ตอนที่ 1677 กวาดเรียบ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1677 กวาดเรียบ
พลังบ่มเพาะของเย่หยวนในตอนนี้นั้นมันไม่ได้แตกต่างจากอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวนัก

หากให้พูดกันตามหลักการ เย่หยวนไม่มีทางสร้างความเสียหายที่รุนแรงแก่ซัวหานได้เลย

แต่หมัดของเขาแต่ละหมัดมันกลับพุ่งเข้าที่หน้าซัวหานอย่างรุนแรง

ปราณเทวะของซัวหานนั้นไม่สามารถรับการโจมตีของเย่หยวนได้เลยแม้แต่น้อย

หลังถูกต่อยไปได้หลายหมัด ซัวหานก็รู้สึกได้ถึงความกระทบกระเทือนที่สมองได้รับจนเริ่มแยกทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ไม่ออกแล้ว

ตอนนี้เรื่องที่เดียวที่เขายังมีในหัวก็คือ หนี!

“อ-อย่าต่อยข้าอีกเลย!”

ตอนนี้ทุกอย่างตรงหน้าซัวหานนั้นมันเริ่มมืดดับ หัวของเขาหมุนไปหมด ได้แต่ตะโกนไปวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง

สภาพนั้นมันช่างดูน่าขบขัน

บนเขาแห่งถงเทียนลูกนี้ คงเรียกภาพของทั้งสองได้ว่าเป็นภาพของ ‘คนหนึ่งไล่ คนหนึ่งหนี’

เว้นแต่ว่าผู้ที่ไล่จะเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว ส่วนผู้หนีเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวที่ถูกทำร้ายจนยับเยิน ภาพนี้มันจึงยิ่งน่าเหลือเชื่อกว่าเก่า

แต่ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่สามารถบินบนเขาแห่งถงเทียนได้ แต่เย่หยวนนั้นรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติ จึงก้าวเดินได้ราวกับมีปีก

ไม่ว่าซัวหานจะวิ่งไปมากเพียงใด เย่หยวนก็จะตามไปได้ในเวลาแค่สองถึงสามก้าว ก่อนจะต่อยลงไปอีกหมัดหนึ่ง

ที่ด้านข้างเหล่าผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวได้แต่ยืนนิ่ง

“หมอนี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปไหม?”

“ที่แปลกคือทำไมมันไม่โดนทัณฑ์สวรรค์นี่สิ?”

“เด็กคนนี้มันลึกลับเสียจริงๆ ตั้งแต่เจอมันมันก็สร้างเรื่องราวที่เหนือความเข้าใจของเรามานักต่อนัก!”

“ชิชิ ซัวหานคงสูญเสียครั้งใหญ่แน่ครานี้ เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวแต่กลับได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำอย่างไม่สามารถตอบโต้ได้ คงเจ็บแค้นไปจนตายแน่ๆ”

เหล่าศิษย์น้องของซัวหานไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยศิษย์พี่เลยสักคน เพราะพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือบนเขาแห่งถงเทียนนี้ ได้แต่มองดูซัวหานถูกทำร้ายอย่างน่าสมเพช

ในที่สุดซัวหานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจนร้องขึ้นมาทั้งน้ำตา “ข้าขอร้องเจ้าล่ะ อย่าได้ทำร้ายข้าอีกเลย หากยังโดนต่อไปหน้าข้าคงเสียรูปหมดแน่! หากเจ้าสัญญาว่าจะไม่ต่อยข้าอีก ข้าจะยอมรับข้อเสนอของเจ้าทุกอย่างเลย!”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงหยุดมือลงทันทีและถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นเหยียบ “อะไรได้ก็ได้จริงๆ รึ?”

“ใช่! ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม! ตราบเท่าที่เจ้าจะยอมหยุดโจมตีข้า!”

ซัวหานนั้นกลัวจนหัวหดจริงๆ ในตอนนี้ เพราะนี่มันคือการทรมานอันไม่สิ้นสุดชัดๆ

ชายคนตรงหน้าของเขาคนนี้มันคือปีศาจโดยแท้!

ซัวหานเริ่มรู้สึกขึ้นมาได้ในว่าเขาแห่งถงเทียนนี้ เย่หยวนนั้นเป็นอมตะ

กฎเกณฑ์ต่างๆ บนเขาแห่งถงเทียนนี้ที่พันธนาการเหล่านักยุทธไว้กลับไม่มีผลใดๆ ต่อตัวเขาเลยแม้แต่นิด

เจ้าโจมตีไม่ได้ แต่เขาทำได้!

เจ้าเข้าม่านหมอกไม่ได้ แต่เขาทำได้!

โลกใบนี้มันยังมีอะไรที่ไร้เหตุไร้ผลแบบนี้อยู่ด้วยรึ?

ระดับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว หากไปอยู่ในโลกข้างนอกคงกลายเป็นยอดคนที่สูงส่ง!

แต่ตอนนี้เขากลับถูกเจ้าเด็กที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาใหม่ๆ ต่อยเอาจนหน้าเสียรูป เรื่องแบบนี้จะยังไปหาเหตุผลใดๆ มารองรับได้อีก?!

เย่หยวนพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าขอสองอย่าง ตราบเท่าที่เจ้าทำตามข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก”

“เจ้าว่ามาเลย ว่ามา! ไม่ว่าเจ้าจะอยากได้อะไรข้าก็ยอม!”

เขาเองก็ไม่ได้โง่นักและรู้ดีว่าราคาที่เย่หยวนจะเรียกนั้นมันคงสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ

แต่ตอนนี้เขานั้นไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

เมื่อได้เจอกับศัตรูที่ไร้ทางต้านแบบนี้ นอกจากยอมแพ้มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

เย่หยวนบอก “ก่อนอื่นก็ไปขอโทษแม่นางเล้งและสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจะไม่ไปยุ่งย่ามกับนางอีกในอนาคต!”

ซัวหานเพิ่งกลับมาได้สติหลังได้ยิน ได้ยินแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเย่หยวน “เย่หยวน เจ้า… เจ้าคนน่ารังเกียจ!”

เย่หยวนเองก็ไม่ได้โกรธเคืองใดๆ และยกหมัดขึ้นมาแทน

ซัวหานแทบสำลักเมื่อเห็นหมัดนั้น เขาได้แต่กัดฟันแน่นและตอบ “ได้ ข้าสัญญา!”

ในความคิดของซัวหานแล้ว เย่หยวนนั้นคิดอยากจะครอบครองคนที่เกินกว่าตัวเองจะเอื้อมถึงจึงได้ใช้กำลังบังคับให้เขาต้องถอนตัวออกมาเช่นนี้

แต่จริงๆ เย่หยวนไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับเล้งชิวหลิงแม้แต่น้อย เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่จินตนาการอันเลิศล้ำของซัวหาน

แต่เย่หยวนก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายใดๆ ออกไป เพราะยังไงเสียเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงก็ยังสำคัญกว่าเสมอ

การปล่อยให้ผู้คนเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ มันไม่ได้ส่งผลกระทบใดกับเขาเลย

เล้งชิวหลิงมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยท่าทางที่ตกตะลึงไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าคำขอแรกของเย่หยวนจะเป็นเพื่อนช่วยนาง

เพราะหากให้บอกตามตรงนางเองก็รำคาญเจ้าขี้หมาติดฝ่าเท้าอย่างซัวหานคนนี้มาก แต่นางก็ไม่สามารถจะสลัดมันให้หลุดได้เสียที

แถมผู้ใหญ่ในตระกูลทั้งสองฝั่งเองก็ค่อนข้างเห็นดีเห็นงามกับเรื่องของทั้งสองด้วย

ตอนนี้เมื่อได้แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีต่อนางอย่างมาก

เมื่อคิดได้แบบนั้น ทางก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเย่หยวนขึ้นในใจ

ตอนนี้ซัวหานค่อยๆ เดินเข้ามาอยู่ต่อหน้าเล้งชิวหลิงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะใช้ดวงตาที่แสนไม่พอใจมองไปยังนางและเปิดปากขึ้น แต่กลับไม่พูดเสียงใดๆ ออกมา

ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งผู้หญิงเล่นตัวมาก ยิ่งได้ยากเย็นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าลุ่มหลงมากเท่านั้น

การชนะในราชินีน้ำแข็งอย่างนางนั้นเป็นสุดยอดเป้าหมายหนึ่งของซัวหานเลย

เขานั้นเชื่อว่าด้วยความสามารถของเขา สักวันน้ำแข็งก้อนนี้จะต้องละลายลงจนได้

แต่ตอนนี้เพราะคำสาบานนี้ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเขามันจะจางหายไปราวกับหมอกควัน

“อะไร? ตอนนี้เจ้ายังกลับคำได้นะ!”

เย่หวนมองดูซัวหานด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายพร้อมยกหมัดขึ้นมาอีกครั้ง

ซัวหานนั้นเกรงกลัวสภาพในตอนนี้ของเย่หยวนมากจนได้แต่กัดฟันและก้มหน้าลงต่อเล้งชิวหลิง “น้องเล้ง อดีตที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น ข้าไม่ควรไปตามตื๊อเจ้าเลย! ซัวหานผู้นี้ขอสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจากนี้ไปข้าจะไม่ตามรังควานเจ้าอีกต่อไปแล้ว! หากข้าผิดคำสาบานขอให้ข้าไม่ได้ตายดี!”

ซัวหานเกลียดชังเย่หยวนขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ!

แต่เขากลับไม่สามารถที่จะทำอะไรกับมันได้เลย!

ตอนนี้เขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อออกไปจากเขาแห่งถงเทียนเมื่อใด เขาจะต้องหาทางสังหารเย่หยวนลงให้ได้

ความแค้นนี้ต้องรับการชำระ!

ได้ยินคำสาบานของซัวหาน เล้งชิวหลิงก็รู้สึกได้ราวกับว่ามีภูเขาหนักหายไปจากบ่า

นางหันไปหาเย่หยวนและบอก “ขอบคุณมาก!”

แม้ว่าน้ำเสียงมันยังยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม แต่เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจในคำขอบคุณนี้และยิ้มตอบกลับมา “เรื่องเล็กน้อย แม่นางเล้งอย่าได้ใส่ใจเลย”

การสนทนาของคนทั้งสองนั้นช่างฟังดูแสนธรรมดา แต่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังกลับรู้สึกว่ามันช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน

ซัวหานสาบานว่าจะไม่ตามตื๊อเล้งชิวหลิง แต่เล้งชิวหลิงกลับหันมาขอบคุณเย่หยวน

ภาพนี้มันยิ่งเสียกว่าการลากไปตบหน้ากลางฝูงชน!

นางต้องโกรธแค้นซัวหานถึงขั้นใดที่จะพูดจาแบบนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนได้?

ซัวหานนั้นหน้าเสียหนักกว่าเก่า ราวกับว่าได้กลืนแมลงวันตัวยักษ์ไป

แต่แน่นอนว่าด้วยใบหน้าเหมือนหัวหมูของเขาในตอนนี้ คนอื่นๆ คงแยกสีหน้าของเขาไม่ออก

ตอนนี้หลายต่อหลายคนพยายามทำแค่แอบดูเพราะภาพตรงหน้านี้มันน่าอับอายจนเกินกว่าที่จะมองตรงๆ ได้

เล้งชิวหลิงนั้นยังใจเย็นได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดูแล้วความฉลาดทางด้านอารมณ์ของนางคงไม่ได้สูงมากนัก จนตอนนี้นางก็ยังไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองมันผิดปกติใดๆ

แต่เมื่อเห็นคนรอบๆ แอบหัวเราะ นางก็จึงเกิดสงสัยขึ้นมาว่าพวกเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน

ซัวหานนั้นทนสภาพในตอนนี้ไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันหน้าไปถามเย่หยวน “ข้าทำเรื่องแรกแล้ว ว่าเรื่องที่สองมา!”

เย่หยวนตอบกลับไป “ส่งแหวนเก็บของทั้งหมดของเจ้าและศิษย์น้องของเจ้ามา!”

เมื่อซัวหานได้ยินเขาก็แทบจะกู่ร้องออกมา แต่เมื่อได้เห็นเย่หยวนยกหมัดขึ้นอีกครั้งเขาก็ได้แต่กลืนความโกรธแค้นนั้นลงคอไป

“จ-จำไว้เลยนะ!” ซัวหานนั้นโกรธจนเรียกได้ว่าแทบจะระเบิดออก แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อเย่หยวนได้

นอกจากยอมแล้วมันยังมีทางเลือกอื่นใดอีก?

ซัวหานหันไปสั่งกลุ่มศิษย์น้อง “ส่งแหวนเก็บของของพวกเจ้ามาให้หมด!”

พูดจบเขาเองก็หยิบแหวนออกมาหลายต่อหลายวง หลังสละความเป็นเจ้าของแล้วเขาก็โยนมันทั้งหมดไปให้เย่หยวนพร้อมๆ กัน

เย่หยวนมองดูซัวหานด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา “ทุกคนจงสาบานต่อยอดเต๋าว่าพวกเจ้าไม่ได้แอบซ่อนใดๆ ไว้อีก!”

ซัวหานแทบจะกระอักเมื่อได้ยินเย่หยวนและหยิบแหวนอีกวงขึ้นมา

ดูท่าแล้วสิ่งที่อยู่ในแหวนนี้คงเป็นของที่สำคัญกับตัวเขามาก

เขามองดูเย่หยวนอย่างโกรธแค้น อยากจะด่ากราดออกไป แต่เมื่อคำพูดด่าเหล่านั้นมันขึ้นมาถึงปาก เขาก็ต้องกลืนมันกลับลงไป

หากปล่อยให้คำพูดด่าทอเหล่านั้นมันหลุดออกมาตอนนี้มันก็เท่ากับว่ารนหาที่ชัดๆ