ตอนที่ 757 ฟังคำแนะนำจากท่าน
โดย
ProjectZyphon
หลินสวินหันไป ก็เห็นบุรุษหล่อเหลาราวกับหยกที่ไม่รู้มายืนอยู่ด้านข้างตั้งแต่เมื่อไหร่
คนผู้นี้สวมชุดสีเขียวเรียบง่ายสะอาดตา เท้าสวมรองเท้าสาน ผมดำปล่อยอยู่หลังศีรษะอย่างสบายๆ บุคลิกสง่าปานต้นสน
ผิวพรรณของเขาขาวกระจ่างราวกับหยก เครื่องหน้าให้ความรู้สึกคมสันชัดเจน ดูกร้าวแกร่งและหล่อเหลา
โดยเฉพาะดวงตาทั้งคู่ของเขา สงบลึกล้ำ นิ่งประหนึ่งทะเลสาบ ราวกับสามารถสะท้อนสรรพสิ่งบนโลกได้ ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตา
ดูจากภายนอกไม่สามารถดูออกว่าชายคนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่ แต่หลินสวินกลับรู้สึกถึงความน่าเกรงขามที่ปะทะเข้าหน้าอย่างจัง
ราวกับเผชิญกับผู้เป็นใหญ่ที่ควบคุมจักรวาล มีวาจาสิทธิ์ ความน่าเกรงขามไร้รูปนั่นทำให้หลินสวินเกร็งไปทั้งตัว
ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ หลินสวินก็รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งจักรวรรดิ!
เพียงแต่ผู้สูงส่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแผ่นดิน ควบคุมดูแลบ้านเมือง แม้ว่าจะสวมใส่ชุดธรรมดาและเรียบง่ายแค่ไหน ความน่าเกรงขามในขั้วกระดูกนั่นกลับไม่สามารถปกปิดได้
“คารวะ… ผู้อาวุโส”
หลินสวินประสานหมัด นี่เป็นมารยาทระหว่างผู้ฝึกปราณ แยกได้จากการเรียกว่า ‘ผู้อาวุโส’ ไม่ใช่ ‘ฝ่าบาท’
ชายคนนั้นยิ้มน้อยๆ “ไม่ว่าอำนาจในโลกจะยิ่งใหญ่เพียงใด สำหรับผู้ฝึกปราณที่ก้าวสู่มหามรรค ท้ายที่สุดก็ไม่มีความหมาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจจุดนี้แล้ว”
เสียงของเขาอบอุ่นและราบเรียบ ทว่ากลับมีนัยน่าเกรงขาม
พูดจบเขาก็ชี้แท่นบูชาห้าสีที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกล่าว “ก้าวขึ้นแท่นบูชานี้ ก็จะสามารถเข้าสู่ช่องทางที่ไปยังดินแดนรกร้างโบราณ เพียงแต่ยามนี้ไม่เหมือนในอดีต พิบัติมหามรรคใกล้เข้ามาแล้ว ส่งผลให้อุโมงค์ช่องทางไม่มั่นคง เจ้าไปคราวนี้ต้องระวังให้มาก”
หลินสวินพยักหน้า แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าจักรพรรดิจะมาส่งตนด้วยตัวเอง แต่ตอนที่เวลานี้มาเยือน ในใจยังคงอดหวั่นไหวไม่ได้
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นบุคคลชั้นยอดที่ผู้คนใต้หล้าเคารพยำเกรง ทำให้ผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนเลื่อมใส!
ควบคุมอำนาจบ้านเมือง ครอบครองดินแดนทั่วทุกสารทิศ ทอดสายตามองไปใต้หล้า หากพูดถึงฐานะ ใครจะสามารถทัดเทียมเสมอเหมือน
ในเวลานี้จักรพรรดิหันกลับมาพร้อมสีหน้าอบอุ่น ยิ้มน้อยๆ กล่าว “แม้เราจะพบกันครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินหลายคนพูดถึงเจ้า”
“จักรพรรดินีบอกว่าเจ้านิสัยหยิ่งผยองหายาก ทำอะไรตามอำเภอใจ จะเกิดเรื่องได้ง่าย”
“ไท่ไหลบอกว่าเจ้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย นิสัยโหดเหี้ยมเด็ดขาดอย่างที่สุด หากเป็นศัตรูของจักรวรรดิ จะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค นำหายนะมาสู่ใต้หล้า”
หลินสวินฟังแล้วเหงื่อตกขึ้นมา ลอบก่นด่าในใจ จักรพรรดินีว่าตนเช่นนั้นก็ช่างเถอะ แต่จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จ้าวไท่ไหลพูดแต่คำพูดไม่เข้าหูได้อย่างไร
พบกันคราวหน้าจะต้องขูดรีดให้หนัก!
“ส่วนจิ่งเซวียนบอกว่า…”
จักรพรรดิพูดถึงตรงนี้ แววตาลึกล้ำปรากฏแววพิกลวูบหนึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับทอดถอนใจอยู่บ้าง
“นาง… พูดว่าอะไร” หลินสวินอดถามไม่ได้ สงสัยมากจริงๆ ว่าจ้าวจิ่งเซวียนจะวิจารณ์ตนอย่างไร
“นางบอกว่าเจ้าก็คือเจ้า ไม่ว่าคนอื่นจะมองอย่างไรก็ตาม” จักรพรรดิพูดจบก็หัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่
หลินสวินอึ้งงันในตอนแรก หลังจากคิดตามอย่างละเอียดแล้วก็หัวเราะออกมาเช่นกัน มีความรู้สึกโปร่งโล่งเหมือนกับมีผู้รู้ใจ
จ้าวจิ่งเซวียน…
นึกถึงสาวงามที่ทั้งสดใสและเป็นอิสระคนนี้ ในใจหลินสวินก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนได้เจอสหายรู้ใจ ไม่ต้องอธิบายก็สามารถเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ ทำให้หลินสวินรู้สึกลึกล้ำยิ่ง
หลินสวินกลับไม่ได้สังเกตว่าสีหน้าในตอนนี้ของเขาอยู่ในสายตาของจักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของฝ่ายหลังเผยแววซับซ้อนอันยากจะสังเกตเสี้ยวหนึ่ง
ความรู้สึกเช่นนี้มีบางส่วนคล้ายกับพ่อตาเจอลูกเขยเป็นครั้งแรก แต่ก็มีบางส่วนไม่เหมือนนัก ดูละเอียดอ่อนอย่างมาก
หลินสวินรู้สึกอึดอัดขึ้นมากะทันหัน พอเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของจักรพรรดิก็กลับสู่ปกตินานแล้ว ทำให้เขาไม่เห็นความผิดปกติเลยสักนิด
จักรพรรดิกล่าว “และในความคิดของข้า ที่พวกเขาพูดล้วนไม่ผิด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คนผู้หนึ่งย่อมมีความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะบนเส้นทางมหามรรค ทุกย่างก้าวอาจจะทำให้จิตใจของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง”
หลินสวินเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง เมื่อก่อนเขาชอบยิ้มมาก เพราะตอนนั้นเขาคิดว่า รอยยิ้มเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการปกปิดความรู้สึกในใจ
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับไม่คิดเช่นนี้แล้ว
จิตใจของคนคนหนึ่ง ท้ายที่สุดก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง นี่ก็คือการเติบโตและความเปลี่ยนแปลง และบนเส้นทางมหามรรคนี้ เพียงยึดมั่นในจิตใจ เดินตามเสียงหัวใจของตนก็เพียงพอแล้ว
จักรพรรดิไม่ได้พูดต่อ จบประเด็นนี้ไป วันนี้ที่เขามาส่งหลินสวินด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อมาพูดคุยเรื่อยเปื่อย
“ดินแดนรกร้างโบราณกว้างใหญ่ไพศาลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะเป็นบุคคลที่ก้าวสู่อริยมรรค ก็ยากจะคาดเดาความยิ่งใหญ่ของมันได้ ที่แห่งนั้นผู้กล้าถือกำเนิดขึ้นพร้อมกัน ราวกับหมู่ดาวเป็นประกายนับไม่ถ้วน หากจะแข่งขันและช่วงชิงมหามรรค ที่นั่นเป็นเวทีที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุดแล้วจริงๆ”
ดวงตาของจักรพรรดิทอดมองไปไกล น้ำเสียงราบเรียบนิ่งสงบ “ตอนนี้อย่างน้อยอีกสิบปี อย่างมากร้อยปี พิบัติมหามรรคจะมาเยือนโลกอย่างเต็มรูปแบบ เปิดม่านยุคแห่งมหาสงครามที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงตอนนั้นเกรงว่าเหล่าสำนักที่จำศีลเก็บตัวเงียบนานปีจะปรากฏสู่โลกอีกครั้ง”
“ดินแดนรกร้างโบราณจะต้องกลายเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้มรรคของผู้ฝึกปราณ โลกจะตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งในอดีตในในอนาคต!”
พูดถึงตรงนี้จักรพรรดิพลันหันกลับมา ในดวงตาสงบลึกล้ำสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ “เจ้าไปเยือนดินแดนรกร้างโบราณครั้งนี้ จำไว้เพียงคำเดียวก็พอแล้ว”
“คำใดหรือ” หลินสวินหัวใจสะท้าน
“สู้!”
จักรพรรดิพูดคำหนึ่งออกจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา บนใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกเผยความเผด็จการเย้ยหยันโลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น่าสะพรึงไร้เทียมทาน
“การต่อสู้มหามรรคประหนึ่งเรือนับร้อยแย่งกันวิ่งบนผิวน้ำ ช้าไปก้าวหนึ่ง ชีวิตนี้… อาจไม่มีหวังที่จะก้าวสู่ระดับสูงสุดของมหามรรคได้อีก!”
หลินสวินหัวใจสั่นไหว จำได้ขึ้นใจแล้ว เหตุผลนี้เขาเข้าใจมานานแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เมื่อได้ยินจากปากจักรพรรดิ กลับทำให้เขารู้สึกสั่นสะเทือน
“และถ้าอยากช่วงชิงมหาศุภโชคในมหาสงครามที่กำลังจะเปิดม่านขึ้นนี้ สิ่งที่ต้องใช้ก็คือพลัง”
จักรพรรดิพูดถึงตรงนี้ก็กล่าวเตือนหลินสวินเป็นพิเศษ “การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของเจ้ามักจะใช้วิธียืมพลังผู้อื่นมาสะท้อนพลัง นี่เป็นเพียงแค่วิถีเล็กๆ เท่านั้น เจ้าต้องจำไว้ว่า เมื่อเผชิญกับพลังที่แท้จริง แม้สติปัญญาของเจ้าจะล้นฟ้า กลยุทธ์ตะลึงโลก ก็ยังจะถูกโจมตีจนร่างแหลกละเอียดอย่างแน่นอน”
“นี่ จึงจะเรียกว่ามหามรรค!”
“พลัง…” หลินสวินพึมพำ
“ใช่! การเปลี่ยนแปลงของจิตใจ การยกระดับของพลังปราณ ความยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณ ความแข็งแกร่งของร่างกาย ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ล้วนแสดงให้เห็นจากการเปลี่ยนแปลงของพลังที่คนเราครอบครอง พลังเช่นนี้สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นราชัน สามารถต้านทานอมตะเคราะห์ ยิ่งสามารถบรรลุสู่อริยะ!”
สิ่งที่จักรวรรดิพูดไม่ใช่วิธีการฝึกปราณ เป็นเพียงการตระหนักรู้ในการฝึกปราณเท่านั้น ดูเรียบง่ายยิ่ง แต่สำหรับหลินสวินกลับล้ำค่าอย่างมาก
“มหามรรคเทวานี้ก็เป็นพลังอย่างหนึ่ง เพียงแต่ต้องหยั่งรู้และเข้าใจ”
“วิชานับหมื่นพันก็คือวิธีการใช้พลัง เพียงแต่ต้องฝึกฝนและควบคุม”
“แม้แต่ความรู้ ประสบการณ์ ความคิดความอ่านที่เจ้าครอบครองก็เป็นพลังภายในอย่างหนึ่ง มีสิ่งเหล่านี้จึงจะทำให้เจ้าเข้าใจแก่นแท้จริงของการฝึกปราณยิ่งขึ้นไปอีกขั้น”
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าพลังไม่ใช่เพียงแค่ความรุนแรงเท่านั้น แต่เป็นการอธิบายคำว่าบำเพ็ญเพียรที่ง่ายที่สุด!”
คำพูดเหล่านี้ของจักรพรรดิทำให้ในใจหลินสวินไม่สงบอย่างมาก เขาจดจำทั้งหมดไว้เงียบๆ นี่เป็นคำสอนที่ไม่อาจร้องขอ พาให้หลินสวินซาบซึ้งอย่างที่สุด
“การต่อสู้มหามรรค สิ่งที่ตัดสินแพ้ชนะก็คือพลังที่เรามี มหาสงครามในครั้งนี้จะปรากฏมหาศุภโชคที่ไม่อาจคาดเดาได้ หนึ่งในนั้นรวมไปถึงโอกาสที่จะกลายเป็นมกุฎราชัน”
“มกุฎราชันงั้นหรือ” หลินสวินหรี่ตา
“ไม่ผิด มกุฎมรรคาถูกเรียกว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้แต่ในสมัยบรรพกาล มรรคาเช่นนี้ก็หายากและบางเบายิ่ง ยากที่จะเป็นจริง แต่ในมหาสงครามครั้งนี้ เส้นทางมหามรรคที่แทบจะเป็นตำนานนี้ จะต้องปรากฏสู่โลกอย่างแน่นอน!”
จักรพรรดิมองหลินสวินแล้วกล่าว “ปัจจุบันแม้เจ้าสามารถเหยียบย่างในขอบเขตนี้ได้ แต่เป็นเพียงการเบิกทางขั้นต้นเท่านั้น มีเพียงการกลายเป็นมกุฎราชันที่แท้จริง จึงจะเข้าใจความเร้นลับที่แท้จริงของมรรคาสายนี้ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดแน่นอน”
ราชัน ก็คือคำเรียกผู้ฝึกปราณที่มีพลังระดับสังสารวัฏ
ส่วนมกุฎราชัน แน่นอนว่าเป็นบุคคลน่ากลัวที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาแห่งระดับสังสารวัฏ
อิงตามที่จักรพรรดิกล่าว ในอดีตไม่เคยปรากฏมกุฎราชันแม้แต่คนเดียว! ต่อให้เป็นในยุคบรรพกาล ข่าวลือเกี่ยวกับมกุฎราชันก็ดูบางเบาและไม่เป็นจริง บันทึกเกี่ยวกับขอบเขตนี้ยิ่งยากจะค้นหาและพบเจอ
แต่ขอบเขตนี้มีอยู่จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คือข้อสรุปอันเป็นเอกฉันท์ของนักปราชญ์เมธีนับไม่ถ้วนตั้งแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบัน!
และเมื่อยุคแห่งมหาสงครามมาเยือน ขอบเขตในตำนานนี้ก็อาจจะปรากฏสู่โลก ต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะสามารถ ‘สู้’ จนได้สิ่งนี้มาไว้ในมือ!
ทำความเข้าใจเงียบๆ อยู่นานกว่าหลินสวินจะได้สติ คำนับอย่างจริงจัง “ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
ความซาบซึ้งนี้มาจากใจจริง หากไม่ได้คำเตือนและชี้แนะของจักรพรรดิ เขาก็ไม่รู้เลยว่า ที่แท้สิ่งที่เรียกว่ามหาสงครามมีรายละเอียดมากเพียงนี้
จักรพรรดิเผยรอยยิ้มอันลึกลับ “รอเจ้าก้าวสู่ขอบเขตมกุฎราชันค่อยกลับมาขอบคุณข้าก็ยังไม่สาย”
“กลับมาหรือ” หลินสวินสัมผัสได้อย่างว่องไวว่าคำนี้มีนัยลึกซึ้งมาก
จักรพรรดิพยักหน้า พูดสบายๆ ว่า “ใช่ รอเจ้าไปถึงขอบเขตระดับนั้น จะต้องหวนกลับมาอีกครั้งแน่ เพราะมีเพียงใน ‘โลกชั้นล่าง’ ของพวกเราเท่านั้นที่ซ่อนโอกาสในการบำเพ็ญเพียรที่เจ้าต้องการในตอนนั้น”
“โอกาสในการบำเพ็ญเพียรที่มกุฎราชันต้องการหรือ” หลินสวินชะงัก
จักรพรรดิยิ้ม พูดเนิบๆ ว่า “ส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ในสมรภูมิกระหายเลือดมีป่าต้นหม่อนที่อริยะบรรพกาลหมายปอง เจ้าคิดว่า ‘โลกชั้นล่าง’ แห่งนี้จะแห้งแล้งและธรรมดาอย่างที่ทุกคนเห็นงั้นหรือ”
——