู้จักกันในนามดินแดนแห่งหมอก ในส่วนนี้คือที่ๆ ทุกคนไม่สามารถสำรวจได้ ไม่แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เป็นเวลาหลายร้อยปีที่มีความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในนี้ ซึ่งปลูกฝังความอยากรู้และความกลัวเข้าไปในหัวใจของผู้คน