บทที่ 597 เรื่องราวของตัวละคร (4)

The Novel’s Extra

บทที่ 597 เรื่องราวของตัวละคร (4)

แต่เหมือนจอมวายร้ายที่แท้จริง บาอัลเลือกที่จะทำลายตนเอง หนึ่งในสามของคาบสมุทรเกาหลีมีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายทั้งหมด ในขณะเดียวกันผมเฝ้าดูการตัดสินใจของชินมยองจุลในจิตสำนึกของบาอัล

สำหรับความประหลาดใจของผม ชินมยองชุลไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

– ถ้านายได้ยินฉันนะ เบลล์ ฉันขอขอความช่วยเหลือจากนายเป็นครั้งสุดท้าย บอกจงฮักเกี่ยวกับเรื่องราวของฉัน ด้วยวิธีนี้ เขาจะไม่กลายเป็นฉัน ช่วยให้เขาบรรลุสิ่งที่ฉันทำไม่ได้ จงฮักมักจะบอกว่าเขาจะกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่…ฉันเชื่อเขา เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ยิ่งใหญ่กว่าฉัน

ชินมยองชุลทิ้งความต้องการของเขาไว้กับผมก่อนที่จะสร้างกำแพงด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา เขาแลกชีวิตของเขาเพื่อชีวิตของคนนับล้าน นั่นคือสิ่งที่ วีรบุรุษ ชินมยองชุล พบกับชะตากรรมของเขา

“…นายคิดว่าไง?”

เมื่อผมเล่าเรื่องสั้นเสร็จก็หันไปหาชินจงฮัก ผมต้องสรุปเรื่องของชินมยองชุลมากกว่าที่ผมชอบเพราะสภาพร่างกายของผมเองมันไม่เอื่อมอำนวยเท่าไหร่นัก แต่เนื่องจากผมส่งความทรงจำบางส่วนไปให้ชินจงฮักด้วยพลังเวทย์มนตร์ของผม เขาจึงน่าจะเข้าใจ

“การเสียสละของชินมยองชุลนั้นได้รับการยกย่องในหนังสือว่า เป็นสิ่งที่ดีเลิศของความกล้าหาญ แต่ในความเป็นจริง เขาแค่รับผิดชอบต่อความเห็นแก่ตัวในอดีตของเขา”

ชินจองฮักไม่ได้พูดอะไรเลย ด้วยท่าทางที่แข็งทื่อ เขาทรุดตัวลงและมองลงไปที่พื้น ผมหัวเราะและวางมือบนหัวของเขา

“มยองชุลทิ้งมรดกไว้ในร่างกายของนาย นายน่าจะรู้ว่าต้องทำอะไรนะ”

เมื่อมองหน้าเขา ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังฟังอยู่หรือเปล่า มีความจริงที่น่าตกใจครั้งสุดท้ายที่ผมต้องพูด แต่ผมเลือกที่จะเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อผมค้นพบเกี่ยวกับมัน แม้แต่ผมเองก็ยังสั่นเทา

“ซาฮยอค”

จินซาฮยอคหันมาหาผม ผมสามารถเห็นตัวเองผ่านภาพสะท้อนในดวงตาของเธอได้ พลังงานปีศาจกำลังวนเวียนอยู่รอบตัวผม และดวงตาของผมก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
เห็นได้ชัดว่าผมไม่มีเวลาเหลืออยู่อีกแล้ว

“เธอพร้อมไหม?”

จินซาฮยอคพยักหน้าตามคำขอของผม
ผมทนความเจ็บปวดจากการเจาะในร่างกายและยิ้มอย่างขมขื่น

“ฉันขอโทษนะ ฉันอยากจะอธิบายเพิ่ม แต่ฉันไม่มีเวลาเหลือซะแล้วสิ”

ความจริงสุดท้าย…โลกนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่า ‘นวนิยาย’ ที่เขียนโดยชายบางคนที่จะถูกฝังไว้กับผม ผมค้นพบเพียงเพราะผมมองเข้าไปในหัวของคิมฮาจิน ดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวล

“…ทุกอย่างจะไม่เป็นไร”

จินซาฮยอคลุกขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์

“ขอบคุณนะ”

มันนานเกินไปแล้ว มันน่าหงุดหงิดที่พบว่า 400-500 ปีที่ผมได้รับความทุกข์ทรมานนั้นไม่ได้ถูกกล่าวถึงในนวนิยาย แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอก
ผมไม่สนใจอีกต่อไป

“ฉันอยากพักผ่อน”

ในที่สุด ความตายก็จะบรรเทาความรู้สึกทั้งหมดของผมไปเอง…..

**

Chwaaaaa-!

อียอนจุนเหวี่ยงพลังเวทย์มนตร์ของเขา พลังเวทย์มนตร์ที่มีรูปร่างคล้ายปลาหมึกยักษ์นั้นทำให้พื้นดินละลายและระเหยไปสู่บรรยากาศ

ผมได้ใช้พรสวรรค์และสิ่งประดิษฐ์กับเขาทุกอย่าง – [การสกัด], [เข้าใจพลังจิตวิญญาณ], [ระบบการรวมแบบสุ่ม], [Desert Eagle] และอีกมากมาย ผมต้องการปริมาณมากกว่าคุณภาพเสมอ

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถเจาะการป้องกันของอียอนจุนได้

Desert Eagle ขึ้นสนิมซะแล้ว เกราะของผมพัง อากาศธาตุแตก ทั้งหมดเป็นเพราะอุณหภูมิยังคงผันผวนระหว่างความร้อนและเย็น

“ …นายมีความสามารถที่น่าทึ่งนะ”

ท่ามกลางความเยือกเย็น อียอนจุนก็พึมพำอย่างไม่สะทกสะท้าน มันไม่ใช่คำชม แต่เป็นการดูถูกเหยียดหยาม

“ของนายน่าหลงใหลกว่าอี๊ก”

ลมหายใจจากปากของผมแข็ง และเป็นสีขาว

“…”

อียอนจุนบิดริมฝีปากของเขา

“หึ….”

ผมรักษาหัวของผมให้อยู่เหนือน้ำ ต้องขอบคุณลูกแก้วฟื้นฟู แต่ผมรู้ว่าผมไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ผมเลือกที่จะใช้วิธีการที่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

ถ้าผมจู่โจมอียอนจุนจากระยะไกล โอกาสของผมก็จะดีขึ้นมาก ผมอาจฆ่าเขาก่อนที่เขาจะตอบสนอง

ในความเป็นจริง นั่นเป็นวิธีที่ผมวางแผนไว้ว่าจะเข้าหาเขาจนถึง 3 ชั่วโมงก่อน แต่อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด ผมเลือกที่จะเผชิญหน้ากับเขา การตัดสินใจครั้งนี้ทำด้วยความคิดอันเเปลกประหลาด

“ …ฉันอยากรู้เกี่ยวกับบางอย่าง”

แม้ว่าการขยับริมฝีปากที่เยือกแข็งของผมจะเจ็บปวดมาก แต่ผมก็สามารถเปิดปากได้ ช่างน่าเศร้าที่อียอนจุนไม่สนใจผมและยิงพลังเวทย์มนตร์ของเขาต่อไป ซึ่งลำแสงนั้นแทงทะลุไหล่ของผม

ผมใช้พรสวรรค์ [แรงกดดันและการขยาย] เพื่อระงับความรู้สึกของผม เป็นผลให้ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ

“ฉันดูอดีตของนาย”

ตอนนั้น ในที่สุดอียอนจุนก็แสดงปฏิกิริยา เขาจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“สิ่งที่นายทำก็เพื่อนำอีบยอลเข้าไปในคณะคมีเลียน สิ่งที่นายทำกับพ่อแม่ของอีบยอลก็เพื่อปลุกระดมความกลัวให้กับลูกสาวของพวกเขาว่า นายเปลี่ยนชีวิตของอีบยอลเป็นนรกที่มีชีวิตได้อย่างไร เมื่อเธอสามารถนำชีวิตธรรมดา…”

ผมยังคงเขียนรายการทุกอย่างที่ผมเคยเห็นในอดีต แต่คำพูดของผมไม่ได้มีไว้สำหรับอียอนจุน
ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะโน้มน้าวเขา โลกนี้ไม่ใช่นิยายและผมรู้ว่าความคิดโบราณที่ชักชวนคนร้ายด้วยการพูดที่ราบรื่นใช้ไม่ได้กับผม ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายๆ

“เหตุผลที่พ่อแม่ของอีบยอลต้องฆ่าลูกสาวของพวกเขา…ฉันเห็นมันทั้งหมด”

ผมกำลังพูดกับคนที่ผมรู้ว่ากำลังดูผมจากที่ไหนสักแห่ง
ผมไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของเธอได้ และมันจะเหบวไหลถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ผมเชื่อในโชคของผม

“ …มันคงสนุกแน่”

อียอนจุนยิ้มเยาะ ซึ่งนี่ทำให้ผมขมวดคิ้ว

“นายไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่นายทำหรอ?”

“ไม่แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน บยอลก็คงจะอยู่ท่ามกลางขยะเหล่านั้นตลอดไป”

อียอนจุนตอบด้วยความมั่นใจ
ผมเย้ยหยันด้วยความไม่เชื่อ

“…ทำไมนายถึงทำ?”

“ฉันต้องการเป็นเจ้าของเธอ”

เสียงของเขาจมลงกับพื้น เสียงของเขาแข็งเหมือนก้อนไม้

“เมื่อผู้คนแตกหัก พวกเขาจะเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น นั่นคือทั้งหมดไงละ”

“…”

เขาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของวายร้ายสองมิติที่ผมเคยอ่านในหนังสือคู่มือการเขียน ตัวละครที่ไม่สามารถและไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าอะไรจะถูกสร้างขึ้น เพื่อจุดประสงค์เดียวในการเป็นวายร้าย

ผมมองอียอนจุน และฝืนยิ้ม

“มันเหมือนกับว่านายเป็นตัวละครในนิยายเลยนะ”

อียอนจุนยักไหล่และพูดว่า “ตอนนี้เป็นตาฉันแล้วที่จะถาม ทำไมนายถึงอยู่กับบยอล? บยอลกับนายเกี่ยวข้อง -”

“ฉันรักเธอ”

คำตอบของผมก็สั้นเช่นกัน ผมพูดด้วยอารมณ์และความมั่นใจ

“…รัก?”

อียอนจุนกัดฟันของเขา

“ช่าย นายรู้ว่านั่นหมายถึงอะไรใช่มั้ย? อ่า แต่อาจมีแค่คนอย่างนายแหละที่ไม่เข้าใจ”

เสียงฟันกัดดังขึ้นและการสนทนาของเราหยุดอยู่แค่นั่น
อียอนจุนมอบพลังเวทย์มนตร์ที่ทรงพลังและรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาให้ผมอย่างปลื้มปริม

Chwaaa-!

พลังเวทย์มนตร์ของเขาเปลี่ยนเป็นกลุ่มหนวด ผมไม่กล้านับว่ามีกี่อัน เส้นประหลาดพิลึกขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าหรือตกลงไปที่พื้นก่อนที่จะบินมาหาผม

Kwaaaa …

หนวดนับไม่ถ้วนปิดกั้นมุมมองของผม
ผมรู้ว่าไม่สามารถหยุดพวกมันได้
ผมอาจตายที่นี่ แม้ว่าผมจะยังสามารถฟื้นคืนชีพด้วยทักษะเฉพาะของผมได้ก็ตาม

จากนั้นผมก็ตระหนักว่าโชคของผมเปิดใช้งานอีกครั้ง

[บังเอิญมีคนฟังความรู้สึกที่แท้จริงของคุณและเข้าใจมัน]
[รอดพ้นจากความตาย (8/9) – สถิติพิเศษ, การสะสมของโชคจะปลดล็อคบางส่วน!]

การแจ้งเตือนที่กระพริบบอกผมอย่างนั้น